บทที่ 5 บอกว่าอย่าจับตัวฉันค่ะพี่
ด้านหลัวจิ้งนั้นเมื่อเห็นไป๋เหยาในระยะใกล้เช่นนี้เขาก็พอใจในตัวเธอไม่น้อย หญิงสาวตรงหน้ามีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณก็ขาวเนียนละเอียด งดงามมากกว่าไป๋เย่รั่วเสียด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่ดูอ่อนต่อโลกไม่ร้อนแรงชวนมองเช่นไป๋เย่รั่ว
ไป๋เย่รั่วที่เห็นหลัวจิ้งมองน้องสาวด้วยแววตาที่ชื่นชมก็ลอบกำมือแน่น แต่ตอนนี้เธอต้องตามน้ำไปเสียก่อน จะทำให้เสียเรื่องไม่ได้ เพราะเธอยังต้องใช้ประโยชน์จากไป๋เหยาไปอีกนาน
ส่วนไป๋เหยาแม้ในใจจะร้อนรนอยากจะยกเท้าถีบหลัวจิ้งสักครั้งแต่เธอต้องอดทนเอาไว้ก่อน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะทำเช่นนั้นได้ เธอจึงแสร้งตีหน้ายิ้มให้กับหลัวจิ้งและไป๋เย่รั่ว
"พี่คะ นี่เหรอคะรุ่นพี่คนนั้นน่ะ"
ไป๋เย่รั่วยิ้มเต็มใบหน้า และเอ่ยตอบน้องสาวอย่างอ่อนโยน
"ใช่จ๊ะ พี่หลัวจิ้งคะ นี่คือไป๋เหยาน้องสาวของฉันเองค่ะ"
หลัวจิ้งยิ้มให้ไป๋เหยา ก่อนจะยิื่นมือมาให้เธอ ไป๋เหยาเพียงยิ้มตอบอย่างมีมรรยาท เธอไม่ได้ยื่นมือไปให้เขา หลัวจิ้งเองก็ไม่รีบร้อน
เล่นตัวไปก่อนเถอะสาวน้อย อีกไม่นานฉันจะทำให้เธอมาสยบแทบเท้าฉันให้ได้
เมื่อเห็นว่าไป๋เหยาวางตัวเหินห่างและไม่ยอมจับมือเขา ชายหนุ่มจึงรีบทำตามแผ่นต่อไปเพื่อหาทางใกล้ชิดกับไป๋เหยา เขาเอ่ยชวนไป๋เหยาและไป๋เย่รั่วไปเดินเล่นด้วยกันที่สวนสาธารณะ ไป๋เหยาเองก็ไม่ปฏิเสธ
หลัวจิ้งลอบส่งสายตามให้ไป๋เย่รั่ว เธอเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มและเอ่ยกับไป๋เหยา
“เสี่ยวเหยาเธอเดินไปกับพี่หลัวจิ้งก่อนเลยนะ พี่จะแวะไปซื้อของเล็กน้อย แล้วจะรีบตามไป"
"อ้อ ได้สิคะ"
ไป๋เหยาไม่ปฏิเสธ เดินเดินไปพร้อมกับหลัวจิ้งทันที
เขาพาเธอเดินเล่นและแวะร้านขนม อีกทั้งยังเอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดี ทำตัวเหมือนผู้ชายแสนดีที่พร้อมจะปกป้องดูแลเธอเสียอย่างนั้น หากเป็นแต่ก่อนไป๋เหยาคงหลงใหลไปกับเขาแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่คนโง่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ส่วนหลัวจิ้งนั้นเขาก็พอใจในตัวไป๋เหยาเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มคิดไปถึงขนาดที่ว่าอยากจะพาเธอเข้าโรงแรมและจัดการเธอให้ตกเป็นของเขาเสีย แผนต่อไปจะได้ง่ายขึ้น
ระหว่างที่เดินเล่นกันอยู่นั้น ไป๋เหยาไม่ได้แสดงท่าทีเป็นกังวลที่ไป๋เย่รั่วกลับมาช้าเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่านี่เป็นแผนการของไป๋รั่วเย่ที่ต้องการเปิดทางให้หลัวจิ้งทำความสนิทสนมกับเธอ
เมื่อคิดย้อนไปถึงชาติก่อนเธอก็รู้สึกโมโหตัวเองไม่น้อยเลย เธอถึงกับกล้ามาเดินกับชายหนุ่มแปลกหน้าเพียงลำพัง โดยไม่ระวังหรือฉุกคิดเลยแม้แต่น้อย
โง่เขลาเกินเยียวยาจริงๆ!
ด้านหลัวจิ้งนั้นเขาลอบยกยิ้มมุมปาก ดูแล้วไป๋เหยาคงเป็นพวกหญิงสาวหัวอ่อน ถูกเขาเอาอกเอาใจหน่อยก็ยอมเช่ื่อฟังแล้ว
ในขณะเดียวกัน มู่เฉินกำลังลงมาจากรถ เขาจำได้ว่าแถวนี้มีร้านขนมอบร้านหนึ่งทั้งอร่อยและกำลังเป็นที่นิยม จึงคิดจะซื้อไปฝากคนที่บ้านเสียหน่อย ก่อนหน้านี้เขาได้ไปส่งมู่จินกลับบ้านแล้ว ส่วนไป๋เหยานั้นเขาไม่ได้สนใจเธอเท่าใดนักและไม่ได้ถามมู่จินว่าเธอกลับบ้านไปแล้วหรือยัง
แต่ทว่าในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินข้ามถนน สายตากลับมองไปเห็นไป๋เหยากำลังเดินเล่นอยู่กับหลัวจิ้ง ที่ตรงนั้นไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากเท่าใดนัก และเหมือนกับว่าหลัวจิ้งกำลังจะยื่นมือมาหยิบใบไม้บนผมเธอออก อีกทั้งยังคิดจะจับมือเธออีกด้วย
ไป๋เหยาเองก็ยิ้มด้วยท่าทีเขินอาย
มู่เฉินมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่เย็นชา ชายหนุ่มกำมือแน่นในใจบีบรัดเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากจะยุ่งเรื่องของไป๋เหยาสักเท่าไหร่ แต่เหมือนหัวใจของเขาจะไม่ยอมเชื่อฟัง
ชาติก่อนถึงเขาจะทำตัวเสเพล แต่เขาจำได้ว่า เขาตกหลุมรักสาวน้อยคนหนึ่งจนหมดหัวใจ เพียงเพราะเธอยิ้มให้เขาแค่ครั้งเดียว
สาวน้อยคนนั้นก็คือไป๋เหยา
รอยยิ้มที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสานั้นทำให้เขาใจอ่อนยวบ เธอเป็นคนเดียวที่ปฏิเสธเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย และไม่สนใจเงินทองและทุกอย่างที่เขามี เมื่อเห็นเขาเธอจะหาทางหนีอยู่เสมอ
เธอไม่ตอบรับรักเขา แต่กลับไปรักคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างหลัวจิ้ง
มู่เฉินหลับตาลง โศกนาฏกรรมในชาติก่อนวนย้อนกลับมาอีกครั้ง เขาเองรู้ทุกอย่างว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับไป๋เหยา เพราะเขาก็ย้อนเวลากลับมาเช่นเดียวกัน
มู่เฉินย้อนเวลากลับมาก่อนหน้านี้ไม่นาน และเขาก็รู้ว่าที่ไป๋เหยาเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนในวันนั้นเป็นแผนการของไป๋เย่รั่ว
ผู้หญิงคนนั้นวางแผนมานานแล้วที่จะกำจัดไป๋เหยา
โชคดีที่เขาเข้าไปเห็นเหตุการณ์พอดีและช่วยเธอไม่ให้ถูกรถเหยียบซ้ำ
มันเป็นเรื่องบ้าบอที่เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว เขาจึงเชื่อเรื่องนี้อย่างสนิทใจ
แม้ในใจจะพร่ำบอกว่าไม่อยากยุ่งเรื่องของเธออีก ก็แค่ผู้หญิงคนเดียวที่ไม่สนใจเขา เขายังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่พร้อมจะเสนอตัวให้ แต่สุดท้ายเขากลับทำไม่ได้
เขาทนเห็นเธอพบเจอความตายอย่างไม่เป็นธรรมอีกครั้งไม่ได้
เพราะเขาอาจจะลงมือทำเรื่องเลวร้ายเช่นชาติที่แล้วอีกครั้ง!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นมู่เฉินจึงตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนไป๋เหยานั้นตอนนี้เธอเริ่มจะรำคาญหลัวจิ้งเต็มทนแล้ว หญิงสาวมองไปโดยรอบเมื่อเห็นว่าไม่มีคนก็ลอบพอใจ เธอรอจนหลัวจิ้งยิื่นมือของเขามาจับมือของเธอ ไป๋เหยาก็ยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกเข่ากระทุ้งเข้าไปที่เป้าของหลัวจิ้งอย่างเต็มแรง หลัวจิ้งที่ถูกทำร้ายกระทันหันโดยไม่ทันตั้งตัวพลันเอ่ยคำพูดไม่ออก หน้าของเขาเขียวคล้ำ ชายหนุ่มกุมเป้าตนเองเอาไว้แน่น
"พี่หลัวจิ้ง ขอโทษค่ะ ฉัน เอ่อ ฉันถูกผู้ชายจับตัวไม่ได้เลยค่ะ แค่จับมือก็ยังไม่ได้ โดนจับเมื่อไหร่มักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง"
หลัวจิ้งจุกตนน้ำตาคลอเบ้า เขาไม่สามารถหาคำใดมาเอ่ยได้เลย ชายหนุ่มทรุดตัวลงไปกับพื้น พยายามยื่นมือมาจับขาขาวเนียนของไป๋เหยา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้สัมผัสถูกตัวเธอ ก็ถูกหญิงสาวตรงหน้าเตะเสยมาที่ปลายคางเข้าอย่างจังจนเขารู้สึกมึนงงไปหมด
"พี่คะ ขอโทษค่ะ บอกแล้วว่าอย่ามาจับตัวฉัน ฮือ ให้ตายเถอะ พี่สาวฉันก็ยังไม่กลับมาเสียที ทำอย่างไรดี"
เอ่ยจบเธอก็ยกเท้าเหยียบมือของหลัวจิ้งอย่างแรงจนเขาแหกปากร้องไม่เป็นภาษา
มู่เฉินที่วิ่งมาอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก นอกจากจะพูดไม่ออกแล้ว เขายังยกมือขึ้นมากุมเป้าตัวเองโดยอัตโนมัติอีกด้วย!
อะไรกันเนี่ย! ชาตินี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมไป๋เหยาที่แสนอ่อนต่อโลกผู้นั้นถึงกลายเป็นสาวน้อยที่เกิดมาเพื่อทำลายเป้าผู้ชายไปได้กันนะ!
ซ้ำยังเตะเสยปลายคางหลัวจิ้งอย่างไม่ปราณีปราศรัยอีกด้วย!