บทที่ 8 เรื่องใหญ่ที่นางก่อ
บัดนี้จื่อรั่วอิงกำลังใส่ชุดไว้ทุกข์ที่เจ้าอ้วนเป่าได้เตรียมเอาไว้ ด้วยแผนการของนางหลังจากเข้าไปในสำนักศึกษาแล้ว นางก็จัดการวางยาถ่ายคนทั้งสำนัก รวมทั้งบรรดาองครักษ์ที่ติดตามควบคุมนางไปด้วย
เพราะเรื่องนี้มีน้องสี่และน้องห้าสตรีเรียบร้อยคอยช่วยเหลือ พวกเขาตกหลุมพรางอย่างง่ายดายด้วยไม่คิดว่าสตรีผู้งดงามอ่อนหวานจากสกุลจื่อทั้งสองจะหาญกล้ามาวางยาในน้ำชาที่พวกเขาดื่มกัน
น้องสี่และน้องห้าของจื่อรั่วอิงยืนตัวสั่นอยู่ที่มุมหนึ่ง เมื่อเห็นบรรดาเพื่อน ๆ วิ่งหาห้องน้ำกันวุ่นวาย
"จะไม่เป็นอันใดแน่นะเจ้าคะ"
จื่อรั่วอิงทำใบหน้าขึงขัง
"พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ยาถ่ายเพียงเล็กน้อยพวกเขาจะไม่เป็นอะไรแน่นอน ข้าจำเป็นหากข้าไม่ทำเช่นนี้จะหลบหนีองครักษ์และคนทั้งสำนักไปได้อย่างไร"
น้องสี่ของนางกลับตอบว่า
"ข้าหมายถึงข้ากับน้องห้าเจ้าค่ะ พวกข้าจะไม่เป็นไรแน่นะเจ้าคะ ส่วนคนพวกนั้นก็ช่างเถิดไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว"
จื่อรั่วอิงหัวเราะขบขันจนน้ำตาเล็ด
"น้องสี่ น้องห้า พวกเจ้าช่างเหมาะสมแล้วที่เป็นน้องสาวข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
น้องสี่ทำหน้าย่น
"พี่สามท่านอย่าล้อเล่น ตกลงพวกข้าจะเป็นไรหรือไม่"
จื่อรั่วอิงรีบส่ายหน้า "ไม่ต้องห่วง หากมีการสืบสวนข้าจะยืดอกรับความผิดเอาไว้เอง พวกเจ้าก็แค่อยู่เฉย ๆ ก็พอ นี่ดื่มนี่ด้วย ขอบใจมากที่ช่วยเหลือข้าครานี้"
น้องห้ากอดอกแล้วเอ่ยว่า
"พี่สามข้าไม่เข้าใจท่านเสียจริง เพื่อบุรุษตาบอดผู้หนึ่งเหตุใดจึงลงทุนทำเรื่องเพียงนี้"
จื่อรั่วอิงยิ้ม พร้อมกับยื่นน้ำผสมยาถ่ายให้น้องสาวทั้งสองคน
"พวกเจ้าไม่เข้าใจก็ช่างเถิด แต่อย่างไรก็ขอบใจจริง ๆ นี่ รีบดื่มแล้วกลับเรือนเสีย จากนั้นท่านหมอจะมาตรวจพวกเจ้า คนก็ไม่สงสัยเจ้าแล้วทุกคนจะพุ่งความสงสัยมาที่ข้าแทน"
น้องสี่เอ่ยถาม
"พี่สาม ท่านไม่กลัวหรือเจ้าคะ หากถูกจับได้ท่านพ่ออาจสั่งโบยท่าน ยังต้องโดนโทษจากสำนักศึกษาอีก"
นางส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า "ข้ากลัวเป็นเมียน้อยคนอื่นและขาดอิสรเสรีมากกว่า ชีวิตนี้ยังมีเรื่องให้เที่ยวให้ดื่มกินมากนัก หากได้แต่งกับอ๋องตาบอดผู้นั้น ข้าจะตอบแทนพวกเจ้าอย่างงาม"
น้องสี่และน้องห้ารีบดื่มน้ำในมือ พวกนางแสร้งปวดท้องกลับจวนก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์ น้ำที่พวกนางดื่มมีส่วนผสมยาถ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สตรีทั้งสองคนเข้าห้องน้ำเพียงสองสามครั้งก็ไม่มีอาการอื่นใด
จื่อรั่วอิงใช้วิชากายกรรมปีนกำแพงออกไปโดยมีเจ้าอ้วนเป่าคอยรับนางอยู่ด้านนอก
"แผนการพร้อมหรือไม่"
อ้วนเป่าพยักหน้าจริงจัง
"พร้อมขอรับ"
จื่อรั่วอิงท่าทางฮึกเหิมพร้อมออกศึก นางขึ้นเสียงสูงหนักแน่น กำมือข้างหนึ่งแล้วชูขึ้นเหนือหัว ในขณะที่อ้วนเป่าลอกเลียนแบบท่าทางนั้นทันใด
"เมื่อพร้อมแล้ว พวกเราไปจับผู้ชายกันเลย"
"ขอรับ ไปจับผู้ชายกันเลย"
จวนลี่อ๋อง
"เจ้าเหตุใดไร้ยางอายเช่นนี้ จะขวางทางประตูจวนได้อย่างไร ในเมื่อท่านอ๋องไม่ยินยอมก็กลับไปเสียเถิด มิเช่นนั้นผู้คนจะหัวเราะเอาได้ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นสตรีใดที่หน้าด้านหน้าทนเช่นเจ้า"
"ไม่ยินยอมหรือ เขาทำอนาจารข้าที่วัดเชิงเขา บ่าวของข้าเป็นพยานได้ หากวันนี้เขาไม่ยอมรับข้า ข้าจะฆ่าตัวตายเรียกร้องความยุติธรรม ในเมื่อตัวข้าแปดเปื้อนมลทินแล้ว ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร"
จื่อรั่วอิงย้อนถามเสียงสั่นตั้งใจตะโกนให้เสียงดังเป็นพิเศษ น่าเสียดายที่ยุคนี้ไม่มีโทรโข่งเพื่อประกาศก้องให้คนทั้งเมืองได้รู้ ใบหน้างามเต็มไปด้วยน้ำตาทว่าภายในใจลิงโลดนัก
'ผู้ชายคนนั้นยังไงก็ต้องเป็นของข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า'
"คุณหนู มีดขอรับ"
เจ้าอ้วนเป่ายื่นมีดให้จื่อรั่วอิง นางรับมาแล้วแสดงท่าทางเศร้าสร้อย คุกเข่าลงหน้าจวนแล้วตะโกนเสียงดังกระทั่งผู้คนที่มามุงดูได้ยินอย่างชัดเจน
"ข้าจื่อรั่วอิง คุณหนูสามแห่งจวนเสนาบดีกรมโยธาจะยอมตาย หากท่านอ๋องยังไร้มนุษยธรรมแต่งข้าเข้าจวน"
นางจดจำท่าทางในซีรีส์มาอย่างดี ฉากงดงามที่นางเอกพยายามฆ่าตัวตายนั้น จื่อรั่วอิงยกมีดสั้นขึ้นสูง แสงแดดที่สาดส่องต้องผิวหน้าขาวเนียนทำให้นางดูงดงามดุจภูตผีอีกทั้งยังดูน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง
ทหารเฝ้าจวนต่างตกใจ พวกเขานำความไปแจ้งท่านอ๋องแล้ว ท่านอ๋องกลับกล่าวว่า หากนางตายแล้วก็รีบนำศพไปทิ้งล้างเลือดให้สะอาดอย่าให้อุจาดสายตาคน
ดูเหมือนว่าอ๋องทมิฬผู้นั้นจะไม่สนใจชีวิตคนเลยด้วยซ้ำ
ในเมื่อเป็นคำสั่งทหารเฝ้าประตูจวนจึงไม่มีใครเอ่ยห้ามแม้แต่คนเดียว กระทั่งจื่อรั่วอิงหรี่ตามอง
"ข้าจะฆ่าตัวตายแล้วนะ จะลงมือแล้วนะ หากท่านอ๋องไม่ให้ข้าเข้าพบข้าจะฆ่าจริง ๆ นะ"
ทหารต่างไม่สบตามอง ต่างหันหน้าหนีแสร้งมองไม่เห็นคน เสียงของผู้คนที่อยู่รอบข้างเริ่มดังขึ้น
ท่านอ๋องตาบอดจะล่วงเกินนางได้อย่างไร
จื่อรั่วอิงผู้นี้แปลกประหลาด หน้าตาก็งดงามเหตุใดคิดแต่งกับคนพิการตาบอดที่ไม่มีผู้ใดเอา
หรือสติของคุณหนูสามผู้นี้จะวิปลาสไปแล้วจึงได้คิดแต่งกับคนพิการ ไม่คิดถึงหน้าตาสกุลตนเองแม้แต่น้อย
นางไม่อับอายบ้างหรือ กระทั่งบุรุษตาบอดยังไม่ยอมรับนาง เช่นนี้จะแต่งให้ผู้ใดได้อีก
ได้ข่าวว่าคุณหนูสามรับของหมั้นจากจวนถังอ๋องไปแล้ว เหตุใดกลายมาเป็นเช่นนี้
สงสัยครานี้ถังซื่อจื่อต้องถอนหมั้นนางแน่นอน คุณหนูสามผู้นี้หาเรื่องให้ตนเองโดยแท้
เสียงนินทาเบา ๆ กลายเป็นเสียงเซ็งแซ่ จื่อรั่วอิงตะโกนลั่น
"ได้ ไม่รับผิดชอบ ข้าก็ยอมตาย"
จื่อรั่วอิงขยิบตา เจ้าอ้วนเป่าใช้พลังเสียงสุดแรงป้องปากตะโกนก้อง
"คุณหนูของข้า ฆ่าตัวตายแล้ว"
มีดในมือถูกปักเข้าไปกลางอกทันใด เลือดสาดกระจายจนเต็มพื้น ร่างเล็กของจื่อรั่วอิงล้มลงไปตรงนั้นเสียงผู้คนกรีดร้องด้วยความตกใจด้วยไม่คิดไม่ฝันว่าคุณหนูสามสกุลจื่อจะกล้าหาญฆ่าตัวตาย และทันใดนั้นประตูจวนก็ถูกเปิดออก
"พานางเข้าไป"
เสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น จื่อรั่วอิงไม่ทันได้มองว่าเป็นเสียงของผู้ใด ในยามนั้นที่นางถูกหามเข้าจวนเลือดก็นองเต็มร่างทั้งยังหยดแหมะเป็นสายสร้างความรู้สึกสยดสยองให้แก่ผู้ที่เข้ามามุงดูจนต้องปิดตากลั้นหายใจ
เจ้าอ้วนเป่าร้องตะโกนลั่นตามแผนที่วางไว้
"คุณหนูฆ่าตัวตายแล้ว คุณหนูของข้าเพื่อศักดิ์ศรีจึงทำเช่นนั้น ช่างเป็นคุณหนูที่จิตใจงดงามยิ่งนัก คุณหนู ฮือ ฮือ ฮือ"
อ้วนเป่าตะโกนเสร็จคิดติดตามคุณหนูเข้าไปในจวน ทว่ากลับถูกองครักษ์ขัดขวางมองเห็นเพียงร่างเล็กถูกหามเข้าไปอย่างทุลักทุเล
"คุณหนูขอรับ ท่านต้องปลอดภัยนะขอรับ"
เพียงร่างของนางพ้นประตูจวนเรื่องที่นางแทงตัวเองที่หน้าจวนลี่อ๋องก็ถูกเล่าขานไปทั้งเมือง กลายเป็นข่าวดังภายในพริบตา แน่นอนว่าเรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงหูฝ่าบาทและบิดาของนางที่อยู่ในวังในยามนั้นการประชุมขุนนางเสร็จสิ้นพอดีทหารจึงเข้ามารายงาน
ลี่หมิงอ๋องคือเสด็จอาที่ฝ่าบาทใส่พระทัยที่สุดเรื่องนี้เกี่ยวพันกับเขาโดยตรงรวมถึงสกุลจื่อมีความสำคัญต่อฝ่าบาทเพราะเป็นขุนนางซื่อสัตย์ อีกทั้งภรรยาที่ฝ่าบาทรักที่สุดก็คือคนจากสกุลจื่อ ฝ่าบาทเรียกเสนาบดีจื่อเข้าพบเป็นการส่วนพระองค์เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น
หลังจากฟังรายงานจากกงกงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าจวนอ๋อง ฝ่าบาทจึงตรัสถามอย่างร้อนรน
"นางตายหรือไม่ เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือไม่"
กงกงที่นำข่าวมารายงานจึงทูลว่า
"บ่าวให้คนคอยดูแลใกล้ชิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวคงมีรายงานเข้ามา"
จื่อหานผู้เป็นบิดาใบหน้าซีดเผือด เขารู้ว่าจื่อรั่วอิงเจ้าเล่ห์เพียงใด จึงไม่คิดว่านางแทงตัวเองจริง ๆ เสียงกงกงขานชื่อขอเข้าเฝ้า เป็นจื่อเว่ยนั่นเอง
"ฝ่าบาทเพคะ เกิดเรื่องอันใดขึ้น ท่านพ่อเจ้าคะ"
จื่อหานมองหน้าบุตรสาวแสดงออกถึงความรู้สึกหนักอกหนักใจที่อยู่ในใจ สองพ่อลูกสบตากัน เพียงเท่านี้นางก็เข้าใจแล้ว ฝ่าบาทฉลาดเฉลียวเห็นท่าทางของจื่อเว่ยและเสนาบดีจื่อ จึงเอ่ยว่า
"สนมรัก ดูเหมือนว่าเรื่องนี้พวกเจ้าจะรู้ดีกว่าผู้ใด มีสิ่งใดที่ปิดบังข้าอยู่หรือไม่"
จื่อเว่ยมองหน้าบิดา นางไม่อาจปกปิดเรื่องเอาไว้ได้แล้วในเมื่อมาถึงขั้นนี้อย่างไรก็ต้องทูลฝ่าบาทให้ทรงทราบ แม้ว่าพอจะคาดเดาได้ว่าฝ่าบาทต้องอาศัยช่วงเวลานี้มอบสมรสให้กับลี่หมิงอ๋องเป็นแน่
"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันจะเล่าให้ฟังระหว่างที่เสด็จไปจวนเสด็จอาดีหรือไม่"
จื่อรั่วอิงถูกจับได้แล้ว ที่แท้นางไม่ได้แทงตัวเอง อาศัยเล่ห์กลเล็กน้อยใช้มีดแทงเลือดหมูที่นางใส่เอาไว้ในกระเพาะหมูแล้วเก็บเอาไว้ใต้เสื้อตนเอง เพียงเท่านี้ก็ดูเหมือนนางฆ่าตัวตายจริง ๆ ทว่าหลังจากที่ท่านหมอแห่งจวนอ๋องมาตรวจดูกลับไม่พบรอยบาดแผลนอกจากกระเพาะหมูที่ถูกแทงจนขาดภายในเสื้อของนาง
"เหลวไหล ไร้ยางอายยิ่งนัก นี่เจ้ากล้าทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ได้อย่างไร"
สตรีนางนั้นเอ่ยขึ้น ท่าทางสูงส่ง ใบหน้างดงาม สวมอาภรณ์หรูหรา ในจวนนี้คงไม่ใช่ผู้ใดนอกจากว่าที่แม่สามีของนาง ลี่ไท่เฟยนั่นเอง
จื่อรั่วอิงย่อมไม่กลัวว่าจวนลี่จะทำอันตรายตนเอง เพราะนางเป็นบุตรสาวของเสนาบดีจื่อพ่อตาของฝ่าบาท ทั้งยังเป็นน้องสาวที่พระสนมจื่อกุ้ยเฟยรักใคร่ยิ่งนัก อาศัยฐานะอันสำคัญสองอย่างนี้ก็ไม่มีผู้ใดกล้าสังหารนางแล้ว
จื่อรั่วอิงแสร้งร้องไห้ กล่าวอ้อนวอนอย่างอ่อนน้อมทั้งน้ำตา นางคุกเข่าลงแล้วเอ่ยสะอื้น
"ไท่เฟยเพคะ รั่วอิงไร้ทางออกแล้ว หากไม่ทำเช่นนี้คงไม่ได้เข้าจวนนี้เป็นแน่ ท่านอ๋องล่วงเกินรั่วอิงเพียงนี้ยังไม่รับผิดชอบ ในฐานะผู้หญิงด้วยกันไท่เฟยคิดดู หากท่านถูกผู้ชายที่ไหนไม่รู้ จับตรงนี้ แล้วบีบแบบนี้ ยังลูบแบบนี้ จะมีหน้าอยู่ในโลกนี้ได้หรือเพคะ"
จื่อรั่วอิงกางสองมือออกมา แล้วทำท่าบีบหน้าอกตัวเอง แล้วลูบเบา ๆ เป็นท่าทางประกอบฉาก ลี่ไทเฟยมองมือที่เต็มไปด้วยเลือดหมูของนางอย่างรังเกียจ ทั้งยังทำหน้าตาขยะแขยง
"อย่างไรเจ้ามันก็สตรีไร้ยางอาย คิดจะแต่งเป็นชายาลูกชายข้าก็ฝันไปเถิด ข้าจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น เจ้ามันวิปริตคิดไปเอง ผู้ใดเป็นพยานให้เจ้าได้กัน กระทั่งข้ายังเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้ก็วันนี้"
จื่อรั่วอิงเค้นน้ำตา ทว่ามันไม่ไหลแล้วจึงรู้สึกเจ็บดวงตาไปหมด ช่างเถิดไม่ไหลก็ช่างมันนางยังต้องแสดงต่อ คิดได้ดังนี้ก็แสร้งปาดน้ำตาที่ไม่มีสักหยดด้วยท่าทางอ่อนแอ
นางหรี่ตามองหาคุณลุงตาบอดผู้นั้นกลับไร้เงา ตั้งแต่เข้ามาในจวนอ๋องอันหรูหราบ่งบอกรสนิยมของไท่เฟยได้ดีเพราะล้วนประดับด้วยเครื่องแก้วนิลจินดา นางยังไม่ได้พบหน้าท่านอ๋องเย็นชาผู้นั้นแม้แต่น้อย
ปากเล็กสั่นระริกดัดเสียงสะอื้นปนแหบเล็กน้อยออกไป
"พยานมีเต็มวัด ภิกษุย่อมไม่พูดปด ไท่เฟยท่านอย่าสืบหาเลยดีกว่ามิเช่นนั้นหลักฐานจะมัดตัวท่านอ๋องยิ่งกว่านี้ การรบกวนพระมันบาปนะเพคะ"
ลี่ไท่เฟยเม้มปาก รู้สึกไม่ถูกชะตากับจื่อรั่วอิงอย่างรุนแรง ลี่ไท่เฟยครุ่นคิดและแล้วประตูโถงก็เปิดออก จู่ ๆ สตรีนางหนึ่งก็เดินเข้ามา
บ่าวทำความเคารพนางผู้นั้น จื่อรั่วอิงมองตาม นางย่นหัวคิ้วไม่เคยรู้มาก่อนว่าจวนอ๋องมีสตรีผู้งดงามอยู่ในนี้ด้วย ท่าทางฐานะในจวนมิใช่บ่าวทั่วไป เมื่อนางผู้นั้นทำความเคารพก่อนจะขยับมาใกล้ลี่ไท่เฟยแล้วเอ่ยว่า
"ท่านป้าเจ้าคะ นางผู้นี้ลบหลู่ท่านป้าเช่นนี้สมควรสั่งสอนให้หลาบจำนะเจ้าคะ"
ลี่ไท่เฟยมองหน้าเจียวลู่แล้วเอ่ยเบา ๆ "แต่นางเป็นบุตรสาวท่านเสนาบดี จะทำสิ่งใดก็ต้องไว้หน้าบิดาของนางด้วย"
เจียวลู่มองจื่อรั่วอิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สตรีนางนี้คิดมาแย่งพี่ใหญ่ของนางไปช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก ปากยังเอ่ยยุยงด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ท่านป้าเป็นถึงไท่เฟย อำนาจล้นฟ้าแม้แต่ฝ่าบาทยังเกรงพระทัย จะหวาดกลัวเพียงเสนาบดีตัวเล็ก ๆ ได้อย่างไร อีกอย่างท่านป้าสั่งสอนคนไม่รู้ความ เหมือนผู้ใหญ่เมตตาเด็กมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดจะทำไม่ได้กัน"
จื่อรั่วอิงไม่ได้ยินว่าสตรีนางนั้นเอ่ยคำใดกับลี่ไท่เฟย ท่าทางของลี่ไท่เฟยจึงเปลี่ยนไปเป็นขึงขังขึ้นมา กระทั่งลี่ไท่เฟยพยักหน้าคล้ายตกลง สตรีนางนั้นมองจื่อรั่วอิงทั้งส่งยิ้มเยาะหยันเย็นชา ลี่ไท่เฟยกระแอมแล้วเอ่ยว่า
"นามของเจ้าคือจื่อรั่วอิงหรือเป็นถึงบุตรสาวของเสนาบดีกรมโยธากลับไร้กิริยาผู้ดี มิหนำซ้ำยังปากกล้ายิ่งนัก ข้าไม่อาจสั่งตัดหัวเจ้าได้แต่ข้าสั่งลงโทษเจ้าที่เอ่ยวาจาล่วงเกินบุตรชายข้าได้ ยังมีโทษหลอกลวงข้าผู้เป็นถึงไท่เฟยเช่นนี้ก็คงเพียงพอแล้วที่จะสั่งสอนเจ้ากระมัง"
จื่อรั่วอิงเบิกตากว้างปากร้องให้คนพวกนั้นปล่อยตนเอง เมื่อถูกคนของลี่ไท่เฟยจับแขนทั้งสองข้างเอาไว้แน่น นางไม่คิดมาก่อนว่าลี่ไท่เฟยที่ผู้คนร่ำลือว่านางเป็นสตรีใจงาม ชอบเข้าวัดฟังธรรมและอ่อนโยนยิ่งผู้นี้จะไม่เหมือนข่าวลือเลยแม้แต่น้อย
จื่อรั่วอิงมองไปที่สตรีนางนั้น เห็นได้ชัดว่าคงเป็นยัยหน้าขาวนี่ที่ยุยงให้ลี่ไท่เฟยลงโทษ
"ไท่เฟยเพคะ ได้โปรดทรงเห็นใจหม่อมฉันเถิด"
"พานางออกไป"
จื่อรั่วอิงถูกคนของลี่ไท่เฟยลากออกไปด้านนอกแล้ว ยังคำนวณเวลาในใจเรื่องน่าจะถึงหูของพี่สาวแล้ว ทำไมกุ้ยเฟยยังไม่เสด็จมา สองแขนสองขาถูกจับกางออกองครักษ์ผู้นั้นยังจับนางกดลงบนพื้นก่อนที่ไม้จะฟาดลงมาบนแผ่นหลังบอบบาง น้ำเสียงดุดันเย็นเยียบของคนผู้หนึ่งก็เอ่ยขึ้น
"ปล่อยนางเสีย"