ตัดเย็บชุดสาวเจ้าให้ผู้อื่น ข้าเต็มใจเสียยิ่งกว่าเต็มใจ 2
หานฉงหรงถือวิสาสะเข้ามาในห้องของหลินหลางโดยไม่มีการบอกล่วงหน้า จึงได้ทันเห็นหลินหลางในสภาพบอบช้ำยับเยิน ทั่วร่างมีแต่รอยฟกช้ำไม่เว้นที่ โดยเฉพาะที่ใบหน้าที่แทบไม่เหลือเค้าความน่ารักน่าเอ็นดูอีกต่อไป
ใจหนึ่งหญิงสาวอยากจะสมน้ำหน้า แต่ใจหนึ่งก็สมเพชเวทนาที่อีกฝ่ายไม่ทันเล่ห์ลวงของบุรุษจนต้องมามีสารรูปเช่นนี้ นางสูดลมหายใจลึกก่อนเอ่ยเรียก “หลินหลาง”
หลินหลางสะดุ้งสุดตัว ก่อนหันไปทางที่มาเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใด นางก็รีบยกมือปิดหน้าตนเองก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว “คุณหนู”
หานฉงหรงเพียงปรายตามองที่โต๊ะข้างเตียงก็เห็นว่ามีคนเอายามาวางเอาไว้แล้ว นางจึงฉวยเอาตลับกระเบื้องที่อยู่ในบรรดายาทั้งหมดออกมาใบหนึ่งแล้วเดินไปนั่งข้างๆ ท่าทางเต็มเปี่ยมด้วยความห่วงใย “ให้ข้าทายาให้เจ้า”
“คุณหนูเจ้าคะ ข้าเป็นบ่าวต่ำต้อย ท่านอย่าได้ลดตัวทำเช่นนี้เพื่อข้าเลยเจ้าค่ะ”
หานฉงหรงช้อนตาขึ้นมอง “บ่าวต่ำต้อยอันใด สกุลหานของเราให้เกียรติคนทุกชนชั้น ทั้งข้าและเจ้าต่างก็เป็นคนดุจเดียวกัน อีกอย่างเราสองคนเติบโตมาด้วยกัน รักใคร่ดั่งพี่น้อง เรื่องเพียงแค่นี้มิใช่เรื่องใหญ่โต”
หลินหลางได้ฟังเช่นนั้นพลันน้ำตาเอ่อคลอ มองอีกฝ่ายป้ายขี้ผึ้งสมานแผลลงบนรอยที่แก้มและแขนของเด็กสาวอย่างเบามือ กลิ่นหอมชั้นเลิศเช่นนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ายาที่หานฉงหรงทาให้นางล้วนเป็นยาชั้นเลิศราคาแพงเทียบเท่ากับที่คุณหนูของนางเคยใช้ ดุจดังที่อีกฝ่ายกล่าวเอาไว้มิมีผิด “คุณหนู ทั้งที่ท่านดีกับข้าเช่นนี้ แต่ข้ากลับก่อเรื่อง ทำให้ท่านขายหน้า”
หานฉงหรงมีสีหน้าเฉยเมย “ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ตัวข้าไม่ขายหน้า ถ้าเจ้าลงมือเพราะต้องการปกป้องศักดิ์ศรีของข้าจริง ข้ามีแต่จะซาบซึ้งเสียด้วยซ้ำ”
“แต่ถ้าเจ้าตบตีกับผู้อื่นโดยเอาข้ามาบังหน้า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
หลินหลางหน้าซีดเผือดลงทันที “คุณหนู...”
หานฉงหรงหยิบปิ่นอวิ๋นเหยาที่เก็บได้หลังจากย้อนกลับไปที่ตรอกชิงฮวาหลังจบเรื่องวางต่อหน้า จากนั้นจึงตามด้วยปิ่นอวิ๋นเหยาแบบเดียวกันที่นางเพิ่งได้มาวันนี้ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เรื่องระหว่างเจ้ากับซื่อหลางมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใดกัน”
หลินหลางได้ยินเช่นนั้นก็ลนลานคลานลงมาจากเตียง ก่อนโขกศีรษะต่อหน้าหานฉงหรงอย่างไม่กล้าออมแรง “คุณหนู โปรดอภัย! หลินหลางไม่ได้มีเจตนาจะทรยศคุณหนู เพียงแต่...เพียงแต่...”
นับว่าไม่ผิดจากที่ฉงหรงคาดไว้ ที่แท้สาวใช้ของนางก็มีความสัมพันธ์กับบุรุษน่าตายผู้นั้นจริงๆ ...
หานฉงหรงเม้มฝีปากเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามต่อ “แล้วระหว่างเจ้ากับเขา...ลึกซึ้งเพียงใดแล้ว”
ครานี้หลินหลางมิอาจห้ามน้ำตาไม่ให้ทะลักทลายอาบแก้มได้ นางกล่าวเสียงเครือ “คุณหนู...ฮึก...ข้า...”
“หึงหวงถึงขนาดลงไปตบตีกับแม่ค้าร้านตลาดเยี่ยงนั้นคงมิใช่แค่จับมือมอบปิ่นแทนใจเท่านั้นกระมัง” แม้จะพยายามสงบอารมณ์แล้ว แต่หานฉงหรงก็อดประชดประชันไม่ได้
หลินหลางได้ยินคำประชดประชันของผู้เป็นนายก็ทำได้เพียงทรุดลงฟุบหน้าลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง สารภาพเสียงแผ่ว
“ไม้กลายเป็นเรือ [1] แล้ว...เจ้าค่ะ”
หญิงสาวรับฟังอย่างสงบ “ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“มะ...เมื่อสามเดือนก่อน ตอนที่คุณชายฉางมาค้างคืนที่นี่เพื่อเฝ้าคุณหนูไม่สบาย”
หานฉงหรงเพียงแค่นหัวเราะเสียงแผ่ว ที่แท้ฉางซื่อหลางก็ไม่ซื่อสัตย์กับตนมานานแล้ว...เนิ่นนานก่อนที่พวกเขาสองคนจะแต่งงานกันเสียอีก
ในอนาคตที่นางกับองค์หญิงเวินอี๋ผู้นั้นถกเถียงกันว่าใครเป็นภรรยาหลวงใครเป็นน้อยนั้นเป็นเรื่องที่โง่เขลาสิ้นดี
เพราะ หลินหลาง สาวใช้ต่ำต้อยผู้นี้ต่างหากถึงจะเป็นภรรยาหลวงที่ทั้งนางและองค์หญิงเวินอี๋ต้องให้ความเคารพยำเกรง!
“คุณหนู อย่าทำเช่นนี้ บ่าวใจคอไม่ดีเลยเจ้าค่ะ ท่านจะด่าว่าทุบตีบ่าวอย่างไรก็ได้ แต่อย่านิ่งเงียบเช่นนี้เลย” หลินหลางสะอึกสะอื้น ทั้งสำนึกผิดทั้งใจหายที่ทำให้ผู้ที่มีพระคุณกับนางเจ็บช้ำน้ำใจเพียงนี้
หานฉงหรงปรายตามองมาที่หลินหลางอีกครั้ง นางหยิบปิ่นอวิ๋นเหยาชิ้นที่เป็นของนางมาเสียบที่มวยผมของหลินหลางพลางกล่าวเสียงนุ่ม “ข้าจะทุบตีด่าว่าเจ้าไปเพื่ออันใด ในเมื่อความรักระหว่างเจ้าและซื่อหลางเป็นความรักอันบริสุทธิ์ และอีกอย่าง เขากับเจ้าได้เสียเป็นสามีภรรยาแล้ว จะให้ข้าโมโหโกรธาหรือขัดขวาง พระโพธิสัตว์คงมิอาจให้อภัยข้าเป็นแน่”
“คุณหนู...แต่ว่าคุณชายฉางเคยบอกไว้ แม้จะแต่งงานกับท่านแล้วเขาก็จะไม่ทิ้งขว้างบ่าว รับบ่าวเป็นอนุอีกคน คอยช่วยเหลือคุณหนูดูแลเรื่องราวภายในสกุลฉาง...”
“ได้ชื่อว่าสตรี ย่อมอยากเป็นสตรีคนแรกและคนสุดท้ายของผู้ชายที่รัก ในเมื่อเขารักเจ้ามากถึงขนาดนี้ ข้ายินยอมถอยออกมา ให้เจ้าเป็นภรรยาเอกของซื่อหลางอย่างสมบูรณ์”
“คุณหนู ท่านช่างดีกับบ่าวนัก” หลินหลางสะอื้นพลางใช้หน้าผากแนบกับหลังมือของหานฉงหรง “แต่ทว่าทำเช่นนี้คุณหนูก็มิต่างกับตัดเย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่น ผู้คนจะครหาสกุลหานเอาได้นะเจ้าคะ”
หานฉงหรงยิ้มบาง ก่อนเอ่ย
“ตัดเย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นครานี้ ข้าเต็มใจเสียยิ่งกว่าเต็มใจ เจ้าเพียงทำตามข้า แล้วข้าจะให้เจ้าเป็นสะใภ้ของสกุลฉางอย่างสมเกียรติ”
[1] หมายถึง เรื่องราวได้ดำเนินไปแล้ว ไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ความหมายเดียวกับสำนวน “ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก”
