รวมนิยายรัก...บทที่ 2 กุหลาบทะเลทราย...
“เจ้าปฏิเสธไม่ได้แล้วนะ เคยสัญญากับพ่อแม่ว่าอายุยี่สิบแปดปี ถ้ายังไม่มีใครถูกใจจะตามใจพ่อกับแม่ทุกอย่าง เจ้าอายุจะครบยี่สิบแปดวันพรุ่งนี้ พ่อกับแม่ได้ทาบทามคนสวยที่สุดดีที่สุดไว้ให้เจ้าแล้ว เตรียมตัวไว้เลยนะ เราจะออกจากบ้านกันหลังเก้าโมงเช้าเล็กน้อย”
พระอนุชาซัยยิดตรัสน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ ด้วยพระองค์ปรารถนาให้พระโอรสองค์กลางอภิเษกเป็นฝั่งเป็นฝามานาน แต่ถูกผัดวันประกันพรุ่งมาหลายปี จึงใช้วิธีมัดมือชกเอาวันครบรอบอายุยี่สิบแปดปีพอดี
“คราวนี้ลูกสาวใครหรือท่านพ่อ”
เจ้าชายหนุ่มไม่ได้หวาดหวั่นกับการเร่งรัดของพระบิดาพระมารดา เพราะเข้าพระทัยดีว่าจะทรงเลือกสตรีที่ดีที่สุดมาอภิเษกเป็นชายา แต่อยากจะรู้ว่าเธอผู้นั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
“ท่านแม่ใหญ่ทรงแนะนำลูกสาวท่านรัฐมนตรีต่างประเทศให้ลูกจ้ะ”
พระมารดาตอบหน้าชื่นทรงมั่นใจว่าหญิงสาวผู้งดงามล้ำเลิศกว่าใครคนนั้น จะสามารถพิชิตใจโอรสองค์กลางได้
“ลูกสาวรัฐมนตรีทาเรจหรือ เป็นไปได้อย่างไร ทุกคนแต่งงานหมดแล้วไม่ใช่หรือ เท่าที่ลูกรู้มายังไม่มีลูกสาวคนไหนหย่าร้างสามีนะท่านพ่อ”
ฮาคิมงุนงงสงสัย เขาช่วยพระบิดาทำงานด้านธุรกิจในประเทศกับต่างประเทศมานานหลายปี และรู้จักท่านรัฐมนตรีทาเรจเป็นอย่างดี เพราะเป็นรัฐมนตรีหนึ่งเดียวที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์สายเดียวกับองค์สุลต่านที่ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งสำคัญของประเทศ และยังจดจำได้ว่ารัฐมนตรีทาเรจมีธิดาสามคนจากภริยาคนที่สองและแต่งงานกันไปหมดแล้ว จะมีธิดาคนไหนมาให้พระองค์หมั้นหมายตบแต่งได้อีกคน
“ยังมีอีกคนหนึ่ง เป็นลูกสาวจากภริยาคนที่สาม เพิ่งเรียนจบการเรือนมาจากฝรั่งเศส”
เจ้าชายซัยยิดเล่าเรื่องภริยาคนที่สามของรัฐมนตรีต่างประเทศให้พระโอรสฟังว่าเธอเป็นหญิงสาวชาวฝรั่งเศสผู้มีดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินงดงามล้ำเลิศ ได้ถูกรับรองขึ้นเป็นชายาคนที่สาม แต่นางมาอยู่ในประเทศนี้ได้เพียงปีกว่าก็มาเสียชีวิตหลังจากคลอดบุตรสาวได้เพียงสองสัปดาห์ ส่วนทารกเพิ่งเกิดใหม่ได้รับการเลี้ยงดูจากคุณหญิงฟาติมาภรรยาแรก เรื่องนี้ไม่มีใครรู้มากนัก แต่ทารกก็เติบโตมาเป็นที่รักอย่างชนิดที่เรียกว่าแก้วตาดวงใจของรัฐมนตรีทาเรจกับภรรยาทั้งสอง และส่งไปเรียนการเรือนจากสถาบันชั้นสูงในประเทศฝรั่งเศสจนจบออกมา
“รัฐมนตรีทาเรจมีเชื้อสายมาจากเชื้อพระวงศ์เก่าแก่ของประเทศและมีความซื่อตรงซื่อสัตย์กับราชวงศ์ของเราจึงเห็นว่าลูกสาวท่านเหมาะสมและคู่ควรกับลูกมากกว่าสตรีอื่นใดที่พ่อกับแม่เคยทาบทามให้ และลูกเองก็รู้จักกับรัฐมนตรีทาเรจอยู่บ้าง”
พระชายานูรีนทอดพระเนตรเห็นแววเบื่อหน่ายในดวงตาคมสวยคู่นั้น จึงทรงแย้มสรวลด้วยคาดหวังว่าแววตานี้จะหายไปพลันที่ได้เห็นหน้าว่าที่พระคู่หมั้นผู้งดงาม
“อย่าให้ท่านแม่ใหญ่ต้องเสียใจเชียวนะ นางรับรองเป็นมั่นเหมาะว่าสาวน้อยคนนี้ต้องเป็นที่พอใจของเจ้า และแนะนำให้รีบหมั้นหมายเอาไว้”
เจ้าชายซัยยิดดำริเช่นเดียวกับพระชายาทั้งสองว่าธิดาสาวคนสุดท้องของรัฐมนตรีทาเรจเป็นผู้ที่เหมาะสมกับพระโอรสองค์กลางมากที่สุด
“เรื่องการหมั้นหมายให้เป็นการตัดสินใจของฝ่ายหญิงเถอะพระเจ้าข้า เธออาจไม่ชอบลูกก็ได้”
“ผู้ใหญ่สองฝ่ายได้คุยกันแล้ว และรัฐมนตรีทาเรจก็รับปากกับท่านแม่ใหญ่ไว้แล้วจ้ะ”
“เจ้ารู้ไหมว่าธิดารัฐมนตรีต่างประเทศคนนี้ มีคนมาทาบทามหลายรายแล้ว พระญาติทางเราก็มีนะ แต่ละคนล้วนมียศศักดิ์มีเกียรติทั้งนั้น แต่ที่รัฐมนตรีทาเรจยังไม่ได้ตกปากรับคำใครเพราะลูกสาวร้องขอว่าเพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆอยากอยู่กับครอบครัวสักพัก ทางเราโชคดีที่ท่านแม่ใหญ่ของลูกรู้จักสนิทสนมกับครอบครัวรัฐมนตรีทาเรจมานาน เขาจึงรับปากยกลูกสาวให้”
“ท่านแม่ใหญ่ไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย”
“พ่อขอร้องนางเองละ ขืนรู้ล่วงหน้าลูกก็จะอ้างโน่นนี่หรือเผ่นหนีไปเสียอีกละสิ”
“ท่านพ่อท่านแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ลูกรับปากแล้วก็ต้องไป แต่จะขอตามไปทีหลัง” เจ้าชายหนุ่มขอต่อรอง เพราะไม่อยากนั่งรถไปคันเดียวกับพระบิดาพระมารดาเหมือนเด็กนักเรียนถูกผู้ปกครองพาไปส่งโรงเรียน
“ก็ได้ แต่ต้องไปถึงตามเวลานะ” พระบิดาต่อรองบ้าง ไม่อยากให้ทางฝ่ายหญิงต้องรอนาน
“แม่เชื่อว่าลูกจะต้องไปขอบพระทัยท่านแม่ใหญ่ภายหลังแน่ๆที่เลือกชายาได้ถูกใจ”
พระชายานูรีนทรงมั่นใจสายตาของพระองค์เมื่อได้พบได้พูดคุยกับธิดาสาวคนเล็กของรัฐมนตรีทาเรจที่เดินทางมาเข้าเฝ้าชายาอามิรากับพระสวามีเมื่อสัปดาห์ก่อน และประทับใจกับของฝากของขวัญจากฝีมือการเรือนที่เด็กสาวผู้นั้นร่ำเรียนมา
“รับรองว่าไปถึงที่นั่นตรงเวลาแน่นอน”
เจ้าชายหนุ่มจำยอมรับคำพระบิดาพระมารดาด้วยครั้งนี้ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้อีก เพราะผู้ที่พระองค์จะหมั้นหมายก็เป็นบุคคลที่พระชายาอามิราหรือท่านแม่ใหญ่ของเขาเป็นผู้ทาบทามด้วยตัวเอง แสดงว่าหญิงสาวผู้นี้ต้องถูกเลือกเฟ้นแล้วเป็นอย่างดี และคิดว่าคงถึงเวลาที่ต้องสละโสดหรือมีครอบครัวเหมือนพระเชษฐากับพระขนิษฐาเสียที