บทที่ 9 เหรียญทองสำหรับคนกล้าหาญ
สิ้นเสียงนั้นทุกสิ่งพลันหยุดนิ่ง ไม้ไม่ได้ตีเข้าที่แผ่นหลังของนาง จื่อรั่วอิงจึงพลิกกายรีบลุกขึ้น สองมือเล็กผลักคนที่จับแขนจับขานางเอาไว้ ทั้งคิดในใจว่า ในที่สุดพระเอกก็โผล่มาได้จังหวะเสียที ไม่ผิดกับที่วางเอาไว้
เมื่อนางเงยหน้ามองคนผู้นั้นในใจหวังให้เป็นหนุ่มหล่อรูปงาม ทว่าความเป็นจริงกลับทำให้นางขนลุกเมื่อพบผู้ชายหนวดเฟิ้มใบหน้าเย็นชาคนนั้นยืนกดดันผู้คนจนชวนหวาดผวา
ให้ตายเถอะ น่ากลัวกว่าตอนนางเข้าไปเล่นในบ้านผีสิงเสียอีก
ถึงหน้าตาไม่ตรงสเปกที่วางไว้ แต่ได้ตัดสินใจแล้วอย่างไรก็ไม่อาจถอยหลังได้ นางไม่ได้มองหาคนหล่อแต่นางมองหาอิสระไม่ใช่หรือ จื่อรั่วอิงเปล่งเสียงหวานอ่อนแอที่ฟังแล้วดูน่าสงสารที่สุดออกมา
"ท่านอ๋องในที่สุดท่านก็มาช่วยข้าแล้ว สามีท่านยอมรับข้าแล้วใช่หรือไม่"
จื่อรั่วอิงมองสบตาเขาทว่าพบเพียงความว่างเปล่า จื่อรั่วอิงคิดได้นางลืมไปได้อย่างไรว่าเขาตาบอดและถูกปิดตาอยู่เช่นนั้น นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกขึ้นผวาเข้าไปหาเขา ด้วยความรีบร้อนนางจึงเหยียบกระโปรงตนเองจนเสียหลักล้มลงไป สองแขนของนางกางออกก่อนที่จะทับร่างของคนผู้นั้น
จื่อรั่วอิงหลับตาพริ้ม หากอยู่ในนิยายลี่หมิงอ๋องต้องรับร่างนางเอาไว้ คนสองคนสบตากันหัวใจเต้นระรัว ให้ตายเถอะ นางลืมอีกแล้วว่าเขาตาบอด
ทว่าเรื่องไม่เป็นดั่งที่คิดเมื่อลี่หมิงอ๋องว่องไวยิ่งนัก เขาขยับหลบเพียงเล็กน้อยร่างของจื่อรั่วอิงก็ล้มโครมหน้ากระแทกพื้นทันใด
"กรี๊ด อ๊าย ๆ ๆ เลือด ฟันข้า ฟันข้าหักแล้วใช่หรือไม่"
นางเงยหน้ามองลี่หมิงอ๋องยกมือจับฟันตนเองได้กลิ่นเค็มของเลือดในปากก่อนถ่มถุยเลือดออกมาแล้ว คิดในใจว่า คนสมัยนี้ช่างแล้งน้ำใจเสียจริง คราวนี้นางไม่ต้องเค้นน้ำตาแล้วเพราะมันไหลออกมาจริง ๆ ด้วยเจ็บปาก
ลี่ไท่เฟยและเจียวลู่มองกิริยาหยาบช้าของนางพร้อมกับทำท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์ กระทั่งน้ำลายสตรีนางนั้นยังกล้าถ่มต่อหน้าผู้คน ไร้ซึ่งกิริยามารยาทของชนชั้นสูงอย่างสิ้นเชิง
"ท่านอ๋อง ใจดำยิ่งกว่าอีกา ไม่รักข้าแล้วหรือเพคะ วันนั้นยังลูบคลำข้าไม่หยุด ที่เขาบอกสามวันจากแล้วเป็นอื่น ท่านก็เป็นแบบนี้ใช่หรือไม่"
จื่อรั่วอิงร้องไห้โวยวายเสียงดังลั่นจวนบ่าวไพร่ล้วนออกมาดูนี่เป็นครั้งแรกกระมังตั้งแต่สร้างจวนนี้ขึ้นมาที่เกิดเรื่องวุ่นวายภายในจวนอันเงียบสงบเพราะสตรีเพียงคนเดียวได้เพียงนี้
ลี่หมิงอ๋องอดทนไม่ไหวแล้วในที่สุดก็ตวาดเสียงเย็น
"หุบปาก"
แน่นอนว่าจื่อรั่วอิงมิใช่สตรีปกติ นางตอบโต้ทันใด
"จะหุบปากได้อย่างไร เจ็บจะตายอยู่แล้ว หากท่านรับข้าก็ไม่เกิดเรื่องแบบนี้ เป็นผู้ชายภาษาอะไรกันถึงได้แล้งน้ำใจแบบนี้"
กล่าวจบนางก็ขยับเข้าไปกอดขาของเขาทั้ง ๆ ที่ยังกองอยู่บนพื้น แน่นอนว่านางไร้กำลังจะลุกขึ้นแล้ว
"ท่านอ๋อง ท่านกับข้ามาตกลงกันเถิดเพคะ ไล่คนพวกนี้ออกไป คนนอกทั้งนั้นเลยเราสองสามีภรรยามาคุยกันให้รู้เรื่อง คนจวนอ๋องนี่ประหลาดชอบยุ่งเรื่องผัวเมียเสียจริง"
ทุกคนล้วนตกตะลึงกับคำพูดไร้ยางอายของนาง กระทั่งลี่ไท่เฟยยังลืมสงวนท่าทางอ้าปากค้างจนแมลงวันบินเข้าไปได้นับสิบตัว ยังไม่รวมถึงแม่นางหน้าขาวผู้นั้นที่บัดนี้ใบหน้าซีดเผือดยิ่งกว่ากระดาษ เอาล่ะ สะใจจื่อรั่วอิงยิ่งนัก
"เหลวไหล!"
ปกติลี่หมิงอ๋องไม่เคยกล่าวต่อล้อต่อเถียงกับผู้ใด ถ้อยคำในสมองของเขาจึงมีน้อยนัก เขาเป็นประเภทลงมือไม่ออกปาก จะให้แก้ต่างให้ตนเองได้อย่างไรกัน
จื่อรั่วอิงมองเขาน้ำตาคลอเพราะยังเจ็บปากที่ถูกกระแทกไม่หาย นางเบียดร่างเข้ากับขาของเขากอดเอาไว้แน่น
"เหลวไหลอะไร เรื่องจริงทั้งนั้นมีเพียงสามีภรรยาถึงบีบจับถึงเนื้อถึงตัวเช่นนั้นได้ไม่ใช่หรือเพคะ"
ว่าแล้วนางก็เบียดหน้าอกเข้าไปที่ขาของเขา ครานี้ลี่หมิงอ๋องถึงกับร่างแข็งค้างเมื่อถูกหัวเด็กสองหัวถูไถอยู่ตรงหน้าขา เขารับรู้ความรู้สึกอ่อนนุ่มที่ไม่คุ้นเคยได้เป็นอย่างดี เพราะสิ่งนี้จึงทำให้เขาตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ลี่ไท่เฟยเห็นท่าทางบุตรชายที่แปลกประหลาดไปเช่นนี้ก็รู้สึกใจคอไม่ดี จื่อรั่วอิงกอดขาบุตรชายของนาง นอกจากไม่ขยับหนีแล้วลี่หมิงยังแน่นิ่งกลายเป็นหิน เหมือนกับยอมรับคำของจื่อรั่วอิงกลาย ๆ
เพราะท่าทางผิดแผกของท่านอ๋อง ทำให้บ่าวที่อยู่ในจวนเริ่มคิดคำนวณฐานะของจื่อรั่วอิงใหม่อีกครั้ง ลี่ไท่เฟยทนไม่ไหวแล้วนางเอ่ยเสียงเย็น
"ลูกแม่ ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเจ้าสองคน"
ลี่หมิงได้สติเมื่อได้ยินเสียงมารดา เขาคิดขยับขาหนีแต่จื่อรั่วอิงบัดนี้นอกจากจะใช้สองแขนกอดขาเขาแน่น นางยังใช้สองขาโอบรอบขาของเขาทำตัวเป็นปลิงที่น่ารังเกียจเกาะติดไม่ปล่อยเช่นกัน
ไม่มีผู้ใดกล้าดึงนางออก หากท่านอ๋องไม่เอ่ยปาก
"ท่านแม่ เรื่องของนางปล่อยให้ข้าจัดการเถิด ท่านแม่อย่าได้ลำบากเลยขอรับ"
ลี่ไท่เฟยขมวดคิ้ว คิดจะสอดปากอีกสักคำลี่หมิงอ๋องจึงเอ่ยตัดบท
"ข้าจะสังหารนางเอง มือของท่านแม่จะได้ไม่แปดเปื้อนเลือดสุนัขของนางผู้นี้"
เฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา
จื่อรั่วอิงมือไม้อ่อนลงทันใด ตาลุงนี่เหมือนจะเข้าข้างนางแล้วไม่ใช่หรือ ไฉนจึงยังคิดฆ่านางอีก
เอ๊ะ เลือดสุนัข นี่เขาด่าว่านางเป็นหมาหรือ ให้ตายเถอะ ตาลุงหนวดผู้นี้ปากดีไม่ใช่น้อย
ในขณะที่นางกำลังคิดหาคำตอบโต้ เสียงขานชื่อคนผู้หนึ่งก็ทำให้คนในจวนอ๋องสงบนิ่งลงทันใด
"ฝ่าบาทเสด็จ จื่อกุ้ยเฟยเสด็จ"
อ๊ะ ในที่สุดก็มาแล้ว ถึงจะช้าไปหน่อยก็เถอะ
จื่อรั่วอิงหัวเราะในใจรู้สึกเหมือนมีพลุจุดฉลองความสำเร็จดังปุงปังในหัว นางยิ้มออกมาอย่างไม่อาจข่มกลั้นความรู้สึกดีใจ
สองมือที่คลายออกเมื่อสักครู่ขยับไปกอดขาของลุงอ๋องไว้ดังเดิม เอาล่ะ ปรับสีหน้าให้ทุกข์ทรมานอีกหน่อย น้ำตาไม่ต้องบีบแล้วเพราะนางยังเจ็บปากและร้องไห้จริง ๆ เลือดเล่า ยังมีเลือดหมูโทรมกาย ปากยังแตก สภาพเช่นนี้แน่นอนว่าพี่สาวของนางย่อมทนไม่ได้ เตรียมขึ้นเหยียบบัลลังก์รับเหรียญทองได้เลย อย่างไรนางก็คือผู้ชนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า