บท
ตั้งค่า

เด็กน้อย 2

ใช้เวลาเดินโดยที่เหงื่อยังไม่ทันซึมหลัง หานฉงหรงและบุรุษปริศนาท่าทางงามสง่าก็เดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองจี๋หลิน โดยมีขันทีนามหลี่ฉางเดินนำทั้งสองขึ้นไปยังห้องพักชั้นสองที่อยู่ปีกขวาด้านในสุดซึ่งกล่าวกันว่าเป็นห้องที่หรูหราและมีความเป็นส่วนตัวเป็นที่สุด ซึ่งก็จริงดังคำกล่าว เมื่อหานฉงหรงอุ้มเด็กน้อยเข้ามาในห้องก็รู้สึกว่าห้องห้องนี้ตัดขาดกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงราวกับอยู่กันคนละมิติ

ฉงหรงอุ้มเด็กน้อยไปยังเตียงนอนที่อยู่ด้านในสุดที่มีเพียงแค่ม่านมุกกางกั้น เด็กชายที่ถูกนางอุ้มรู้สึกอุ่นกายสบายใจราวกับอยู่ในอ้อมอกมารดา หลับตาพริ้มพลางดูดนิ้วอย่างไร้เดียงสา ทำเอาหญิงสาวใจละลาย ทว่าเมื่อเห็นชายหนุ่มจ้องเขม็งมายังที่นาง จึงจำใจต้องวางร่างเล็กลงกับเตียงนอนทั้งๆ ที่ในใจยังรู้สึกอาวรณ์

เด็กคนนี้น่ารักจริงๆ ไฉนผู้เลี้ยงดูจึงมิได้เศษเสี้ยวความน่ารักนี้มาบ้างเลยเล่า

หานฉงหรงถอนใจอย่างนึกเห็นใจหนุ่มน้อยที่หลับปุ๋ยไปเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะเดินกลับออกไป ทว่าก็ติดกำแพงเลือดเนื้อที่ยังยืนตัวตรงประหนึ่งเสาค้ำสมุทรทำให้นางต้องหยุดนิ่งดุจเดิม “คุณชาย โปรดหลีกทางด้วยเจ้าค่ะ”

“เจ้าต้องการอะไร”

“เจ้าคะ?” หานฉงหรงเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถามชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ท่าทางฉงนงงงวยอย่างยิ่ง

“เหตุใดจึงได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับหลานชายของข้า”

ฉงหรงกลอกตาเล็กน้อย จะให้พูดว่านางรักเอ็นดูเด็กคนนั้นเพราะนึกถึงลูกชายที่ตายจากไปก็ใช่ที่ สู้ตอบไปตามที่บอกกับขันทีผู้นั้นไว้น่าจะดีกว่า...

“เพราะเขาน่ารักเจ้าค่ะ อีกอย่างเด็กตัวเล็กนิดเดียวกลับถูกญาติทอดทิ้ง ถ้าข้าไม่รั้งไว้ ก็คงจะตามหากันลำบาก จี๋หลินแม้ไม่ได้ใหญ่โตเท่าเมืองหลวง ทว่าการจะปิดซ่อนเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งก็ไม่ได้ยากเกินไปนัก”

“ข้าไม่ได้ทอดทิ้งเขา” คราวนี้ชายผู้นั้นขมวดคิ้วจนเหมือนกลับกลุ่มด้ายยุ่งเหยิง “เจ้าพูดเหมือนไม่รู้ว่าตนเองกำลังพูดอยู่กับใคร”

หานฉงหรงกะพริบตาปริบๆ ท่าทางไร้เดียงสาอย่างยิ่ง เขาจึงเอ่ยเสริม “ไม่ใช่ว่าเจ้าดูหลี่ฉางออกแล้วหรือว่ามิใช่บุรุษทั่วไป หากแต่เป็นขันที”

หานฉงหรง “...”

เขาแค่นเสียง “ท่าทีของเจ้าที่มีต่อหลี่ฉางนั้นนอบน้อมเกินพอดี แต่เวลาพูดคุยกับข้านั้นกลับยิ่งนอบน้อมยิ่งกว่า แสดงว่าเจ้ารู้ว่าหลี่ฉางเป็นขันที และข้ากับหลานของข้าคงเป็นผู้สูงศักดิ์ที่เจ้าไม่ควรกล่าววาจาจาบจ้วง”

“ท่านพ่อเคยเล่าว่า ถ้าบุรุษที่ถูกตอนเป็นขันทีตั้งแต่ยังเล็กเสียงจะไม่แตกหนุ่ม ท่านหลี่ฉางผู้นั้นพยายามจะดัดเสียงให้แหบห้าวทว่าเนื้อเสียงดั้งเดิมมิอาจดัดได้ อีกทั้งท่านหลี่ฉางไร้หนวดเครา ซึ่งตามกฎของแคว้นเราว่าไว้ ให้บุรุษที่อายุเกินสามสิบไว้หนวดเครา ยกเว้นขันทีที่สูญสิ้นความเป็นชายที่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรหนวดเคราก็ไม่ขึ้นอีก”

ชายหนุ่มอมยิ้มราบเรียบพลางปรายตาไปยังหลี่ฉางที่ยืนตัวลีบไม่พูดไม่จา “ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลี่ฉางไม่รอบคอบที่ไม่ยอมติดหนวดเคราปลอม และไม่พยายามพูดให้น้อยหน่อย แต่ที่เจ้าวิเคราะห์มาทั้งหมดก็นับว่าเจ้ามีไหวพริบไม่เลว”

“อย่างที่เจ้าว่า หลี่ฉางเป็นขันที และข้ากับหลานชายก็มิใช่คนธรรมดาสามัญ”

หานฉงหรงรวบกระโปรงลายดอกหลิ่วของตนแล้วย่อกายคารวะอย่างนอบน้อม “ฉงหรงเสียมารยาทแล้ว”

“ฉงหรงหรือ เป็นชื่อที่ดี”ชายหนุ่มเอ่ย “แล้วเจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร”

หานฉงหรงยิ้มบางอย่างอารมณ์ดี “แน่นอนว่าอยากทราบเจ้าค่ะ”

เขาปรายตามองอีกฝ่าย “เพราะอะไร”

จะเพราะอะไรได้ ขอเพียงรู้นามและฐานันดรของเขา ขี้คร้านมีแต่จะประจบประแจงของลาภยศเงินทองแบบคนอื่นๆ ที่เขาเคยพบเจอมาน่ะสิ

“เพราะไม่รู้ว่าจะเรียกท่านอย่างไรดี”

“...”

ท่าทีซื่อๆ ไร้การเสแสร้งแกล้งทำนั้นทำเอาชายหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะเก็บเศษหน้าที่ถูกสตรีผู้นี้ทำจนแตกละเอียดไม่เหลือไว้ตรงไหนดี กระนั้นเขาก็กระแอมไอเล็กน้อยพยายามไว้ท่าสง่างามก่อนเอ่ย

“ข้าคือเป่ยหนานหวัง อวิ๋นรุ่น”

“อักษรรุ่นคือสง่างาม เยือกเย็นดั่งหยก สมกับบุคลิกของหวางเยี่ย (คำเรียกท่านอ๋อง) ในตอนนี้โดยแท้เพคะ”

เป่ยหนานหวังแค่นเสียงเฮอะ เห็นหญิงสาวที่พยายามกลั้นยิ้มน้อยๆ ตอนที่เห็นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยของเขาตอนที่นางตอบคำถามเมื่อครู่

เป็นสตรีนอบน้อมเช่นนั้นหรือ เขาขอถอนคำพูด!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel