บทที่ 4 พบเจอ (อดีต)สามีชั่ว
ส่วนไป๋เหยานั้นเธอ ตอนนี้เธอพอจะคลายความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านี้ไปได้บ้างแล้ว หญิงสาวถอนหายใจออกมาแล้วจึงมองไปที่สมุดจดบันทึกที่มู่จินนำมามอบให้พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไรมู่จินก็ใส่ใจเธออย่างนี้มาโดยตลอด
ไม่นานนักไป๋เหยาก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจอดในบริเวณตัวบ้าน เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเป็นรถของคุณแม่นั่นเอง ไป๋เหยารีบวางหนังสือลงและเดินออกไปรับคุณแม่ของเธอทันที
เมื่อมาถึงก็พบว่าไป๋เย่รั่วก็กลับมาแล้วเช่นเดียวกัน รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋เหยาจืดจางไปชั่วขณะ ไม่นานนักเธอก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
คุณนายไป๋ยิ้มให้ลูกสาวเล็กน้อย
"เสี่ยวเหยา ลูกหายดีแล้วหรือยัง อย่าเพิ่งรีบออกมาเดินตากลมสิจ๊ะ"
ไป๋เหยายิ้ม และเดินเข้าไปคล้องแขนคุณแม่ของเธออย่างออดอ้อน
"หนูหายดีแล้วค่ะ พรุ่งนี้จะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแล้ว อยู่บ้านน่าเบื่อจะตายไป"
คุณนายไป๋พยักหน้า เธอเองก็ไม่อยากให้ไป๋เหยาขาดเรียนนานๆเช่นเดียวกัน สองแม่ลูกสนทนากันต่อครู่หนึ่ง คุณนายไป๋จึงนึกขึ้นมาได้ว่าไป๋เย่รั่วก็อยู่ด้วย
"จริงสิ แม่ซื้อผลไม้กับของกินมาเยอะแยะเลย ลูกไปช่วยพี่เขาเก็บของเข้าบ้านเถอะ จะได้ไปช่วยแม่เตรียมมื้อเย็น"
"แม่คะ หนูยังปวดไปทั้งตัวอยู่เลย ให้พี่เขายกเข้ามาเองเถอะค่ะ คนงานในบ้านก็มี ถ้าพี่เขาทำไม่ไหวก็เรียกให้คนมาช่วย แต่ของแค่นี้เองพี่คงทำได้ใช่ไหม"
ไป๋เหยาเอ่ยพร้อมกับยิ้มสดใสให้พี่สาว เธอเห็นเพียงไป๋เย่รั่วกำลังยิ้มตอบเธออย่างอ่อนโยน ไม่ได้แสดงท่าทางไม่พอใจอะไร
“ได้จ๊ะ เธอรีบเข้าไปพักเถอะ”
“ค่ะพี่”
ไป๋เย่รั่วรับคำทั้งที่ในใจมีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด แต่เธอจะปฏิเสธอะไรได้ เธอยังต้องอยู่ที่บ้านนี้ต่อไปซ้ำยังไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ จะทำอะไรก็ต้องมองหน้าคนในบ้านก่อนเสมอ
ไป๋เหยายกยิ้มมุมปาก ต่อไปนี้เธอจะไม่ช่วยอะไรไป๋เย่รั่วอีก ให้หล่อนได้ทำเองเสียบ้าง
วันนี้กว่าคุณพ่อของเธอจะกลับมาก็เป็นเวลาค่ำมากแล้ว วันนี้เธอและคุณแม่จึงทานมื้อเย็นกันก่อน ไป๋เหยาไม่ได้รู้สึกหิวมากเท่าไหร่นัก เธอกินไปเพียงไม่กี่คำก็ขอตัวไปพัก ในขณะที่หญิงสาวกำลังจัดหนังสือเพื่อเตรียมไว้สำหรับไปเรียนพรุ่งนี้ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ไม่นานก็เห็นไป๋เย่รั่วที่เดินเข้ามา
ไป๋เหยาไม่ได้แสดงท่าทีใด น้ำเสียงที่เอ่ยถามพี่สาวก็ยังคงเป็นปกติ
"พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมมาหาฉันล่ะ"
ไป๋เย่รั่วยิ้ม และเดินเข้ามากอดน้องสาว
"เสี่ยวเหยา พี่ขอโทษนะ เรื่องวันนั้นพี่ีรู้สึกผิดมากจริงๆ"
ไป๋เหยาส่งเสียงเหอะในลำคอ เธอรู้สึกอยากจะอาเจียนให้กับท่าทางเสแสร้งของไป๋เย่รั่วเสียจริงๆ
แต่ตอนนี้ยังไม่อาจทำได้ เธอต้องค่อยๆจัดการไป๋เย่รั่วให้รู้สำนึกทีละน้อย
"ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ พี่ไม่ต้องกังวลนะ ว่าแต่พี่เถอะ มีอะไรรึเปล่า"
ไป๋เย่รั่วเมื่อได้ยินไป๋เหยาเอ่ยถามก็เม้มริมฝีปากแน่น เธอขยับเข้ามาใกล้น้องสาวเล็กน้อย
"คือว่า พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนเธอไปกับพี่หน่อยได้ไหม มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่รู้จักกับพี่อยากจะพบเธอ เขาแอบชอบเธอมานานแต่ไม่กล้าพูดอะไร แต่ถ้าเธอไม่อยากพบเขาพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่พี่รับปากเขาเอาไว้แล้วว่าจะให้เขาได้พบเธอ เพราะเขาเคยช่วยพี่เอาไว้ตอนที่พี่ถูกเพื่อนในมหาวิทยาลัยกลั่นแกล้ง พี่ก็เกรงใจเขาน่ะ"
ไป๋เย่รั่วลอบสังเกตท่าทีของไป๋เหยา แต่ทว่ากลับไม่พบความผิดปกติอะไร
"รุ่นพี่เหรอคะ เขาเป็นใคร แล้วพี่รู้จักเขาตอนไหน เขาเป็นคนดีหรือเปล่า"
"เขาชื่อหลัวจิ้ง เป็นรุ่นพี่ของพี่เอง แต่เรียนอยู่อีกมหาวิทยาลัยอีกที่หนึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเล็กๆ เขาช่วยพี่หลายครั้ง พวกเรามีโอกาสได้สนทนากันจนสนิทสนมกัน แล้วเขาก็บังเอิญเห็นเธอตอนที่มารับพี่ เขาอยากรู้จักกับเธอ นี่เสี่ยวเหยา แม้ว่าฐานะขอเขาจะเทียบเราไม่ได้ แต่เขานิสัยดีมากเลยนะ รู้จักเขาเอาไว้ก็ไม่เสียหายตรงไหนนี่ คนเราน่ะต้องสร้างมิตรเอาไว้ดีกว่าสร้างศัตรูนะ"
ไป๋เหยาเมื่อได้ยินชื่อของหลัวจิ้ง เธอก็ลอบกำมือแน่น
ในชาติก่อนก็เป็นแบบนี้ ไป๋เย่รั่วแนะนำให้เธอได้รู้จักกับหลัวจิ้ง ก่อนหน้านี้เธอไปรับไป๋เย่รั่วที่ร้านขนมและเห็นไป๋เย่รั่วกำลังสนทนากับหลัวจิ้ง ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดอะไร เพียงเห็นว่าเป็นเพื่อนของพี่สาวจึงตอบตกลงไปพบเขา จากนั้นเธอก็ตกหลุมรักเขาหัวปักหัวปรำ นอกจากหน้าตาเขาจะเหล่อเหลาแล้วยังเอาใจเก่ง ดูแลเธอทุกอย่าง เธอเป็นเพียงหญิงสาวที่อ่อนต่อโลก ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนและไว้ใจไป๋เย่รั่วมาก เธอเชื่อว่าพี่สาวย่อมไม่แนะนำคนไม่ดีให้เธอ และสุดท้ายเธอก็พบจุดจบเช่นนั้น
ไป๋เหยายิ้มเย็นในใจ ที่แท้พี่สาวใจชั่วก็วางแผนมาโดยตลอด ตั้งแต่แรกเริ่มไป๋เย่รั่วไม่เคยจริงใจกับเธอเลย หล่อนรวมหัวกับหลัวจิ้งมาหลอกเธอให้ตายใจเพื่อหวังจะแย่งทุกอย่างของเธอไป
ไป๋เย่รั่วจิตใจอำมหิต ค่อยๆลงมืออย่างไม่รีบไม่ร้อนเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต
สุดท้ายก็จัดการเธออย่างแยบยล!
แต่ชาตินี้มันจะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว
อยากเจอเธอหรือ ได้เลย เธอจะไปเจอเขา แต่ครั้งนี้หลัวจิ้งคนบัดซบผู้นั้นจะต้องจำไปจนวันตายแน่นอน
เมื่อเห็นว่าไป๋เหยาไม่ตอบ ไป๋เย่รั่วก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก เธอกลัวว่าแผนการของตนเองจะไม่สำเร็จ
แต่ทว่าไม่นานไป๋เหยาก็เอ่ยตอบเธอ
"ได้ค่ะ ฉันจะไปกับพี่นะ"
"จ๊ะ อย่างนั้นพี่ไปนอนแล้วนะ"
"ค่ะ"
ไป๋เหยาพยักหน้ารับ เมื่อไป๋เย่รั่วหันหลังเดินจากไป แววตาของไป๋เหยาก็เย็นชาขึ้นมาทันที
ด้านไป๋เย่รั่วนั้นเมื่อกลับมาถึงห้องของตนแล้วเธอก็รู้สึกพอใจไม่น้อย อีกไม่นานไป๋เหยาก็จะเดินเข้าไปติดกับดักของเธอแล้ว
เธอจะคอยดูว่าระหว่างเธอที่เป็นลูกบุญธรรมแต่ปฎิบัติตัวดีมาตลอด กับไป๋เหยาที่เป็นลูกคุณหนูตัวจริงแต่กับใจแตก ทำเหมือนอีตัวที่ไปนอนกับผู้ชายได้ง่ายๆจนตั้งท้องขึ้นมา ใครจะดีไปกว่ากัน!
แรกเริ่มที่มาอยู่ที่บ้านตระกูลไป๋ ไป๋เย่รั่วคิดว่าเธอจะได้ทุกอย่าง เธอถูกทอดทิ้งมาตั้งแต่เด็กและมีปมในจิตใจ เมื่อได้มองเห็นเด็กคนอื่นๆมีบ้าน มีครอบครัวที่รักใคร่ แต่เธอกลับถูกทอดทิ้ง เธอก็คิดว่าโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
จนกระทั่งวันหนึ่งสวรรค์ก็เมตตาเธอ เมื่อประธานไป๋และคุณนายไป๋มาที่นี่เพื่อรับเด็กไปอุปการะ เพราะพวกเขามีลูกยาก อยากได้เด็กสักคนไว้คอยเป็นเพื่อนลูกสาวตน และเธอก็ได้รับเลือก เมื่อเข้ามาอยู่ในฐานะบุตรสาวบุญธรรมเธอก็ได้ใช่แซ่ไป๋ ใช้ชีวิตเป็นคุณหนูที่สุขสบายเฉกเช่นลูกสาวบ้านอื่น
ไป๋เย่รั่วมีใจริษยามาตั้งแต่เด็ก เธอมองโลกในแง่ร้ายมาโดยตลอด เห็นใครดีกว่าไม่ได้ เมื่อมาเจอไป๋เหยาเธอจึงคิดในใจมาโดยตลอดว่าสักวันเธอจะทำให้ไป๋เหยาหายไป และคนที่ได้ครอบครองสมบัติทุกอย่างของตระกูลไป๋ก็คือเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอได้พบกับหลัวจิ้ง ตอนนั้นเธอเพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธอและเขายังไม่มีความสัมพันธ์เกินเลยใดกัน เพียงแค่คบหากันเท่านั้น
หลัวจิ้งเป็นเพียงลูกพ่อค้าธรรมดาคนหนึ่ง เขาเองก็มีใจทะเยอะทะยานเช่นเดียวกับเธอ เมื่อเขาคบหากับเธอและบังเอิญได้พบเจอกับไป๋เหยาก็รู้สึกชอบพอในตัวน้องสาวและเริ่มเสนอแผนการดีดีให้กับเธอ แรกเริ่มเธอไม่เห็นด้วยเพราะรู้สึกหึงหวงเขา แต่ชายหนุ่มบอกว่าหากเธอและเขาอยากสบายก็ต้องใช้ไป๋เหยานี่ละเป็นตัวเบิกทางที่ดีที่สุด
ไป๋เย่รั่วคิดทบทวนก็รู้สึกว่าคำพูดของหลัวจิ้งค่อนข้างสมเหตุสมผล เธอจึงยอมเปิดทางให้หลัวจิ้งและไป๋เหยาได้เริ่มทำความรู้จักกัน
เธอเชื่อว่าหลัวจิ้งไม่มีทางทรยศเธอ แม้แต่ตอนที่เขารู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของบ้านตระกูลไป๋เขาก็ยังไม่รังเกียจเธอ เขารักเธอจากใจจริง
หญิงสาวยกยิ้มมุมปาก เรื่องนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป จะรีบร้อนไม่ได้เป็นอันขาด
เช้าวันต่อมาไป๋เหยาไปเรียนตามปกติ เพราะได้สมุดจดบันทึกของมู่จินทำให้เธอเข้าใจเนื้อหาที่อาจารย์สอนในวันนี้ได้รวดเร็วขึ้น หลังจากเลิกเรียนแล้วมู่จินบอกว่ามีเรื่องต้องไปจัดการที่บ้านนิดหน่อย คงไม่ได้ไปเดินเล่นกับไป๋เหยา ไป๋เหยาพยักหน้าและบอกว่ามีเรื่องต้องทำเช่นกัน มู่จินจึงวางใจและกลับบ้านไป
ไป๋เหยามาตามนัดที่ให้ไว้กับไป๋เย่รั่ว ตอนนี้พี่สาวกำลังนั่งรอเธออยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้หน้ามหาวิทยาลัย ข้างกันนั้นมีคนที่ไป๋เหยาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
หลัวจิ้ง!