ตอนที่ 4 เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด
"พระองค์จะทรงทำอันใด ปล่อยเพคะ"
ในขณะที่พูดไปนั้นนางก็พยายามแกะมือที่กอบกุมเอวบางของนางไว้ออกแทบจะในทันที นี่มันมือหรือปลาหมึก เหตุใดถึงได้เหนียวแน่นขนาดนี้กัน
"เจ้าง่วงแล้วไม่ใช่หรือ เปิ่นหวางก็กำลังจะพาเจ้าเข้านอนนี่อย่างไรเล่า"
"ทรงต้องการอันไหนกันแน่ หม่อมฉันได้กล่าวในสิ่งที่ตนเองต้องการไปเมื่อตอนกลางวันออกไปหมดแล้ว เหตุใดพระองค์ถึงจะต้องทำเช่นนี้อีก บอกตามตรงว่าหม่อมฉัน ไม่เข้าพระทัยในการกระทำของพระองค์จริงๆ"
"เปิ่นหวางเพียงรู้สึกว่าได้ละเลยต่อเจ้ามานาน ก็เลยอยากจะชดเชยให้เจ้าบ้างก็เท่านั้น ที่ผ่านมาเปิ่นหวางขอโทษเจ้าด้วยก็แล้วกัน ถือเสียว่าหลังจากนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด"
"พระองค์ไม่ทรงคิดว่ามันช้าไปหรอกหรือ ปล่อยเพคะอย่าให้หม่อมฉันต้องได้กล่าวเป็นครั้งที่สาม"
เริ่มต้นกันใหม่เช่นนั้นหรือ เขากล่าวมันออกมาหน้าตาเฉย ราวกับที่ผ่านมามันไม่เคยเกิดเรื่องราวระหว่างพวกเขาเสียอย่างนั้น ราวกับประโยคของเขาเมื่อคู่นางจะต้องยินดีรับไว้เช่นนั้นแหละ
"ทำไมหรือ เจ้าจะทำอันใดสวามีผู้นี้กัน"
จวิ้นอ๋องหยางจิวฮุ่ย ถึงกับรู้สึกสนุกเมื่อเห็นว่า นางมีปฏิกิริยาต่อต้านเขาเช่นไร เขาก็ให้อยากรู้เช่นกัน ว่านางจะสามารถทำอันใด บุรุษเช่นเขาได้
"พระองค์ทรงอยากจะทราบจริงๆหรือเพคะ"
นางส่งสายตาท้าทายไปยังผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสวามีของตน พร้อมกับมอบรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาให้กับเขา ในขณะที่จวิ้นอ๋องหยางจิวฮุ่ยไม่ทันได้ระวังตัว เหมยลี่อินก็บิดข้อมือของเขาที่จับเอวบางของนางอยู่นั้น ไปไว้ที่ด้านหลัง และตัวนางเองก็ม้วนตัวขึ้นไปโดยใช้ขาทั้งสองข้างเกี่ยวเอวเขาเอาไว้ จากด้านหลังและเลื่อนขาข้างหนึ่งเอาเข่าของนางกดลงไป ระหว่างกระดูกสะบักของจวิ้นอ๋อง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จนเป็นผลให้บุรุษร่างสูงใหญ่ถึงกับล้มลงไปกับพื้น แทบจะในทันที
"หม่อมฉันจะทำเช่นนี้อย่างไรเล่าพอพระทัยพระองค์หรือไม่"
"นี่เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน"
ด้วยความที่เขามิคาดคิดว่านางจะทำเช่นนั้นได้ บวกกับไม่ทันได้ระวังตัว จึงทำให้เขาเสียท่าให้กับนางอย่างคาดไม่ถึง เขาจะไปคาดคิดได้เช่นไรเล่า ว่าสตรีร่างเล็กเช่นนาง จะมีความสามารถ กดเขาลงกับพื้นได้เช่นนี้
"เจ้ารู้ใช่หรือไม่หากข้าเป็นอิสระไป เจ้าจะโดนเช่นไรบ้าง"
"ทราบเพคะ เพราะฉะนั้นหม่อมฉันจึงไม่คิดจะปล่อยให้พระองค์เป็นอิสระในคืนนี้"
"เจ้ากล่าวเช่นนี้หมายความเยี่ยงไร"
เมื่อนางกล่าวจบก็ได้นำผงยาสลบที่เตรียมไว้โรยไปที่จมูกของสวามีของนางในทันที ซึ่งนั่นเป็นผลให้จวิ้นอ๋องหยางจิวฮุ่ย ถึงกับสลบไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเหมยลี่อินเห็นว่าบุรุษตรงหน้า ได้สลบไปแล้ว นางจึงลุกขึ้นไปวาดแบบร่างอาวุธที่นางได้ทำไว้ให้แล้วเสร็จ เพราะเวลาทุกวินาทีมีค่า ยิ่งนางได้ทำตามแผนของตนให้สำเร็จลุล่วงไปได้เร็วเท่าไหร่ ก็เท่ากับว่านางจะได้ออกไปจากที่แห่งนี้เร็วขึ้นเท่านั้น โดยปล่อยให้จวิ้นอ๋องนอนสลบอยู่ที่พื้น อย่างไม่สนใจใยดีอีกเลย
เมื่อเห็นว่าแบบร่างอาวุธของนางได้เสร็จสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางจึงเข้านอน ในเวลาปลายยามโฉว่ (ประมาณตีสอง)และไม่ได้หันมาสนใจบุรุษที่นอนอยู่ที่พื้นเลยแม้แต่น้อย
เมื่อจวิ้นอ๋องลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาก็ให้รู้สึกแปลกใจ ว่าเหตุใดเขาถึงได้มานอนอยู่ที่พื้นอันเย็นเฉียบเช่นนี้ เมื่อเริ่มตั้งสติได้ เขาจึงนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืน เมื่อคิดได้เช่นนั้นสายตาของเขาก็รีบจ้องมองไปที่เตียงนอน ที่ในตอนนี้มีสตรีนางหนึ่งกำลังนอนหลับอย่างสบายอารมณ์ นี่นางปล่อยให้เขานอนอยู่ที่พื้นอันเย็นเฉียบนี้ทั้งคืนเช่นนั้นหรือ นางจะขวัญกล้าเกินไปหรือไม่ หลังจากที่ทำเช่นนั้นกับเขาแล้วยังไม่สนใจเขาอีก ถึงอย่างไรเขาก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสวามีของนาง นี่นางจะใจดำเกินไปหรือไม่
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจวิ้นอ๋องก็รีบตรงไปที่เตียงที่มีสตรี ที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องนอนอยู่ที่พื้นทั้งคืน ด้วยอาการสะลึมสะลือ เนื่องด้วยฤทธิ์จากยาสลบ ที่นางใช้กับเขา
"เหมยลี่อินเจ้าจงตื่นขึ้นมาบัดเดี๋ยวนี้"
"โอ๊ย แล้วจะมาเสียงดังอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ยไม่รู้หรือว่าคนกำลังจะนอน รำคาญ!"
เหมยลี่อิน กล่าวออกมาทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ลืมตาด้วยความสะลึมสะลือ ด้วยเพราะนางเพิ่งจะนอนหลับไปเมื่อไม่กี่ชั่วยามที่ผ่านมานี้เอง ทำให้สติสัมปชัญญะ ในการประมวลผลยังทำงานไม่เต็มที่
เมื่อจวิ้นอ๋องเห็นว่านางมิมีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา มิหนำซ้ำยังก่นด่าตนเองเช่นนั้นอีก เขาก็ยิ่งโมโหสตรีตรงหน้าจนไม่สามารถจะควบคุมได้
เขาก้มลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากนางอย่างหนัก เพื่อที่จะเป็นการลงโทษ ในสิ่งที่นางได้ทำกับเขาไว้ แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ นางใช้เท้าถีบเขาตกลงจากเตียงอย่างแรง โดยที่นางยังไม่ทันได้ตื่นลืมตาขึ้นมาด้วยซ้ำ
"อะไรว่ะคนจะนอนจะมากวนอะไรกันนักกันหนา"
ผู้ที่กำลังหลับอยู่ในห้วงนิทราในตอนนี้ เมื่อถูกกวนหนักๆเข้าก็ให้รู้สึกรำคาญ จนต้องก่นด่าออกมาอีกรอบ ทั้งที่ยังไม่ลืมตา เมื่อนางตั้งสติได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงลืมตาขึ้นมา ประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าจึงพบว่า จวิ้นอ๋องไปนอนหงายท้องอยู่ที่พื้นอย่างไม่เป็นท่าเสียแล้ว
"หม่อมฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็พระสวามี ของหม่อมฉันนี่เอง พระองค์ไปนอนหงายท้องอยู่ตรงนั้นด้วยเหตุอันใด เหตุใดถึงมิขึ้นมานอนที่เตียงดีๆเล่า หรือว่ารังเกียจหม่อมฉันถึงขนาดที่ไม่ต้องการจะนอนร่วมเตียงด้วยกันแล้ว"
เหมยลี่อินกล่าวออกไปทั้งๆที่รู้สถานการณ์ดีอยู่แล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางเพียงต้องการยั่วยุโทสะของบุรุษตรงหน้าเพียงเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้นางนั่งชันขาของนางขึ้น เผยให้เห็นเรียวขาขาวผ่องที่พ้นออกมานอกชุดนอนของนาง เสื้อตัวบางที่หลุดลุ่ยลงมาเผยให้เห็นลาดไหล่นั่นอีก ช่างเป็นภาพที่ดูแล้วชวนให้มองซ้ำเป็นอย่างมาก จวิ้นอ๋องหยางจิวฮุ่ยถึงขนาดต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างช่วยไม่ได้ นี่เขาไม่ได้มีคืนวันวสันต์ร่วมกับนางมานานเท่าใดแล้ว เหตุใดนางในวันนี้ถึงได้ดูเย้ายวนยิ่งนัก
"เจ้าอย่าคิดว่าเปิ่นหวางไม่รู้นะเหมยลี่อิน ว่าเมื่อกี้เจ้าตั้งใจที่จะถีบเปิ่นหวางให้ตกลงจากเตียง"
"พระองค์อย่าได้มาใส่ร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันกำลังนอนอยู่ เมื่อรู้สึกว่าถูกก่อกวนก็เป็นธรรมดาที่จะต้องปกป้องตนเอง เป็นพระองค์ต่างหาก ที่เข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือ"
พูดเสร็จนางก็ได้เรียกให้สาวใช้ของนาง เข้ามาภายในห้องทันที โดยไม่สนใจว่า ในตอนนี้บุรุษที่นั่งอยู่ที่พื้น ได้โกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำไปหมดแล้ว จวิ้นอ๋องจ้องมองไปที่ร่างบางนั้นอย่างโกรธเคือง นี่นางเปลี่ยนไปมากจริงๆ เปลี่ยนไปจนแทบจะเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้ หากเป็นยามปกติ ในตอนนี้นางคงจะกลัวเขาลนลาน ตัวสั่นจนไม่เป็นอันทำอันใดแล้ว แต่นี่นางกลับทำเสมือนว่ามิได้มีเขาอยู่ตรงนี้เสียอย่างนั้น คอยดูเถิดเขาจะต้องสั่งสอนให้นางรู้สำนึกเสียบ้างกับสิ่งที่นางได้ทำลงไป