ตอนที่ 3 : ไม่ยินยอม
ตอนที่
[3]
ไม่ยินยอม
จูหมิงยู่โวยวายขึ้นเมื่อเห็นอาหารที่บุตรสาวเตรียมไว้ให้ ที่ดูแล้วราวกับอาหารหมูก็ไม่ปาน ข้าวต้มที่เป็นปลายข้าวอันประกอบด้วยเม็ดที่แตกหัก ผสมกับผักสับที่ไม่ดูน่ากินสักนิด และที่สำคัญไม่มีเนื้อสัตว์ติดมาแม้แต่น้อย! นอกจากหน้าตาจะแย่แล้ว รสชาติยังแย่ยิ่งกว่า แม้แต่คนยากจนที่สุดในหมู่บ้านก็เห็นทีว่าคงได้กินอาหารที่ดีกว่านี้ อีกทั้งวันนี้เขาพาภรรยาคนใหม่เข้าบ้าน ไหนจะบุตรสาวคนใหม่อีก นี่ไม่ควรเป็นอาหารที่ใช้ในการต้อนรับเลยสักนิด
คิดแล้วก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเพื่อเตรียมจะไปสอบถามบุตรสาวว่านี่มันหมายความว่าอย่างไร แต่เดินออกไปไม่ทันไรก็พบกับจูกุ้ยหยวนที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว
“เจ้าอยู่ตรงนี้พอดีเลย ไหนบอกข้าว่าเหตุใดจึงทำอาหารเช่นนั้นให้กับข้าและคนอื่น ๆ กิน!”
“ท่านพ่อคิดว่าบ้านเราร่ำรวยมากหรือ เดิมทีอาหารก็มีน้อยอยู่แล้ว ยิ่งมีคนเข้ามาเพิ่มอีก จะให้กินดีขึ้นได้อย่างไร” กล่าวจบก็ปรายตามองไปที่สองคนด้านหลังบิดา
“หากไม่มีเหตุใดไม่บอกข้า ทำอาหารห่วยแตกเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร” จูหมิงยู่เข่นเขี้ยว
“ท่านมีเงินหรือ ท่านมีได้อย่างไร ในเมื่อบ้านนี้มีแต่ข้ากับพี่ใหญ่ที่มีหน้าที่หาเงิน หากท่านมีเหตุใดก่อนหน้าจึงไม่เอาออกมา ปล่อยให้ข้ากับพี่ใหญ่ลำบากหาเงินเช่นนั้นได้อย่างไร เหตุใดจึงเพิ่งจะเอาออกมาใช้ยามนี้!!”
“จูกุ้ยหยวน!!” จูหมิงยู่ที่เถียงอันใดบุตรสาวไม่ทันจึงได้แต่ตะโกนขึ้นด้วยความโมโห “ไม่รู้ล่ะ เจ้าทำให้พวกข้าเช่นนี้ ข้าจะไปดูว่าพวกเจ้ากินเช่นนี้ด้วยหรือไม่” ไม่รอช้า เขารีบเดินไปยังทิศทางห้องเล็กของสามแม่ลูกทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าจูกุ้ยหยางกำลังป้อนข้าวต้มให้มารดาอยู่ บุตรชายผงะทันทีเมื่อพบกับใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของบิดา
“นี่อย่างไร ข้าวต้มขาว ผัดผักเป็นชิ้นเป็นอัน ไหนจะเนื้อแห้งนั่นอีก” จูหมิงยู่ไม่ได้สนใจภรรยาผู้เจ็บป่วย แต่กลับมองที่อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ เท่านั้น
“พวกข้าทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อย อาหารเพียงเท่านี้ยังไม่นับว่าดีด้วยซ้ำ”
“นี่มันอันใดกันหยวนเออร์” จูกุ้ยหยางรีบลุกขึ้นมาหาน้องสาวพร้อมถามไถ่ความเป็นมา พลางคิด ‘หรืออาหารที่น้องสาวทำจะมีปัญหา’
“จะอะไรอีก ก็น้องสาวเจ้าทำอาหารที่ไม่ควรให้คนกินไปให้พวกข้าน่ะสิ นางจงใจกลั่นแกล้งพวกข้า!” กล่าวแล้วก็หันขวับมองบุตรสาว
“ท่านพ่อ หยวนเออร์มิได้มีเจตนาเช่นนั้น”
“ข้าว่านางตั้งใจ! จูกุ้ยหยวน เจ้าบอกข้ามา ว่าทำเช่นนี้เพราะเหตุใด!” จูกุ้ยหยวนยังไม่ได้ทันได้ตอบอันใด ด้านหลังของบิดาก็มีเสียงสะอึกสะอื้นเกิดขึ้น “ต่านเออร์ เจ้าเป็นอันใดกัน” จูหมิงยู่ที่เมื่อครู่มีใบหน้าถมึงทึงรีบเปลี่ยนอากัปกิริยาเพื่อไปปลอบใจภรรยาคนใหม่ของตนทันที
“ท่านพี่ หยวนเออร์คงไม่ชอบข้า นางเลยทำเช่นนี้ ฮึก” กล่าวแล้วก็ซบลงที่อกของสามีของตนอย่างน่าสงสาร พลางดึงบุตรสาวของตนเข้ามาร่วมวงด้วยกัน ดูแล้วดูเป็นครอบครัวที่น่าอบอุ่นยิ่ง จูกุ้ยหยวนเบ้หน้า ในขณะที่นางฉินซื่อกำหมัดแน่นทั้งน้ำตาคลอที่เห็นภาพบาดตาบาดใจ
เมื่อปลอยภรรยาให้สงบแล้ว จูหมิงยู่จึงหันไปกล่าวกับจูกุ้ยหยวน
“เจ้ารีบขอโทษท่านน้าสวีเสีย หากเจ้าไม่ได้ไม่ชอบนาง ข้าจะถือว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ”
“เหตุใดข้าต้องขอโทษนางด้วย เพราะข้าไม่ชอบนางจริง ๆ” แต่บุตรสาวกลับโต้กลับอย่างไม่ยินยอม
“นี่เจ้า...” เมื่อเถียงอันใดไม่ได้จึงหันไปกล่าวกับภรรยาและบุตรสาวคนใหม่ “ต่านเออร์ เหมยเออร์ เราไปกินอาหารดี ๆ ที่อื่นดีกว่า อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย” แต่ก่อนที่พวกเขาจะไปจูกุ้ยหยวนจึงกล่าวขึ้นอีกประโยค
“อ้อ และครั้งหน้าหากอยากกินอาหารดี ๆ ก็ไปซื้อมาเองและจะดีมากหากทำกินเองด้วย เพราะข้าและพี่ใหญ่ไม่ใช่คนรับใช้ของใคร!”
“นี่เจ้า...นังเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน!” จูหมิงยู่ทนไม่ไหวผรุสวาทออกมาอีกรอบ
“แล้วท่านไม่ใช่พ่อข้าหรือ!” แต่มิหรือนางจะยอม นางตอบกลับทันควันเช่นกัน
“ฮึ่ม!!” ด้านผู้เป็นบิดาเมื่อทำอันใดไม่ได้ก็รีบพาภรรยาและบุตรสาวคนใหม่กระทืบเท้าเดินออกไปทันที
“หยวนเออร์ เหตุใดจึงทำเช่นนั้น....”
“หากท่านจะว่าอันใดข้า รีบไปปลอบใจท่านแม่จะดีกว่า ว่าอย่าเสียน้ำตาให้กับคนเช่นนั้นมากเกินไป” จูกุ้ยหยางคราแรกจะสอบถามน้องสาว แต่ทว่าสุดท้ายก็หันไปตามคำกล่าวของอีกฝ่าย แล้วก็พบกับมารดาที่นอนนิ่งพร้อมกับที่ดวงตาแดงก่ำ
ด้านจูกุ้ยหยวนนางไม่มีอารมณ์กินข้าวแล้ว จึงได้แต่ออกไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่หน้าบ้าน ที่จริงการทะลุมิติมาอยู่ต่างโลกเช่นนี้ หากอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดี มันก็ไม่มีปัญหา แต่นี่ทั้งครอบครัวมีปัญหา การเป็นอยู่ที่ลำบาก มันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก นางเคยอ่านพวกนิยายทะลุมิติ นางเอกล้วนแต่มีตัวช่วยกันทั้งนั้น แต่นี่นางอยู่มาหลายวันไม่เห็นมีอันใดเลย ยิ่งมองมือตนเองที่ยามนี้หยาบกร้านเพราะทำงานหนักก็ยิ่งถอนหายใจ หนทางการจะพามารดาและพี่ชายออกไปจากชีวิตเช่นนี้เห็นทีจะยากเหลือเกิน ยิ่งนางเป็นสตรีเช่นนี้อีก....
เมื่อครู่นางเห็นสายตาสตรีผู้นั้นกับบุตรสาวของนาง นับว่าไม่ธรรมดาเลยสักนิด ราวกับมีแผนการบางอย่าง
แน่นอนว่าหลังจากที่เมื่อวานทั้งสามออกจากบ้านไปก็ไม่ได้กลับบ้านเลยทั้งคืน นางเองก็ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะไปที่ใด ดีเสียอีกจะได้นอนพักผ่อน ไม่มีคนอยู่ให้รำคาญใจ สงสารก็แต่มารดาที่นอนไม่หลับทั้งคืน ด้วยรอคอยบิดาผู้ที่ออกไปเสวยสุขกับเมียน้อยอยู่ที่อื่น
หลังจากที่กินอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว นางก็ออกมานั่งเล่นที่หน้าบ้าน บ้านหลังนี้ดีหน่อยที่มีต้นไม้อยู่หนึ่งต้นพอให้ได้มีร่มเงา ส่วนพี่ใหญ่เขาไม่เคยหยุดนิ่งสักวัน แม้ยังไม่ถึงวันเก็บเกี่ยวผลผลิตเขาก็ยังออกไปดูนาข้าวอยู่ทุกวัน วันนี้นางจึงอยู่กับมารดาสองคน ในขณะที่นางกำลังครุ่นคิดถึงการดำเนินชีวิตในอนาคตข้างหน้า ที่หน้าบ้านก็ปรากฏร่างหนึ่งที่กำลังยืนส่งรอยยิ้มอย่างใสซื่อมาให้นาง ทั้งยังเอ่ยเรียกอีก
“อาหยวน”