รวมนิยายรักฯ...บทที่ 3 นางฟ้าในอ้อมรักมาร...
“เข้าไปเป็นคนในครอบครัวหรือคะ เป็นยังไงคะ”
“คืออย่างนี้นะ ลูกชายของลุงเขากำลังอยู่ในสภาวะหมดหวังที่จะมองเห็นอีกต่อไป เขาต้องการใครสักคนที่ยอมแต่งงานมาอยู่ดูแลเขา และลุงก็ไม่เห็นใครที่จะไว้วางใจได้ นอกจากหนูพิมพ์รัมภาหลานของอิทธิพลเพื่อนรักของลุง”
ความเงียบหลังจากจบคำพูดของคุณมาตย์เมืองสงบนิ่งเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ตรงข้ามกับใจของพิมพ์รัมภาที่เต้นระทึกด้วยความรู้สึกตกใจและแปลกใจระคนกัน
“หมายความว่า ดิฉันจะต้องแต่งงานหรือคะ” พิมพ์รัมภาส่ายหน้าเหมือนกับจะไม่เชื่อถ้อยคำพร่าสั่นที่ตนเปล่งออกมา
“มาทิศเป็นลูกชายคนเดียวของลุง และในอนาคตจะเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติทุกชิ้นของบางกอกไทยแอนด์สตาร์ดัทส์มูลค่านับหมื่นล้านดอลลาร์ เขาต้องการภรรยาที่ดีและเหมาะสม และลุงก็เห็นว่าหนูพิมพ์รัมภาเหมาะสมจะเป็นภรรยาที่ดีของลูกชายลุงได้” คุณมาตย์เมืองพยายามโน้มน้าวจิตใจเด็กสาวที่เขาต้องการได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้
“เอ้อ...ไม่...เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ” พิมพ์รัมภาปฏิเสธด้วยอาการตกประหม่า
“หนูพิมพ์รัมภาฟังลุงก่อนนะ ลูกชายของลุงมีพื้นฐานการใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาตั้งแต่เกิดจนประสบอุบัติเหตุสูญเสียการมองเห็นเมื่อสองปีที่แล้ว เขาเป็นลูกชายที่ลุงรักมากเท่าชีวิต เขาเป็นความหวังเดียวของลุง เป็นทายาทคนเดียวที่จะสืบทอดธุรกิจต่อจากลุง ลุงขอให้เขามาอยู่พักฟื้นที่เมืองไทย เพื่อจะได้ดูแลเขาด้วยตัวเองได้เต็มที่ และพยายามแสวงหาสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาช่วยเสริมสร้างกำลังใจให้เขาเกิดความต้องการกลับมามองเห็นอีกครั้ง หากเขาไม่ยอมเข้าผ่าตัดภายในสามเดือนข้างหน้า เขาก็จะไม่มีโอกาสมองเห็นได้อีกเลย”
หลังจากจบคำพูดของคุณมาตย์เมือง ความเงียบก็เข้าครอบคลุมบรรยากาศการสนทนาอีกครั้ง และถูกปล่อยให้ยาวนานกว่าเก่า เพราะคุณมาตย์เมืองต้องการให้คำพูดของเขาซึมซับเข้าสู่ความรู้สึกนึกคิดของหญิงสาวสวยที่อยู่ตรงหน้า และหวังว่าเธอจะใจอ่อนลงบ้าง
“ลูกชายของท่านจะยอมรับภรรยาแปลกหน้าหรือคะ” พิมพ์รัมภาเกิดความเห็นอกเห็นใจต่อความรักของผู้เป็นพ่อที่มี ต่อลูกชาย
“มาทิศคิดว่าตัวเองจะไม่มีโอกาสกลับมามองเห็นอีกแล้ว และคงไม่มีผู้หญิงคนไหนต้องการตัวเขาหรือยอมแต่งงานกับคนตาบอดอย่างเขาอีกแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของพ่ออย่างลุงที่จะเฟ้นหาหญิงสาวมาแต่งงานกับเขา แต่ลุงก็ต้องการคนมีจิตใจดีที่จะยอมรับและมีความเห็นอกเห็นใจในตัวลูกชายของลุง และมาอยู่ดูแลเขาด้วยความเข้าอกเข้าใจ”
คุณมาตย์เมืองหยุดรอให้พิมพ์รัมภาพูดหรือถามสิ่งหนึ่งสิ่งใดออกมา เมื่อหญิงสาวยังนิ่งเฉย เขาจึงกล่าวต่อไป
“เรื่องนี้ ฟังดูอาจจะเหมือนกับลุงเห็นแก่ตัว ที่จะขอให้หนูมาแต่งงานอยู่กินกับคนตาบอด แต่ลุงมีข้อเสนอนะ ในกรณีที่หนูไม่ต้องการอยู่เป็นภรรยาของมาทิศตลอดไป การแต่งงานของหนูจะเป็นโมฆะทันทีหลังการผ่าตัด จะสำเร็จผลหรือไม่สำเร็จผลหนูก็จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินสิบล้านบาท” คุณมาตย์เมืองหยุดเว้นวรรครอให้ผู้รับฟังได้คิดตามครู่หนึ่ง จึงกล่าวต่อ
“ส่วนในกรณีที่หนูเต็มใจจะอยู่ดูแลลูกชายของลุงตลอดไป จะสามารถทำให้มาทิศยอมเข้ารับการผ่าตัดได้หรือไม่ ลุงก็ยินดีรับหนูไว้เป็นคนในครอบครัวของลุงตลอดไปเช่นกัน และหนูพิมพ์รัมภาก็จะได้รับสิทธิ์ในทรัพย์สินร่วมกับมาทิศอีกด้วย”
พิมพ์รัมภายังคงนั่งนิ่งงัน เธอไม่ได้คำนึงถึงเงินมูลค่านับสิบล้านหรือทรัพย์สินนับพันหรือหมื่นล้านของคุณมาตย์เมืองกับลูกชาย แต่เธอกำลังคิดว่าตัวเองจะมีปัญญาโน้มน้าวใจลูกชายของท่านประธานฯให้เกิดกำลังใจหรือมีความต้องการเข้ารับการผ่าตัดครั้งต่อไปได้อย่างไร
“...เอ้อ...ดิฉันคิดว่า ตัวเองคงไม่มีความสามารถพอที่จะโน้มน้าวจิตใจให้ลูกชายของท่านประธานฯเข้ารับการผ่าตัดได้หรอกค่ะ...เอ้อ...ดิฉันจึงขอไม่...เอ้อ...ไม่รับงานนี้ค่ะ...” คำตอบของพิมพ์รัมภาทำให้ผู้รับฟังทั้งสองนิ่งงัน บรรยากาศในห้องเงียบจนเธอรู้สึกอึดอัด
“...อึม...ลุงเข้าใจนะ ว่าหนูคงไม่อยากมารับภาระดูแลคนพิการทางสายตา แม้จะเวลาเพียงไม่กี่เดือนก็เถอะ” คุณมาตย์เมืองเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าเหมือนปลงตก
“...โอ๊ะ...ไม่ค่ะ...ไม่ใช่ค่ะ แต่ดิฉันคิดอย่างที่เรียนท่านประธานฯไปจริงๆ และคิดว่ายังมีผู้หญิงที่ฉลาดปราดเปรื่องกว่า
ดิฉันให้ท่านประธานฯเลือกอีกมากมาย”
“ถ้าจะหาผู้หญิงฉลาดเฉลียวเพียงอย่างเดียว ก็คงจะหาได้ไม่ยากหรือมากมายอย่างที่หนูพิมพ์รัมภาว่ามานั่นละ แต่ลุงต้องการคนที่มีจิตใจเอื้ออารีมีความเห็นอกเห็นใจมากพอที่จะสละความสุขส่วนตนมาช่วยให้ลูกชายของลุงยอมเข้ารับการผ่าตัดหรืออยู่ดูแลลูกชายที่สายตามองไม่เห็นของลุงตลอดไป”
คุณมาตย์เมืองคาดหวังไว้ว่า การยอมช่วยเหลือเขากับลูกชายของพิมพ์รัมภา จะนำความสุขมาสู่ครอบครัวมารุคพงศ์อีกครั้ง เพราะนอกจากมาทิศจะมีโอกาสได้กลับมามองเห็นโลกสวยงามแล้ว เขาเองก็จะได้คนดีๆอย่างพิมพ์รัมภาเข้ามาร่วมสกุล
ในฐานะลูกสะใภ้อีกด้วย
“คุณลุงอิทธิพลทราบเรื่องนี้หรือเปล่าคะ”
พิมพ์รัมภาถามโพล่งออกมา ด้วยแววคาดหวังจากดวงตาของคุณมาตย์เมืองได้สร้างความลำบากใจแก่เธออยู่ไม่น้อย จึงอยากรู้ว่าคุณอิทธิพลรู้หรือไม่ว่าเธอจะต้องช่วยเหลือท่านประธานฯกับลูกชายอย่างไร
“ลุงบอกความประสงค์กับลุงของหนูแล้วละ แต่เขาต้องการให้หนูพิมพ์รัมภาตัดสินใจด้วยตัวเอง”
คุณมาตย์เมืองคุยกับคุณอิทธิพลเรื่องลูกชายและหลานสาวของพวกเขา และเห็นตรงกันว่าน่าจะจับคู่ให้คนทั้งสองได้แต่งงานกัน โดยต่างก็เชื่อมั่นว่าหนุ่มสาวคู่นี้จะเป็นสามีภรรยาที่เหมาะสมกันที่สุด
“...เอ้อ...ดิฉัน...” ขณะที่พิมพ์รัมภากำลังสับสน ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเรียกเข้ามาเสียก่อน
“โทรศัพท์ของคุณพิมพ์รัมภาครับ” คุณสินธุรับสายแล้วยื่นส่งให้เจ้าของชื่อ
“โทรศัพท์ของดิฉันหรือคะ” พิมพ์รัมภารับมาอย่างงงๆและหายสงสัยทันที่ที่ได้ยินเสียงของผู้เป็นลุง
“...ค่ะ...คุณลุง...”
คุณอิทธิพลโทรมาถามว่าหลานสาวคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องลูกชายของเพื่อนเก่า แล้วเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาหนักใจของคุณมาตย์เมืองเรื่องการหาคนมาดูแลลูกชายผู้สูญเสียกำลังใจที่จะกลับมามองเห็น โดยคุณอิทธิพลขอร้องให้เธอช่วยเพื่อนสนิทของท่าน ด้วยการให้เหตุผลว่าเป็นการสร้างกุศลที่เธอจะได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งให้มีโอกาสมองเห็นแสงสว่างบนโลกใบสวยนี้ได้อีกครั้ง