๑.๓ ห้วงหวาม
ร้านที่ตกแต่งด้วยบรรยากาศโรแมนติกอบอุ่นบนตึกสูงของโรงแรมย่านใจกลางกรุงคือร้านที่ชัชวินพาเธอเข้าไปนั่ง ภายในร้านตกแต่งในโทนสีดำ ค่อนข้างดุ แต่มีเสน่ห์ชวนค้นหา เช่นเดียวกับบุคลิกของคนพามา เสียงเพลงในท่วงทำนองหวานหูดังคลอเคล้าอย่างเข้ากับสไตล์ร้าน เขาเลือกที่จะนั่งในห้องแบบอินดอร์ซึ่งมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ ยามราตรีได้ แต่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าอีกห้องที่เป็นบรรยากาศแบบเอาต์ดอร์
บริกรเดินเข้ามาจุดเทียนกลางโต๊ะให้สว่างขึ้น ทำให้สีดำของเฟอร์นิเจอร์ถูกอาบไล้ด้วยแสงสีส้มนวลๆ ของเปลวเทียนที่ไหวน้อยๆ ตามจังหวะของแรงลมจากเครื่องปรับอากาศ ช่างเหมือนอารมณ์ของอารยาในยามนี้ที่ยังไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยสักเท่าไหร่
ชัชวินจัดการสั่งอาหารโดยไม่ถามสักคำว่าอารยาอยากกินอะไร เพราะปกติหญิงสาวก็ไม่เคยเรื่องมากกับเรื่องพวกนี้ และแม้เขาจะถามตอนนี้เธอก็คงไม่มีแก่ใจจะนึกอยากกินอะไร เพราะห้วงภวังค์ยังสลัดจากความหวามไหวไม่หลุด
“อาไม่มีดอกไม้ให้นะ แต่สั่งแชมเปญมาเปิดฉลองแทนพอได้ไหม” เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นอีกครั้งหลังจากคุยกับบริกรของโรงแรมเสร็จแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะอา เอยยังไงก็ได้”
“ว่าง่ายดีจัง”
เขาชมแค่นั้น บรรยากาศการสนทนาก็ถูกขัดอีกรอบ เมื่อบริกรนำแชมเปญมาเสิร์ฟให้ทั้งคู่ ไม่นานอาหารเมนูต่างๆ ก็ทยอยตามมา
ชัชวินลงมือทานอาหาร ขณะที่อารยาทานอะไรแทบไม่ลง จึงได้แต่นั่งดื่มแชมเปญ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์กระตุ้นให้เลือดลมภายในกายสาวแล่นดีมากกว่าเดิม
คู่หมั้นหนุ่มของเธอทานอาหารไปด้วยมองเธอไปด้วย สายตาของเขามันช่างร้อนแรงทำให้คนถูกมองเหมือนถูกไฟลามเลีย อารยาจึงรู้สึกเหมือนปากและลำคอแห้งผาก จึงเผลอใช้ลิ้นเลียรอบปากบ่อยๆ
“ถ้าเอยยังไม่หยุดเลียปากตัวเอง อาจะใช้ลิ้นของอาเลียแทน”
เขาขู่แต่เป็นคำขู่ที่วาบหวามเหลือเกิน คนถูกขู่จึงหน้าแดงซ่านยิ่งกว่าเดิม หัวใจเต้นแรงโครมครามไปหมด
“คือเอย...”
ตอนนี้อารยากลายเป็นคนติดอ่าง พูดอะไรตะกุกตะกักไปหมด และยิ่งเป็นหนักกว่าเดิมเมื่อร่างสูงลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาหาพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าเธอ
“ไปเต้นรำกับอานะ”
“ค่ะอา”
อารยาเป็นเด็กว่าง่ายเหมือนที่แม่สั่งไว้ มือเล็กวางบนมือใหญ่ที่ทั้งแข็งแรงและอบอุ่น แล้วขยับตามเขาไปยังฟลอร์เต้นรำ
อ้อมแขนแกร่งโอบกอดร่างบางพาขยับไปตามเสียงเพลงที่บรรเลงอยู่ ตาคมหลุบลงจ้องมองใบหน้าสวยหวานของคู่หมั้นสาว พร้อมกับสบประสานกับดวงตาคู่สวยที่ช้อนขึ้นมองอย่างเอียงอาย
“ทำไมไม่ยอมกินอะไร ดื่มแต่แชมเปญ หรือว่าอาหารที่อาสั่งมาไม่ถูกใจ” เขาชวนคุยขณะที่ร่างยังคงโยกย้ายไปตามจังหวะเพลงนุ่มหู
“ถูกใจค่ะ แต่เอยกินไม่ลงเอง ก็อาชัชเอาแต่นั่งจ้องเอยนี่คะ”
“คืนนี้เอยสวยมากนี่ อาก็เลยละสายตาไปไหนไม่ได้”
“ปากหวานจังนะคะ”
“หวานสิ เมื่อกี้เอยก็ชิมด้วยปากตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอ”
อารยาอยากจะตอบไปว่ายังไม่ได้ชิมเลยสักนิด แค่แตะๆ กันอยู่ข้างนอกเท่านั้น แต่หากตอบไปเช่นนั้น คงจะฟังดูก๋ากั่นและกล้าเกินหญิงไปหน่อย จึงได้แต่หลบตาอายๆ เท่านั้น เธอได้ยินเสียงชัชวินหัวเราะเบาๆ เหมือนกับชอบใจที่เธอไม่กล้าต่อปากต่อคำด้วย
“เอย...”
“ขา...” เสียงหวานขานรับพร้อมกับช้อนตาขึ้นมองคนเรียกอีกครั้ง แต่เจอสายตาที่วิบวับผิดปกติของเขาก็ทำให้ต้องสะเทิ้นเช่นเดิม
“ทำไมเงียบไป โกรธอาเหรอ”
ไม่ถามเปล่าแต่เขายังกระชับอ้อมแขนเข้าแน่นกว่าเดิม ทำให้ร่างบางแนบกับร่างใหญ่ไปทุกสัดส่วน ตอนนี้สมาธิของอารยาชักไม่อยู่กับการเต้นรำซะแล้ว ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาทำเอาเนื้อสาวเต้นระริกไปหมด ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้ชัชวินถึงได้ยั่วให้เธอใจเต้นแรงนัก ไม่รู้หรือไงว่าเธอกำลังจะเป็นโรคหัวใจ
“เปล่านี่คะ ไม่ได้โกรธ”
“งั้นทำไมไม่คุยกับอา”
“ก็คุย”
“คุยแบบถามคำตอบคำ”
“เอยคุยไม่เก่ง อาชัชเบื่อเอยเหรอคะ”
“หือ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้น “ที่อาทำอยู่นี่ดูเหมือนอาเบื่อเอยเหรอ”
“ไม่รู้สิคะ เอยเดาใจอาชัชไม่ออกหรอก” ตอบเสร็จก็หลุบตาลงมองปลายคางของเขาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าสู้ประกายตาอันแสนร้อนแรงของเขาไม่ไหว
“งั้นคงเป็นความผิดของอาเอง เอาละอาจะเป็นฝ่ายชวนคุยดีกว่า เอยชอบที่นี่หรือเปล่า”
“ชอบค่ะ” ชอบทั้งที่นี่และชอบทั้งคนพามา