ตอนที่ 5 น้ำพริกถ้วยเก่า
ไม่ถึงยี่สิบนาที รถมอเตอร์ไซค์ของรสรินจอดอยู่หน้าคลินิกรักษาสัตว์ มีคุณหมอหนุ่มที่รสรินรู้จักมักจี่เป็นอย่างดี สีหน้าของหญิงสาวไม่สู้ดีนัก คว้าตัวของลูกชายเข้าไปในร้านว่องไว “พี่หมอคะ ช่วยด้วยค่ะ”
น้ำเสียงร้อนรนนี้ หมอหนุ่มละสายตาออกจากแฟ้มสัตว์ป่วย “เป็นอะไร ทำไมหน้าตาตื่นแบบนี้ล่ะ”
“เจ้าโชคกินช็อกโกแลตค่ะ” รสรินรีบบอก ยื่นเจ้าโชคตัวเล็กให้พี่หมอหนุ่ม
ชายสวมเสื้อกาวน์รีบรับเจ้าหมาน้อยตัวเล็กเข้าไปข้างใน “น้องรสคอยตรงนี้ก่อนนะคะ” คำพูดจาล้วนบ่งบอกว่าชายหนุ่มเป็นคนประเภทไหน
ทว่ากลับมีคนไม่พอใจ เดินหน้ามุ่ยเข้ามาในภายหลัง “หมอนั่นพูดจาแบบนี้กับรสคนเดียวหรือไง” คนตัวโตเริ่มหึงหวงแฟนสาว
“พี่หมอก็เป็นแบบนี้กับทุกคนล่ะค่ะ” รสรินรีบออกตัวให้พี่หมอใจดีคนนี้ อันที่จริงพี่หมอวินเป็นคนแนะนำเรื่องการดูแลเจ้าโชค ตอนที่เก็บมาจากข้างทาง ซ้ำยังตรวจเลือด ฉีดวัคซีนให้ฟรีอีกต่างหาก เขาคือพี่ชายที่แสนดีของรสริน
ชายหนุ่มจับมือแฟนสาวให้นั่งลงเก้าอี้ มองตรงเข้าไปในห้องกระจกที่ปิดเอาไว้ ครู่ใหญ่คุณหมอวินก็เดินยิ้มแฉ่งออกมา “ไม่เป็นไรแล้วครับ ตอนนี้ก็ให้กินยาแล้วก็ล้างท้อง พรุ่งนี้ค่อยมารับกลับ วันนี้พี่วินไม่คิดเงินน้องรสนะคะ”
“ไม่ได้ค่ะ คราวก่อนพี่หมอก็เก็บเงิน คราวนี้ไม่ได้นะคะ” พอรู้ก็โล่งอก สีหน้าจึงดีขึ้นมาบ้าง
“ไม่เป็นไรครับ คิดเงินมาเถอะ” จะบอกว่าคนแก่ขี้น้อยใจก็คงไม่เชิงนัก ชานนท์ไม่ชอบสายตาเจ้าหมอคนนี้ที่มองแฟนสาว แม้อายุจะต่างกันรุ่นราวคราวเดียวกับบิดาและมารดาของหล่อน แต่คนแก่คนนี้ก็ทั้งรักทั้งหวงแม่สาวน้อยคนนี้มากกว่าใคร ๆ และไม่พอใจที่เห็นคนอื่นมองแฟนของตนเองด้วยสายตาพร่างพราว
“ไม่เป็นไรครับ เจ้าโชคนะโชคดีสมชื่อ มีคนรักเอ็นดูแบบนี้ ผมเองก็เบาใจแล้วก็ดีใจด้วยที่ได้พบแม่กับปู่ที่ใจดีแบบนี้” หมอวินคิดว่าชายวัยกลางคนเป็นบิดาของรสริน ดูท่าทางเป็นห่วงเป็นใยเจ้าน้องหมาตัวเล็กนั่นไม่น้อย
คนถูกกล่าวหาว่าเป็นปู่แทบจะคำรามเสียงดังออกมา ด้วยความโมโหถูกหมอหมาคนนี้พูดจาดูแคลนใส่ รสรินยิ้มแห้ง รีบบอกความจริงว่า “อานนท์เป็นพ่อเจ้าโชคค่ะ รสกับอานนท์กำลังจะจดทะเบียนกัน”
“...” หมอวินนิ่งอึ้งไปอึดใจหนึ่ง “เหรอครับ ขอโทษนะครับผมไม่ทราบ” เขายิ้มแหย ไม่คิดว่าสาวน้อยคนนี้จะมีแฟนอายุมาก คาดว่าอาจถูกหลอกแล้วกระมัง เขาไม่กล้าก้าวก่ายเรื่องของรสริน ถึงจะคุ้นเคยกับเธอในฐานะเพื่อนของน้องสาว ซึ่งเป็นลูกสาวของคุณน้า
“ไม่เป็นไร ค่ายาเท่าไร” หมอชานนท์เริ่มหงุดหงิดแล้ว จับมือของแฟนสาวเอาไว้ วางท่าทางเหมือนจงอางหวงไข่ เที่ยวขู่ฟูฟ่องคนอื่นอย่างไม่ยำเกรง
“ผมคิดในราคากันเองก็แล้วก็ครับ สองพันก็พอ” ค่ายาไม่มาก เขาถือว่าลดให้รสรินก็แล้วกัน อีกอย่างเจ้าโชคดีต้องให้น้ำเกลือดูแลเป็นพิเศษ
“ผมให้ห้าพัน คิดว่าคงจะพอนะครับ” เขาไม่ได้อวดรวย แต่ไม่ชอบให้คนอื่นมามองรสรินแบบนี้ ราคานี้ก็ดูสมเหตุสมผลไม่มากไม่น้อยเกินไป
“มันมากเกินไปครับ” หมอวินมองหน้าคนรักของรสริน ดูแล้วหน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เขานึกไม่ออก แต่ก็รับเงินมา และคืนให้ไปสามพัน
ทั้งคู่ยื้อยุดอยู่ตรงหน้าของรสริน คนกลางอย่างเธอล้วนหนักใจไม่น้อย เธอมองตาขวาง “อานนท์คะ”
ชานนท์สะดุ้งโหยง ถูกแม่สาวน้อยขึ้นเสียงใส่ รีบขานรับอย่างว่องไว “ครับ”
“พี่หมอวินบอกแค่สองพันก็สองพันสิคะ” ที่จริงเธอก็เกรงใจอยู่เหมือนกัน แต่ในความใจดีของพี่หมอวิน รสรินจึงรับน้ำใจเอาไว้ แบ่งรับแบ่งสู้ทั้งสองฝ่าย แม้ในเวลานี้จะไม่มีลูกค้าก็ตาม
“ครับ” คนตัวโตกว่ารีบเก็บเงินเข้ากระเป๋า มองตาปริบ ๆ ส่งแววตาออดอ้อนคนรักไม่อายสายตาของหมอวินที่มองมา
“พี่หมอรสฝากเจ้าโชคด้วยนะคะ พรุ่งนี้เดี๋ยวจะมารับกลับค่ะ”
“ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ” คุณหมอรูปหล่อยิ้มแย้ม ก่อนจะโบกไม้โบกมือลาแม่สาวน้อยคนงามที่เร่งรีบจนต้องขับรถมาด้วยตนเอง
ชายหนุ่มอายุมาก คือชานนท์ ยืนกอดอกมองแม่สาวน้อยที่เสน่ห์ล้นเหลือ “อาถามจริง ๆ เถอะ รู้จักเจ้าหมอนั่นได้ยังไง”
“อานนท์คะ เรียกเขาว่าหมอวินสิคะ” รสรินขึ้นเสียง
“เอ่อ...หมอวินก็หมอวิน บอกมารู้จักได้ยังไง” ก็คนไม่หึงไม่ชอบให้คนอื่นมามองแบบนี้ เมื่อครู่อยากควักตาไอ้หมอหมานั่นเสียเหลือเกิน
“อานนท์คะ” รสรินไม่อยากบอก เดี๋ยวคนแก่จะพานโกรธไม่พูดด้วย “กลับบ้านกันดีกว่าค่ะ รสเหนื่อยแล้ว” คราวนี้ไม่โมโห แต่กลับดึงแขนของชายหนุ่มสูงวัย ส่งสายตาวิงวอน
“อาขับเอง รสเกาะแน่น ๆ นะ” ชานนท์ส่งยิ้มร้าย
“อานนท์น่ะขับช้า ขับเหมือนเต่าไม่ไหวหรอกค่ะ” รสรินไม่ชอบขับรถช้า แต่เธอก็ไม่เคยประมาทบนท้องถนน
“ก็อยากให้หนูรสกอดไง เลยขับช้า ๆ มันชื่นใจน่ะ” เวลาที่เขาเบรก ความนุ่มนิ่มกระแทกเข้าแผ่นหลัง ใครไม่ชอบเล่า ไม่ได้จับแต่ถูกถูไถแบบนี้มีความสุขจะตาย
“ทะลึ่งเสียจริง” พูดรู้ว่าเขาคิดอะไร คนตัวเล็กกว่าปล่อยมือออกจากแขนที่เกาะกุม ใบหน้าเห่อร้อน หายใจติดขัด “เลิกทะลึ่งแบบนี้ได้ไหมคะ รสไม่ชิน”
“เอาน่า ต่อไปเดี๋ยวก็ชินเอง” เขายิ้มพร้อมกับขึ้นนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ “จับแน่น ๆ นะครับที่รัก”
ทางด้านพลอยลดา อาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ หลังจากที่เมื่อครู่ใหญ่แผนอ่อยผู้ชายล้มเหลว เธอจึงเลือกสวมแค่เสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นดูทะมัดทะเเมงเหมือนวัยรุ่น โชคดีที่หุ่นของเธอยังเพรียวอยู่ ยังไม่หย่อนยานก็ถือว่าใช้ได้
“ป้าชิดคะ วันนี้ทำอะไรทานคะ ให้พลอยช่วยเถอะค่ะ” พลอยลดาขันอาสา ยืนอยู่ในห้องครัว
“ไปรอข้างนอกเถอะค่ะ อยู่ในนี้เกะกะเปล่า ๆ” ป้าชิดมองดวงหน้าของพลอยลดา ดวงตาคู่นี้หาความจริงใจไม่ได้ เช่นนั้นหญิงสูงวัยสองพี่น้องจึงห้ามปราบ หวั่นว่าคุณหนูรสรินกลับมาจะถูกเอ็ดเอาได้
“พลอยมาอาศัย ก็ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ ไม่เป็นไรค่ะ พลอยรู้ว่านนท์ชอบอะไรไม่ชอบอะไร” ต้มจืดที่เขาชอบคือไม่ใส่กระเทียมเจียว ทุกอย่างคือไม่เลย กระทั่งก๋วยเตี๋ยวที่กินด้วยกันก็ไม่เคยปรุงเสียด้วยซ้ำ
เขาไม่ใช่คนกินยาก ออกจะง่ายเสียด้วยซ้ำ ยกเว้นกระเทียมอย่างเดียวที่เขาไม่แตะต้องและบอกว่ากลิ่นมันฉุนกลืนไม่ลง ปกติแล้วมีอีกอย่างคือเขาไม่ชอบเลี้ยงสัตว์ แต่ดูเหมือนว่าเอาใจเด็กคนนั้นก็เลยพลอยเลี้ยงไปด้วย
“ไม่จำเป็นค่ะ คนของรส รสดูแลเองได้ คุณช่วยถอยไปหน่อยได้ไหมคะ” ก่อนเข้าบ้าน รสรินอยากกินต้มยำกุ้ง ก็เลยให้อานนท์แวะที่ตลาดนัด ได้กุ้งตัวเบ้อเริ่มมาสองกิโล ว่าจะแบ่งให้ป้าชิดกับป้าม้อยคนละถ้วย แล้วก็ทำไข่เจียวปูอีกอย่างก็พอแล้ว อยู่กันแค่นี้จะกินอะไรมากมาย
“ว้าว วันนี้ได้กุ้งมาหรือคะ” ป้าชิดฉีกยิ้ม รีบเข้ามาถือกุ้งแม่น้ำที่รสรินซื้อมา ป้าม้อยเปิดตู้เย็นหยิบข่าตะไคร้ใบมะกรูดออกมา พร้อมกับหยิบหอมแดงลูกเล็ก ๆ อีกสี่ห้าลูกวางไว้บนเขียง เตรียมตัวจะหั่นเครื่องต้มยำลงหม้อ อีกเดี๋ยวหนูรสก็จะแกะกุ้งเอง
“ค่ะ วันนี้ต้มยำกับไข่เจียวปูก็น่าจะพอแล้วนะคะ” รสรินระบายยิ้มหวาน แต่กลับปาค้อนใส่แม่พลอยลาที่เธอไม่ชอบหน้า แล้วสะเออะมายืนอยู่ในครัวอีก
“มีแค่สองอย่างเอง เอากะหล่ำปลีผัดน้ำปลาไหมคะ” ป้าชิดเสนอ
“ก็ดีค่ะ” รสรินพยักหน้าตอบกลับน้ำเสียงนุ่ม
“ชานนท์ไม่ใส่กระเทียมนะ เธอรู้หรือเปล่า” พลอยลดาสวนขึ้น อยากให้รสรินหัวเสีย พาลโมโหทะเลาะกับเธอกลายเป็นเรื่องใหญ่
รสรินมองอีกฝ่าย สายตาดุดันนัก กล่าวด้วยเสียงเหี้ยมเกรียมและแดกดัน “ป้าคะ ฉันชอบอานนท์มาสิบปี จะไม่รู้เชียวหรือว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร ที่แน่ ๆ น้ำพริกถ้วยเก่าเขาไม่มีทางกินมันอีก เข้าใจไหมคะ ถ้าเข้าใจก็ช่วยถอยไปค่ะ เกะกะน่ารำคาญ”
และเด็กสาวยังพูดขึ้นอีก ว่า “ป้าน่าจะเข้าใจนะคะ คำว่าน้ำพริกถ้วยเก่ามันหมายถึงอะไร ทางที่ดีก็ควรอยู่ในที่ทางของตัวเอง ยังไงอานนท์ก็ไม่หวนกลับไปหาอีกครั้งหรอกค่ะ นี่รสหวังดีนะคะ แก่จนปูนนี้แล้ว น่าจะคิดได้ ไม่ใช่ให้รสมาถอนหงอกอย่างนี้”
“นี่เธอมันจะมากเกินไปแล้วนะ”