ตอนที่ 3 แผนฮันนีมูน
ชานนท์เตรียมท่าจะเข้าไปจุมพิตที่แก้มนุ่มนิ่มของรสริน ทว่ากลับพลาดท่า ถูกหนูรสคนงามใช้หมอนมาปิดแก้มเอาไว้ เขาจึงพลาดโอกาสงาม ๆ นี้ไป “โถ่เอ๊ยอดอีกตามเคย” ชายหนุ่มเสียดายนัก แก้มนุ่ม ๆ จะได้กอดได้หอมแต่ละครั้งก็ยากเย็นเสียเหลือเกิน
“ไม่ได้ค่ะ แค่นี้ก็มากไปแล้ว” อันที่จริงแล้ว เธอไม่ได้หวงเนื้อหวงตัวเสียขนาดนั้น ถ้าให้ง่าย ๆ เขาก็ทิ้งขว้างเธออย่างไม่ไยดีนะสิ ผู้หญิงอย่างเธอคิดจะมีแฟนแก่รุ่นราวคราวเดียวกับพ่อแล้วก็ต้องมีชั้นเชิงกันหน่อย
อีกอย่างเธอมาพักอยู่กับคุณอาชานนท์ก็ร่วมสองปีแล้ว มั่นอกมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ หรือกินไม่เลือกหน้า ทำงานเสร็จกลับบ้าน ไม่เคยเหลวไหล ทำตัวน่ารักแสนดีมาตลอด
แต่เธอจะแน่ใจได้อย่างไรว่า คุณอาสุดหล่อจะแอบมีกิ๊กอยู่ในโรงพยาบาลกัน ใครจะโสดได้นานเท่ากับอาหมอของเธอล่ะ เรื่องนี้น่าสงสัย
อีกอย่างทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ สาว ๆ ก็ต้องชมชอบ ทั้งยังออกสื่อต่าง ๆ เป็นอาจารย์หมอตั้งแต่อายุยังน้อย อนาคตกำลังเป็นไปได้สวย รสรินไม่ไว้ใจ เลยต้องหยั่งเชิงหลายครั้ง
และทุกครั้งก็ปกติเหมือนเดิม บอกว่าไม่เคยมีใครนอกจากเธออีกแล้ว คำพูดนี้เชื่อได้จริง ๆ ใช่ไหม รสรินไม่อยากเจ็บปวดใจ ถูกคนแก่หลอกให้รักหลอกให้หลง รู้ตัวอีกทีก็ยากจะตัดใจแล้ว
ชานนท์ทำหน้าเศร้าเหงาหงอยเหมือนไก่ป่วย “เห้อ...” คนตัวโตกว่าถอนหายใจอย่างคนหมดเรี่ยวหมดแรง ถึงเธอจะเป็นเช่นนี้ เขาไม่เคยกรุ่นโกรธแม่ตัวเล็กของเขาเลยสักครา
กลับกันแล้ว การมีอยู่ของรสรินทำให้ที่บ้านไม่เงียบเหงาอีกต่อไป กลับมีชีวิตชีวามาก เห็นเธอยิ้มหัวเราะก็พลอยหัวเราะตาม เวลาที่ร้องไห้เสียใจก็เข้าไปกอดปลอบขวัญคนตัวเล็กให้หายเศร้า
รสรินคล้ายเป็นคนเข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย เวลาที่เขาไปทำงาน ก็มักจะคิดถึงดวงหน้าของแม่หลานสาว บางครั้งก็คิดว่าตนเองนั้นแก่คล้ายไม้ใกล้ฝั่ง
เด็กสาว ๆ อย่างรสรินจะมาชมชอบเขาได้อย่างไรกัน วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ดื่มสุราจนเมามาย เลยหอมแก้มและกอดคนตัวเล็กเอาไว้ และนั่นเป็นวินาทีที่มีความสุขที่สุด และรู้ใจตัวเองมากที่สุด ขาดรสรินไม่ได้
ชานนท์ตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง รสรินมองเขาแล้วก็โล่งอก รีบพูดโพล่งขึ้นมาทันที “พรุ่งนี้นะคะ อย่าลืมนัดของเรา”
“งั้นพรุ่งนี้ไปหาอาที่โรงพยาบาลนะ พวกเราค่อยไปสำนักงานเขตด้วยกัน” เขาเข้าเวรเช้าพรุ่งนี้ จะว่างอีกทีก็ตอนพักกลางวัน ปลีกตัวไม่ได้เอาเสียเลย
“ค่ะ” รสรินยิ้มแย้ม พยักหน้าหงึกหงักอย่างยินดี ในที่สุดเธอและเขาได้เป็นสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากมีคนคิดจะมาแย่งอานนท์ของเธอก็คงต้องคิดถึงทะเบียนสมรสในมือของเธอเอาไว้ให้ดี
“ตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมว่าจะเป็นเมียของอา” ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กกว่า สายตากรุ้มกริ่มนัก พลางครุ่นคิดว่าจะฉลองคืนแรกที่ไหนดี โรงแรม หรือในห้อง หรือว่า...บ้านพักต่างอากาศ
“รสตัดสินใจแล้ว ไม่ให้นางแม่หม้ายมาคว้าอานนท์ไปจากรสหรอกค่ะ” คนตัวเล็กกว่าลุกพรวดจากเตียงนอน มองตาขวางไม่พอใจ นึกถึงหน้าหนา ๆ นั่นทีไรก็อยากจะแจกยันต์ห้าแถวให้เสียเหลือเกิน
คนอะไรช่างมั่นอกมั่นใจเสียเหลือเกิน กล้าหอบผ้ามาขอพักอยู่กับอดีตคนรักแบบนี้ ไม่เรียกว่าหน้าด้านหน้าหนา แล้วจะเรียกว่าอะไรดี สงสัยแม่นั่นคงเสริมคอนกรีตแน่ ๆ ถึงไม่สะทกสะท้านเวลาที่รสรินพูดจาประชดประชัน ทั้งยัง มั่นหน้า มั่นโหนก พูดจาอ่อนหวานอีก น่าขยะแขยงนัก
น้ำเสียงและสีหน้าของรสริน ทำเอาชานนท์หัวเราะลั่น “ฮ่า ๆ” เป็นครั้งแรกที่เห็นท่าทางเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้ก็อดที่จะขำขันอย่างถูกใจไม่ได้
เช่นนั้นชายหนุ่มจึงไปสวมกอดคนตัวเล็กกว่า “อาดีใจนะที่หนูรสคิดได้ เอาเป็นว่าพวกเราจดทะเบียนกันพรุ่งนี้ แล้วจะไปฮันนีมูลที่ไหนดี”
“รสยังไม่ปิดภาคเรียนเลยนะคะ จะหยุดไม่ได้” ถ้าเรียนไม่จบมีหวังถูกพ่อถลกหนังหัวแน่ แม่ปัทก็คงช่วยอะไรเธอไม่ได้ ไม่แน่อาจถูกเล่นงานทั้งคู่จะทำยังไง สงสารก็แต่แม่ปัทนี่แหละ
“รู้แล้วครับ อา จะได้เตรียมตัวลาพักสักสิบวันดีไหม” สิบวันมันน้อยไปด้วยซ้ำ ข้าวใหม่ปลามันต้องจัดให้เต็มที่ ตักตวงความสุขให้เต็มอิ่ม
“พักตั้งสิบวันเลยหรือคะ” ฟ้าเหลืองไหมนั่น รสรินโอดครวญขึ้นมา เธอจะก้าวขาลงเตียงได้ไหม ถามเธอสักคำหรือยัง ว่าพร้อมจะออกศึกกับเขาแล้วหรือยัง เคยดูผ่านตามาบ้างในอินเทอร์เน็ต ลีลาเล่าร้อนพวกนั้น
เธอจดจำเอาไว้ แต่ก็ไม่เคยเอามาใช้งานสักที และมันจะเจ็บเหมือนที่พวกนักแสดงสาว ๆ ร้องครางโอดโอยหรือไม่ พอนึกถึงวิดีโอเหล่านั้น ใบหน้าของหญิงสาวพลันแดงเรื่อ ลามเลียจนไปถึงใบหู
ชานนท์ไม่รู้ว่ารสรินคิดอะไร “คิดอะไรอยู่” แต่เธอไม่ตอบ เอาแต่จ้องหน้าเขา แววตาวาววับนั่น ยิ่งทำให้คนแก่กลัดมันอยากรวบรัดเสียเดี๋ยวนี้ “ทำไมล่ะ จะได้อยู่กันสองต่อสองไง ที่นี่ไม่ค่อยสะดวก อายป้าม้อยกับป้าชิดน่ะ”
กลัวว่าจะกลายเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อน ทำให้ป้า ๆ หัวเราะเพราะเขากำลังลุ่มหลงแม่หลานรักคนนี้จนโงหัวไม่ขึ้น เรื่องนี้เห็นจะเป็นเรื่องจริง รีบกลับบ้านมาดูหน้าหวาน ๆ ของหลานสาว
แล้วร่วมทานอาหารเย็นด้วยกัน พูดคุย นั่งดูซีรีส์ด้วยกัน พอมีฉากที่พระเอกนางเอกจุ๊บกันทีไร รสรินต้องใช้หมอนปิดหน้าปิดตาด้วยความเขินอายทุกครั้ง ถ้าหากอยู่บนเตียงกันสองต่อสองแล้ว
เธอจะเขินอายอย่างนี้ไหม เขาแทบอดใจไม่ไหว อยากลิ้มลองเสียเดี๋ยวนี้
“พรุ่งนี้ช่วงเย็นรสคงกลับดึกนะคะ จดทะเบียนเสร็จแล้วจะไปหาแม่นะคะ” พักนี้เห็นเงียบหายไป ไม่รู้ว่าก่อเรื่องอะไรไว้หรือเปล่า หรือว่าพ่อเพลิงยึดมือถือกันแน่ ส่วนน้องชายก็ไม่โทรหา สามสี่วันมานี้ เธอเรียนหนักค่อนข้างยุ่ง ไม่มีเวลา หลังจากเคลียร์งานเสร็จแล้ว มีโอกาสได้พักเสียที
น้องชายของรสรินคือตะวัน เป็นแฝดน้อง สาเหตุที่บิดาและมารดาเลิกรากัน ก็อาจจะเป็นเพราะหมดรักกันแล้ว แต่พอรู้ความจริงในภายหลัง คนที่นั่งกุมขมับไม่ใช่บิดา แต่เป็นเธอต่างหาก
ทะเลาะกันเรื่องไร้สาระมาก ๆ แค่ตั้งชื่อลูกดันกลายเป็นเรื่องใหญ่ อันที่จริง แม่ของเธอมีชื่อว่ากัลยา เลยตั้งชื่อเธอซึ่งเป็นแฝดพี่ว่า กุลธิดา
ทว่ากลับมีปัญหา ก็เพราะคุณย่าไม่ชอบชื่อนี้ คุณย่าเลยตั้งชื่อให้เป็นรสริน คล้องจองกับชื่อคุณย่าว่ารัตติกาล นั่นเป็นเหตุให้แม่ไม่พอใจ จนกระทั่งตัดสินใหญ่เลิกรากันไปในที่สุด
ส่วนแฝดน้องชื่อว่าตะวัน เป็นคุณปู่ตั้งให้ ชื่อตะวันนี้มีความหมาย มารดาของเธอไม่งอแงหรือไม่พอใจ คงจะเป็นปัญหาแม่ผัวกับลูกสะใภ้ เลยทำให้แม่แท้ ๆ ของเธอหมดความอดทน ตัดสินใจเลิกรากันในภายหลัง
ขณะนั้นรสรินจดจำได้ดี วันที่แม่ออกจากบ้าน เป็นวันที่เธอร้องไห้เสียใจมาก แม่ของเธอเป็นคนใจดีไม่เคยตีหรือทำโทษลูก ๆ อีกอย่างเป็นคนเงียบ ๆ ไม่มีปากเสียง ผิดกับย่าที่มักจู้จี้ขี้บ่น
มันอาจเป็นความเครียดสะสม กระทบกระเทือนกับการใช้ชีวิต ในเวลานั้น พ่อของเธอเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ ไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจลูกกับเมีย รู้ตัวอีกที เมียก็ขอเลิกแล้ว ทำไงได้ ในเมื่อแม่ของเธอหมดใจ ไม่หลงเหลือความรัก ตัดสินใจจบความสัมพันธ์ โดยที่ทั้งคู่ไม่มีปากเสียงกันแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นรสรินได้รับค่าเลี้ยงดูจากแม่ที่ส่งเงินมาให้เดือนละไม่ต่ำกว่าหมื่นบาท แม้ว่าพ่อของเธอบอกว่าไม่ต้องการ เขาดูแลลูกสาวได้ ส่วนแฝดน้องพ่อก็ส่งเงินให้เดือนละไม่ต่ำกว่าหมื่นบาทเช่นเดียวกัน รสรินไม่เคยขัดสนเรื่องเงินทอง แฝดน้องก็ไม่เคยเดือดร้อนเรื่องเงินทองเช่นเดียวกับแฝดพี่
แม้ว่าแม่จะเลิกกับพ่อแท้ ๆ แต่ก็ยังหมั่นทักถามเวลาที่มีโอกาส ปกติทุกเทศกาลก็มักจะมาหาพบหน้าบ่อยครั้ง แล้วก็ยังเข้ากับแม่ปัทมาได้ดีอีกด้วย เธอละนับถือน้ำใจของแม่จริง ๆ อีกอย่างแม่เลี้ยงของเธอก็ดีแสนดี ไม่เคยดุด่า หรือลงโทษ มักโอ๋ตามใจเธอตลอด จนคุณปู่กับคุณย่าบอกว่าเลี้ยงตามใจแบบนี้จะเสียคน
แม่ปัทมาเป็นคนใจร้อนบุ่มบ่าม ทำงานใหญ่โต ตัดสินใจเด็ดขาด แม้จะมีปัญหาแม่ผัวกับสะใภ้ แม่ปัทก็ไม่เคยตำหนิพ่อของเธอสักครา แต่กลับพูดกับคุณย่าอย่างดุเดือดว่า ...คนแก่อย่างปริญนอกจากเธอแล้วจะมีใครเอา...
คำพูดนี้เธอจำได้ขึ้นใจ วันนั้นเธอนั่งหัวเราะอยู่ตรงขั้นบันได เห็นคุณย่าถูกแม่ปัทเล่นงาน จนต่อว่าต่อขานไม่ได้ รีบเก็บของกลับบ้านอย่างไว หลังจากนั้นมา ชีวิตครอบครัวของเธอก็กลับมาสู่ความสงบ ยกเว้นคุณปู่เอาไว้คน เพราะท่านเป็นคนใจดี ยอมทุกอย่าง
“หนูรสเป็นอะไร เป็นห่วงแม่หรือ” เขาเห็นเธอนั่งเหม่อลอย คงเป็นห่วงกัลยา
“เปล่าคะ แค่คิดถึงเรื่องเก่า ๆ ค่ะ” พอคิดถึงเรื่องเก่าก่อนทีไร ก็อดคิดไม่ได้ว่า แม่ของเธอกับแม่เลี้ยง ทนพ่อได้ยังไงกัน ขี้เหล้าก็ปานนั้น ชอบเฮฮาก็ที่หนึ่ง กลับบ้านดึกที่สอง โชคดีไม่มีปัญหาเรื่องนอกใจ
วันไหนพ่อของเธอไม่ถูกแม่ปัทด่า วันนั้นพ่อคงนอนไม่หลับกระมัง แต่เดี๋ยวนี้นะหรือ พากันหนีเที่ยวสองต่อสอง ไม่ห่วงแล้วลูกคนนี้ น่าน้อยใจจริง ๆ
“เรื่องมันนานมากแล้ว อย่าเก็บมาคิดมากเลย คุณปัทก็รักเอ็นดูรสมากนี่ครับ” ตั้งแต่รู้จักกับปัทมา ไม่เคยเห็นเธอใจร้ายมาก่อน ผิดกับรุ่นพี่ที่ถูกเมียด่าทุกวี่วัน ก็เพราะเป็นคนแบบนี้
“ใช่ค่ะ รสยังจำได้ พ่อยังถูกแม่ปัทดุอยู่บ่อย ๆ ชอบดื่มเหล้า แล้วยังกลับบ้านดึก ก็มีแต่แม่ปัทนี่ล่ะค่ะที่คอยทำอาหารให้รส ดูแลรสตั้งแต่เช้าจรดเย็น แม่ปัทใจดีมาก พ่อน่ะโชคดีที่ได้พบเจอคนดี ๆ อย่างแม่ปัท แต่ตอนนี้ รสกลายเป็นคนนอกแล้ว พากันหนีเที่ยว บ้านช่องไม่กลับ มันน่าน้อยใจไหมคะ”
“โอ๋ ๆ เด็กดีของอา ก็มีอา อยู่ตรงนี้ไงครับ ใครไม่สนแต่อาสน ใครไม่รักแต่อา รักไปแล้ว”