บทที่ 6 นักล่าผู้ชาย
สามวันต่อมา
ในขณะที่จื่อรั่วอิงยังคงถูกขังอยู่แต่ภายในเรือน ของหมั้นจากจวนราชครูถังก็ถูกส่งมาถึงดูเหมือนว่าบิดาของนางจะยินดียิ่ง เรื่องที่นางถูกลวนลามก็ถูกปิดราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น แน่นอนว่าย่อมไม่มีผู้ใดล่วงรู้
มารดาของจื่อรั่วอิงเปิดประตูเข้ามาด้วยน้ำตานองใบหน้านั่นคงเป็นเพราะว่ากำลังปลาบปลื้มกับวาสนาจอมปลอมของจื่อรั่วอิงเป็นแน่
แน่ล่ะในเมื่อมารดาของนางเป็นเพียงผู้ช่วยหมอในหมู่บ้านเล็ก ๆ นับเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่บิดาต้องตาต้องใจในตอนที่เขาไปคุมงานสร้างเขื่อนนอกเมืองหลวงจึงได้รับนางมาเป็นอนุคนที่สี่ซึ่งนับเป็นอนุคนสุดท้ายของจวน
บิดาของนางก็ล้วนให้ความเป็นธรรมกับบรรดาภรรยาทั้งสี่คนพวกเขาแม้จะไม่ถึงขนาดรักใคร่ปรองดองแต่ก็ไม่เคยอยู่ที่จวนนี้อย่างยากลำบากเหมือนสตรีจวนอื่น
มารดาของจื่อรั่วอิงก็เป็นเพียงสตรีโบราณการที่เห็นนางแต่งงานเป็นเมียน้อยคนมีฐานะมีหน้ามีตาในเมืองก็ย่อมต้องเห็นดีเห็นงามแทบอยากจะจัดงานแต่งวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำ และที่สำคัญคนที่ตามมารดามาก็คือฮูหยินผู้เฒ่าหรือท่านย่าของจื่อรั่วอิงนั่นเอง
เรื่องที่จื่อรั่วอิงถูกลวนลามนั้นทั้งมารดาและท่านย่าต่างก็รู้ดี แต่ทั้งสองคนกลับปิดปากเงียบราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ต่างจากท่านพ่อเลยแม้แต่น้อย จื่อรั่วอิงทำความเคารพคนทั้งสองด้วยใบหน้าบูดบึ้งเอาแต่ใจ สายตาของนางสำรวจท่านย่าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วย้อนมาที่ศีรษะอีกครั้ง
"ท่านย่าเจ้าคะ อาการปวดคอของท่านยังไม่หายดีไม่ใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดจึงได้ประโคมเครื่องทองทั้งปิ่นหยกเต็มศีรษะเช่นนั้น ไม่หนักแย่หรือเจ้าคะ"
บ่าวรับใช้ของฮูหยินใหญ่ประคองผู้ชราไปนั่งบนตั่งไม้ตัวหนึ่งขณะที่ท่านย่าของจื่อรั่วอิงหัวเราะลั่นอย่างมีความสุข ยามนั้นนั่นเองที่ท่านแม่ของจื่อรั่วอิงเอื้อมมือมาหยิกแขนนางเบา ๆ
"อิงเอ๋อร์อย่าเสียมารยาท รีบขอโทษท่านย่าเดี๋ยวนี้"
จื่อรั่วอิงเบ้ปากทั้งแสร้งโวยวาย
"ท่านแม่ข้าเจ็บนะเจ้าคะ ที่ข้าพูดเพราะห่วงสุขภาพคอของท่านย่าไม่รู้เหรอ คนแก่อายุก็เจ็บสิบแล้วใส่เครื่องหัวแน่นขนาดนั้นกระดูกคอไม่เสื่อมก็ให้มันรู้ไป"
"นี่เจ้ายังไม่หยุดอีก"
ฮูหยินผู้เฒ่าวันนี้กำลังอารมณ์ดียิ่งนัก ด้วยสินสอดที่ส่งมานั้นมีนับไม่ถ้วน เดิมทีคิดมาต่อว่าจื่อรั่วอิงเรื่องที่ทำตัวตกต่ำถึงขั้นคิดคว้าคนตาบอดมาเป็นสามี ทว่าเมื่อเห็นเงินทองมากมายจึงอารมณ์ดีและยอมปล่อยผ่านไปสักครั้ง
หลานสาวคนนี้แม้จะรูปโฉมงดงามไม่เป็นรองจื่อกุ้ยเฟย ทว่ากลับถูกกิริยาหยาบช้าปกปิดความงามเอาไว้จนมิด ถ้าหากจะโทษก็ต้องโทษที่ลูกชายของเขาดันไปคว้าสตรีชาวบ้านมาเป็นภรรยา จึงได้คลอดบุตรสาวที่ไม่อาจขัดเกลาได้คนนี้ออกมา
แต่วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นแก่สินสอดที่ซื่อจื่อแห่งจวนถังอ๋องนำมามอบให้ด้วยตนเอง ทำให้ฮูหยินชรามองหลานสาวคนนี้ว่าน่าเอ็นดูขึ้นมาเล็กน้อย
"พอเถิดวันนี้จะละเว้นโทษให้นางสักวัน สินสอดก็ส่งมาแล้วแม้เจ้าจะแต่งเข้าไปจวนอ๋องมีฐานะเป็นเพียงอนุ แต่ก็เป็นอนุของซื่อจื่อ ถังป๋อคนนี้ดีนักใบหน้าหล่อเหลา เขาคงถูกตาต้องใจเจ้าจึงได้ทุ่มเทมากมายเช่นนี้ เดิมทีข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะมีโชควาสนาอันใดกับเขาแต่ครานี้โชคมาถึงที่แล้ว วันนี้มาบอกเจ้าให้เตรียมตัว เรื่องแต่งงานข้าจะเร่งให้เร็วที่สุด หาไม่หากฝ่ายนั้นเปลี่ยนใจขึ้นมาเราเป็นฝ่ายหญิงจะเสียหายเอาได้"
จื่อรั่วอิงหน้าตึงอย่างไม่พอใจทันที
"ท่านย่าเจ้าคะ ข้าอยากแต่งเข้าจวนลี่หมิงอ๋องท่านกลับไม่อนุญาต แต่กลับยินดีที่ข้าจะแต่งเข้าจวนซื่อจื่อที่มีอนุอยู่ก่อนมากมาย ยังคิดถึงเรื่องกลัวเสียชื่อเสียงทั้ง ๆ ที่ข้าบอกว่าถูกลี่หมิงอ๋องลวนลามพวกท่านกลับไม่เอ่ยถึง การกระทำกับคำพูดของพวกท่านช่างย้อนแย้งกันเป็นอย่างยิ่ง ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ เลย"
"หุบปากเสีย อย่าเสียงดังโวยวายจนคนอื่นได้ยิน ข้าบอกแล้วว่าเรื่องที่เจ้าพูดไม่เคยเกิดขึ้น เป็นเพียงเรื่องเพ้อเจ้อของเจ้าเพียงลำพัง หากยังพูดอีกข้าจะให้ท่านพ่อของเจ้าขังเจ้าจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน โชคดีที่วันนี้ข้าอารมณ์ดียิ่งจึงไม่อยากให้วันดี ๆ ของข้าต้องมาเสียเพราะเจ้า หยุดทำตัวเหลวไหลแล้วเตรียมตัวแต่งงานให้ซื่อจื่อสกุลถัง อย่าได้คิดแต่งกับผู้ใดอีก"
"ท่านย่า ข้าไม่แต่งกับซื่อจื่อนั่น ข้าจะแต่งกับลี่หมิงอ๋อง ท่านคืนสินสอดเขาไปเถิดคนผู้นี้จะร่ำรวยกว่าลี่หมิงอ๋องได้อย่างไร ท่านย่าข้าจะหาสินสอดมาให้ท่านมากกว่านี้อีกข้ารับรอง ท่านชอบเงินชอบทองไม่ใช่หรือ ข้าสัญญาถ้าท่านเชื่อข้า ข้าจะหามาให้ท่านเป็นสองเท่ามากกว่าที่ได้รับวันนี้เลย"
สิ่งที่ได้รับคืออาการเจ็บแปลบที่ลำแขนของตน ด้วยบัดนี้นางถูกมือเหี่ยว ๆ ของท่านย่าบิดอย่างแรง
"เจ้าหลานคนนี้หมายความว่าอย่างไร เจ้าเห็นข้าเป็นสตรีเห็นแก่เงินหรือ ด้วยฐานะลูกอนุอย่างเจ้ายังหวังให้ผู้ใดส่งสินสอดจำนวนมากเช่นนี้มาให้อีก จะให้ข้าเอาไปคืนหรือฝันไปเถิด นับจากนี้ข้าจะให้คนมาสั่งสอนเจ้าให้ดี สตรีออกเรือนต้องทำเช่นใด คงหวังพึ่งแม่เจ้าให้สั่งสอนไม่ได้ หากยังมีนิสัยเช่นนี้แต่งเข้าจวนคนอื่นคงได้ถูกแม่สามีรังเกียจเอาเป็นแน่ อย่างไรเจ้าก็ต้องคิดหน้าตาสกุลจื่อของข้าด้วย"
ท่านย่าโมโหจนควันออกหู ไม่คิดว่าหลานสาวปากร้ายผู้นี้จะกล้าว่านางเห็นแก่เงินเช่นนี้ ทั้งหมดนี่ต้องโทษเลือดไพร่ของอนุหลินผู้เป็นมารดา
อนุหลินได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าเอ่ยคำใด ทุกครั้งที่บุตรสาวต่อล้อต่อเถียงกับฮูหยินผู้เฒ่านางก็มักจะยืนดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยรู้ดีว่าหากยื่นมือเข้าไปยุ่งก็ยิ่งทำให้เรื่องราวบานปลาย
ถึงแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ค่อยชอบจื่อรั่วอิงที่ซุกซนเกินไปแต่ การลงโทษที่บุตรสาวได้รับ นอกจากคุกเข่า ถูกบิดแขน แล้วก็มีเพียงกักบริเวณเท่านั้น ซึ่งหากจะเปรียบเทียบกับเรื่องที่จื่อรั่วอิงก่อเอาไว้ก็นับเป็นการลงโทษสถานเบานัก
"คุกเข่าลง ฟังคำของข้าให้ดี"
ท่านย่ากล่าวจบก็เริ่มต้นสั่งสอนหลานสาวตัวดีให้ได้รู้สำนึก คนแก่เอ่ยแต่ละคำเชื่องช้าและยืดยาด แรก ๆ จื่อรั่วอิงก็ผงกศีรษะฟังอยู่บ้าง แต่ประโยคหลัง ๆ ก็เริ่มไม่เข้าหู เวลาผ่านไปไม่นานจื่อรั่วอิงก็เริ่มหาว
เมื่อเห็นหลานสาวตั้งใจฟังคำอย่างดี ท่านย่าผู้มีความรู้อันมากมายก็เริ่มพรั่งพรูคำสอนออกมาไม่หยุด หลังจากสั่งสอนจื่อรั่วอิงชุดใหญ่ผู้ชราก็พักเหนื่อยจิบน้ำชาไปหลายอึกเนื่องจากคอแห้ง ท่านยาวางถ้วยน้ำชาลงแล้วเอ่ยต่อ
"จื่อรั่วอิง คำของย่าที่พูดไปเมื่อสักครู่เข้าใจหรือไม่"
เงียบ...
มารดาของจื่อรั่วอิงกระแอมเล็กน้อยแล้วเอ่ยเรียกเบา ๆ
"อิงเอ๋อร์ ท่านย่ากำลังถามเจ้า"
คร่อก...ฟี้....
เมื่อเสียงกรนเบา ๆ ดังขึ้น สตรีชราถึงกับโกรธจนหน้าสั่น
"จื่อรั่วอิง!"
คราวนี้ฮูหยินชราถึงกับแผดเสียงจนจื่อรั่วอิงสะดุ้งตื่น นางหันไปรอบ ๆ พร้อมกับยกหลังมือปาดน้ำลายที่เกือบจะหยดลงมาทั้งอ้าปากหาวจนน้ำตาคลอเบ้า
"ท่านย่า ท่านเรียกข้าทำไมเจ้าคะ"
จื่อรั่วอิงมองท่านย่าอย่างงุนงง แน่นอนว่าท่านย่าของนางบัดนี้รู้ได้ว่า หลานสาวคนนี้ไร้หนทางเยียวยาแล้วกระทั่งคุกเข่าอยู่เช่นนี้ยังนอนหลับได้อย่างน่าอัศจรรย์ ท่านย่าส่ายหน้าไปมาทั้งลุกขึ้นด้วยความรู้สึกหมดหวังในตัวหลานสาวผู้นี้
"ช่างเถิด สตรีที่แต่งออกไปแล้วก็เหมือนกับน้ำที่สาดออก ต่อไปเรื่องของเจ้าหลังแต่งงานจะไม่เกี่ยวข้องกับจวนเสนาบดีอีกเฮ้ย เหนื่อยใจเหลือเกิน"
กล่าวจบท่านย่าก็ถูกท่านแม่ของนางและบ่าวรับใช้คนนั้นพยุงออกจากเรือนช้า ๆ ไปโดยไม่หันมามองนางอีก
จื่อรั่วอิงยังมึนงงแคะขี้ตาที่ดูเหมือนว่าจะติดที่หางตาเล็กน้อยแล้วปัดมือทำท่าจะลุกขึ้น ทว่าเสียงเย็นเยียบจากผู้ชราที่หันหลังให้นางกลับดังขึ้น
"ผู้ใดให้เจ้าลุกขึ้น คุกเข่าเช่นนั้นจนกว่าจะพ้นยามซวีวันนี้[1] พวกเจ้าไปนับสินสอดให้ดีแล้วเอาไปเก็บที่เรือนข้างของข้า อย่าให้นังเด็กตัวดีเอาสินสอดไปคืนจวนถังอ๋องได้เป็นอันขาด"
ท่านย่ารู้ทันนิสัยหลายสาว ก่อนจากไปแล้วทิ้งน้ำเสียงอำมหิตเอาไว้ให้คนกลัว
จื่อรั่วอิงชะเง้อคอมองท่านย่ากระทั่งไม่เห็นแผ่นหลังของผู้ชราแล้วจึงได้ปัดมือแล้วลุกขึ้น
"หึ จะให้ข้านั่งทั้งวันทั้งคืนเลยหรือไร ผู้ใดเชื่อฟังก็โง่แล้ว แค่เผลอหลับไปแป๊บเดียวเองทำไมท่านย่าต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยนะ ไร้สาระจริง ๆ สินสอดไม่คืนก็ไม่คืนสิ ข้าต้องหาวิธีจนได้แน่ ๆ"
ในขณะที่ครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
"คุณหนูขอรับ"
จื่อรั่วอิงมองไปตามเสียง เห็นว่าเป็นเจ้าอ้วนเป่าที่อยู่ในชุดบ่าวรับใช้เช่นเดิมแล้วจึงยิ้มด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่ง เจ้าอ้วนเป่ามาได้จังหวะเหมือนนัดเอาไว้
"เจ้าไม่เป็นพระแล้วหรือจึงมาอยู่ที่นี่ได้"
"ขอรับ ข้าน้อยสึกออกมารับใช้คุณหนูแล้ว หลังจากวันนั้นที่เกิดเรื่องพระพวกนั้นก็ไม่ไว้ใจบ่าวอีกขอรับ"
"อ้วนเป่าเจ้ารีบเข้ามาแล้วปิดประตูเร็วเข้า เราต้องระดมสมองคิดหาวิธีโดยด่วน"
หนึ่งชั่วยามต่อมา รายชื่อบุรุษหนุ่มในแคว้นที่ก่อนหน้านี้จื่อรั่วอิงให้อ้วนเป่าทำรายชื่อเอาไว้ก็ถูกกางออกมาอีกครั้ง หลังจากที่ถูกครอบครัวกีดกันอย่างหนักนางจึงคิดถอดใจจากอ๋องตาบอดผู้เย็นชาโหดเหี้ยมยังเข้าถึงยากผู้นั้นแล้ว
จื่อรั่วอิงค่อย ๆ ขีดรายชื่อออกทีละคนกระทั่งรายชื่อคนสุดท้ายที่อยู่ในมือ น้ำตานางก็ไหลพรากคนทั้งเมืองที่พอจะพึ่งพาได้มีแค่คนพิการสองคนนี้เท่านั้น นี่มันวาสนาชะตาหงส์อะไรกันโกหกสิ้นดี
"คนที่ข้าต้องการ ต้องร่ำรวยและมีความสามารถหยุดการแต่งงานของข้ากับถังซื่อจื่อได้ อีกทั้งต้องไร้ภรรยาและบุตรกวนใจในเมืองนี้นอกจากจวิ้นอ๋องที่ป่วยติดเตียงแล้วก็มีเพียงลี่หมิงอ๋องที่ตาบอด เจ้าอ้วนหรือว่าข้าจะเลือกคนป่วยติดเตียงที่ถูกเมียทิ้งผู้นั้นดี"
"จวิ้นอ๋องผู้นี้ป่วยหนัก ยังถูกพระชายา รวมทั้งอนุทอดทิ้งเพราะได้ข่าวว่าพวกนางทนเวลาที่ท่านอ๋องถ่ายหนักไม่ไหว พวกนางเป็นภรรยาแท้ ๆ ยังทนไม่ได้ คุณหนูของบ่าวเองก็ไม่เคยปรนนิบัติผู้ใดจะทนได้หรือขอรับ สภาพของคนผู้นั้นย่ำแย่กว่าลี่หมิงอ๋องยิ่งนัก ที่ตอนแรกคุณหนูไม่เลือกเขาเพราะเหตุนี้ไม่ใช่หรือขอรับ"
"ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้วอ๋องตาบอดนั่นเข้าถึงยากมาก ครอบครัวข้าก็ไม่เห็นด้วยแต่ก่อนข้าไม่คิดว่าแผนของเราจะล้มเหลวไม่เป็นท่าเช่นนี้ ข้าคิดดีแล้วเปลี่ยนแผนเลือกคนป่วยติดเตียงยังจะดีกว่า จวิ้นอ๋องป่วยเช่นนั้นโอกาสตายมีสูง เจ้าคิดดูสิหากข้าเป็นภรรยาจวิ้นอ๋องถ้าเขาตายเร็วข้าจะมีความสุขเพียงใด อ้วนเป่าสิ่งสำคัญในตอนนี้คือข้าต้องหาทางใกล้ชิดและขอจวิ้นอ๋องแต่งงานให้ได้ เจ้าบอกข้าเองว่าจวิ้นอ๋องเป็นคนดีมีน้ำใจกว้างขวาง ชอบช่วยเหลือผู้คนไม่ใช่หรือ เขาต้องฟังคำข้าเป็นแน่"
เจ้าอ้วนเป่าได้ยินดังนั้นก็ชื่นชมคุณหนูของตนเป็นอย่างยิ่ง
"แผนการของคุณหนูช่างล้ำลึกโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนักไม่รู้คิดได้อย่างไรว่าจะเอาคนพิการมาเป็นโล่กำบังยังแช่งให้เขาตายไวตั้งแต่ยังไม่พบหน้า สุดยอดขอรับบ่าวขอยกนิ้วให้แต่คุณหนู แต่คุณหนูขอรับบ่าวไม่เข้าใจบางเรื่อง ไหนคุณหนูบอกว่าตกหลุมรักลี่หมิงอ๋องแล้วไม่ใช่หรือขอรับ เมื่อรักลี่หมิงอ๋องไปแล้วจะแต่งกับคนอื่นได้อย่างไร"
จื่อรั่วอิงที่ยืดอกรับคำชมของอ้วนเป่าด้วยความสุขบัดนี้ส่ายหน้าไปมาให้กับความไร้เดียงสาของเจ้าอ้วนเป่า
"เจ้าจะบ้าหรือ ข้าก็พูดไปเช่นนั้น จะรักได้อย่างไรเขาน่ากลัวเพียงนั้น ไม่ใช่หนุ่มหล่อในฝันเลยสักนิดหนวดเคราเฟิ้มเหมือนโจรราคะแบบนั้นใครจะรักลง ก็แค่พูดขำ ๆ ให้คนคิดจริงจังก็เท่านั้นเผื่อพวกเขาจะเห็นใจข้าบ้าง"
"อ้อ คุณหนูยอดเยี่ยมอีกแล้ว แต่คุณหนูขอรับท่านอ๋องล่วงเกินคุณหนูเพียงนั้นแล้วนะขอรับ จะแต่งได้อย่างไร"
เจ้าอ้วนเป่าไม่พูดเปล่า เขายังยกมือจับหน้าอกตัวเองเลียนแบบท่าทางของลี่หมิงอ๋องในวันนั้น จื่อรั่วอิงเองคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วถึงกับหน้าแดง นางส่ายหน้าสลัดความรู้สึกประหลาดออกไปแล้วเอ่ยว่า
"จับแล้วอย่างไร เอาไปไม่ได้สักหน่อย ข้าจะคิดเป็นกุศลถือว่าทำทานให้หมามันกินก็ได้ ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้าไปสืบความมาทำอย่างไรถึงจะเข้าจวนจวิ้นอ๋องได้"
"คุณหนูตัดสินใจแน่แล้วหรือขอรับ"
"ใช่ เจ้ารีบไปเถิดกำหนดวันแต่งงานของข้าจะมีขึ้นในอีกไม่ช้า เราไม่มีเวลามาก"
อ้วนเป่ารับคำ รีบวิ่งออกไปจากเรือนของจื่อรั่วอิงตามคำสั่ง จื่อรั่วอิงเดินวนไปวนมาในเรือนของตนไม่อาจออกไปที่ใดได้เพราะว่าถูกกักบริเวณ กระทั่งหลายชั่วยามต่อมาเจ้าอ้วนเป่าก็วิ่งกลับเข้ามาด้วยเหงื่อที่โทรมกาย
"สำเร็จแล้วหรือ ทำไมไวยิ่งนัก"
อ้วนเป่าส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า "ข่าวร้ายขอรับจวิ้นอ๋องสิ้นใจไปเสียแล้วที่จวนกำลังวุ่นวายขอรับ ได้ข่าวว่าฮ่องเต้เพิ่งเสด็จมาด้วยตนเอง"
จื่อรั่วอิงดวงตาเบิกค้าง "อะไรนะ เจ้าว่าเขาตายแล้วหรือ"
"ขอรับ ข่าวว่าจวิ้นอ๋องอาการป่วยหนักมาหลายวันแล้วขอรับ"
จื่อรั่วอิงรู้สึกหมดแรงได้แต่ก่นด่าสวรรค์ออกมา
"นี่จวิ้นอ๋องหวาดกลัวข้าจนกระทั่งชิงตายไปเสียแล้วหรือ ทำไมสวรรค์ใจร้ายกับข้าเช่นนี้ ท่านเทพท่านได้ยินข้าหรือไม่ ท่านกำลังบีบให้ข้าให้จมมุมใช่หรือไม่"
อ้วนเป่าหอบหายใจแรงทั้งเอ่ยถาม
"แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อขอรับ"
จื่อรั่วอิงนั่งลงเอามือเท้าคางบนโต๊ะ เคาะนิ้วเรียวอย่างใช้ความคิด นางนิ่งไปสักครู่ก่อนจะเอ่ยว่า
"ไม่มีทางเลือกแล้ว พรุ่งนี้เจ้ากับข้าจะบุกจวนลี่หมิงอ๋อง ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วข้าจะถือว่าเป็นเพราะสวรรค์ลิขิต ข้าจะไม่มีทางให้พลาดอีกเป็นครั้งที่สอง ลี่หมิงอ๋องในเมื่อเจ้าหลบเก่งนักข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่านักล่าตัวจริงเป็นเช่นใด"
เชิงอรรถ
1. ^ ยามซวี ประมาณ 3 ทุ่ม