ตอนที่ 3 อย่าเอาหัวใจไปไว้ที่เท้าของบุรุษ
"พวกเจ้าจงจำคำของข้าไว้ให้ดี คนเราควรที่จะยืนด้วยขาของตนเอง อย่าได้อาศัยขาของผู้อื่นในการก้าวเดิน เพราะหากวันใดที่ขาของคนผู้นั้น ไม่ต้องการที่จะก้าวเดินเพื่อเราอีกต่อไป เราก็จะไม่สามารถเดินได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าหากว่าเราเป็นตัวของตัวเองใช้ชีวิตในแบบของเราและไม่ได้อาศัยผู้อื่น เราก็ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตของเราไปฝากไว้ที่ใคร ชีวิตของเราๆสามารถเป็นผู้กำหนด หากทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราฝัน หรือที่เราได้คาดการณ์ไว้ มันก็เป็นสิ่งที่เราได้เลือกด้วยตัวของเราเอง "
"ความรักและความโปรดปรานของบุรุษก็เช่นเดียวกัน ครั้งหนึ่งข้าเคยคิดว่าบุรุษผู้นั้นเป็นโลกทั้งใบ เป็นชีวิต เป็นลมหายใจและเป็นทุกสิ่งของข้า ข้าได้มอบหัวใจของตนเองไปให้กับบุรุษผู้นั้น แต่แล้ววันหนึ่งบุรุษผู้นั้นเลือกที่จะเอาหัวใจของข้าไปไว้ที่เท้าของเขา เพราะฉะนั้นเวลาที่เขาก้าวเดินในแต่ละย่างก้าว ข้าถึงได้เจ็บปวดแสนสาหัสถึงเพียงนั้น นั่นจึงเป็นเหตุให้ข้า คิดได้ว่าข้าไม่ควรจะเอาหัวใจไปวางไว้ที่ใคร เราควรจะรักตนเองและเห็นถึงคุณค่าของตนเอง"
"พระชายา"
เมื่อสาวชายทั้งสองได้ฟังถึงเหตุผลที่เจ้านายของตนกล่าวออกมา ก็ให้ซึ้งใจจนร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่อยู่
"แล้วหลังจากนี้เราจะทำเช่นไรดีล่ะเพคะพระชายา"
"ก่อนอื่นเลยพวกเจ้าจะต้องเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกข้าใหม่ ข้าไม่ใช่พระชายาของผู้ใดอีกต่อไปแล้ว หลังจากนี้ข้าคือคุณหนูของพวกเจ้าแค่เพียงเท่านั้น ให้พวกเจ้ากลับไปเรียกข้าเป็นคุณหนูของพวกเจ้าตามเดิม และข้าก็ได้วางแผนเอาไว้แล้วเราจะต้องหาเงิน เมื่อมีเงิน อำนาจก็จะตามมาทีหลังเอง"
"แล้วเราจะหาเงินได้ด้วยวิธีไหนกันล่ะ เพคะ เอ่อ..เจ้าคะคุณหนู"
"เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกข้าได้วางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้วคืนนี้ พวกเจ้าก็ไปพักผ่อนเถิด ข้าจะเตรียมการในการหาเงินของพวกเรา เพื่อที่จะได้เตรียมออกไปจากสถานที่อันแสนอดสูนี้เสียที"
"เจ้าค่ะคูณหนู"
เมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้านายของตนเองเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว พวกนางก็ได้ออกไปจากตำหนักของเจ้านายสาวของตนเองในทันที
เมื่อเหมยลี่อิน อยู่คนเดียวเพียงลำพัง นางจึงเริ่มต้นดำเนินการตามแผนที่นางได้คิดไว้อันดับแรก นางได้ร่างแบบอาวุธที่ได้ร่ำเรียนมาจากในโลกก่อนของนางไม่ว่าจะเป็น ธนู มีดสั้น อาวุธลับ ลูกดอก หน้าไม้ชนิดต่างๆ ซึ่งอาวุธพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นอาวุธที่ทันสมัยที่สร้างขึ้นในยุค 2020 ทั้งสิ้น
เหมือนกับว่าสวรรค์ได้มอบความเมตตาให้กับนาง หลังจากที่ถูกบุรุษคนรักมอบความตายให้ นางก็ได้ไปเกิดยังโลกอีกโลกหนึ่ง ที่มีความทันสมัยและมีวิวัฒนาการที่ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก นางเกิดเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกนำมาฝึกเป็นนักฆ่าให้กับองค์กรองค์กรหนึ่ง จนพัฒนาตนเองกลายเป็นอันดับ 1 ขององค์กร แต่แล้วในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น จนทำให้นางเสียชีวิตและได้ย้อนเวลากลับมาเกิดในร่างเดิมของนาง ซึ่งเป็นตอนที่ทุกอย่างยังไม่สายจนเกินไป นางถึงเลือกที่จะแก้ไขในสิ่งที่เคยทำผิดพลาดเอาไว้ นางได้พกความสามารถมาด้วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแพทย์ นักฆ่า และความสามารถในการใช้อาวุธในด้านต่างๆ นางก็ถูกฝึกมาแล้วทั้งสิ้น แล้วเช่นนี้นางยังจะมีเวลาไปเสียอกเสียใจ กับการที่ไม่ได้รับความรักความโปรดปรานจากบุรุษเพียงผู้เดียวได้เช่นไร
นางใช้เวลาทุกลมหายใจที่มีไปกับการฝึก เพื่อที่จะได้เป็นหนึ่งในองค์กร และเพื่อที่จะให้มีชีวิตรอดในแต่ละวัน ดังนั้นในจิตใจของนางตอนนี้ จึงถูกหล่อหลอมให้เต็มไปด้วยความเย็นชา หัวใจของนางได้ตายไปนานแล้ว นางไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าในตอนนี้ยังมีความรู้สึกกับบุรุษผู้นั้นอยู่อีกหรือไม่
แต่เมื่อต้องมาอาศัยอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย กำลังภายในและวิทยายุทธนั้น ทำให้นางดูด้อยไปถนัดตา เมื่อเทียบความสามารถกับผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ แต่นางก็ได้คิดมาดีแล้วว่า จะมีชีวิตให้ดี อยู่ในโลกใบนี้ให้ได้ และจะไม่ยอมให้ผู้ใดมารังแกนางได้โดยง่าย เหมือนดังเช่นชีวิตก่อนเป็นอันขาด
ในขณะที่เหมยลี่อินกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการร่างแบบอาวุธลับชนิดต่างๆอยู่นั้น นางก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นที่หน้าประตูตำหนัก นางจึงต้องรีบเก็บแบบร่าง ที่นางได้วาดเอาไว้ ก่อนที่จะมีผู้อื่นมาพบเห็นเข้า ไม่รอให้นางได้ตั้งข้อสงสัยได้นาน ว่าผู้ใดกันที่มาเอะอะโวยวายที่หน้าตำหนัก แขกผู้ไม่ได้รับเชิญผู้นั้น ก็ได้เปิดประตูเข้ามาภายในตำหนักของนางแล้ว
"พระองค์ทรงมาทำอันใดที่นี่กัน นี่ก็ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว"
"แล้วดึกขนาดนี้แล้ว เหตุใดพระชายาของเปิ่นหวาง ถึงยังไม่หลับไม่นอนกัน"
หยางจิวฮุ่ย ก็อยากจะรู้เช่นกันว่าเหตุใดเขาถึงได้มายืนอยู่ที่ตรงนี้ได้ เขานึกถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน คิดถึงแต่สายตาเย็นชาเวลานางจ้องมองมาที่เขา คิดถึงแต่คำพูด ที่นางต้องการจะหย่าขาดออกไป สุดท้ายจึงทำให้เขานอนไม่หลับ และได้มายืนอยู่ที่ตรงนี้ ในเวลานี้นั่นเอง เขาไม่สามารถตอบตนเองได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กับความรู้สึกที่มัน ไม่สงบอยู่ภายในจิตใจของเขาในตอนนี้
"เปิ่นหวางแค่เพียงอยากมาดูว่าเจ้าใจเย็นลง และคิดได้ในสิ่งที่ตนเองกล่าวออกมาแล้วหรือยังเพียงเท่านั้น"
"หม่อมฉันคิดได้ตั้งนานแล้วเพคะ มีคนเคยกล่าวว่าความรักทำให้คนตาบอด หม่อมฉันเชื่อเช่นนั้น หม่อมฉันเคยตาบอดมาแล้ว ครั้งหนึ่ง แต่ในตอนนี้มันหม่อมฉันบอกกับพระองค์ได้เลยว่าหม่อมฉันตาสว่างแล้ว"
เมื่อจวิ้นอ๋องหยางจิวฮุ่ย ได้ยินคำกล่าวของสตรีตรงหน้า เขาก็ได้มองลึกเข้าไปยังดวงตาของนาง แต่สิ่งที่เขาพบ กลับมีเพียงความว่างเปล่า และความนิ่งสงบของนางในตอนนี้จนทำให้เขารู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกับว่าเขากำลังจะเสียของสำคัญไปอย่างไรอย่างนั้น
"เปิ่นหวางถือว่าเป็นสวามีของเจ้า แล้วเหตุใดการมาหาชายาของตนเอง จะทำมิได้เล่า"
เขากล่าวกลบเกลื่อนหลังจากที่ได้ยินคำกล่าวนั้นของนาง เพราะหัวใจของเขาในตอนนี้กำลังกระตุกวูบ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
"อย่าเอาเศษเสี้ยวความโปรดปรานของพระองค์มามอบให้กับหม่อมฉันเลยเพคะ หม่อมฉันไม่ต้องการ กลับไปหาคนของพระองค์เถิดป่านนี้คงตั้งตาคอยพระองค์แล้วกระมัง"
"ตอนนี้มีเพียงแค่เจ้ากับเปิ่นหวางไยต้องกล่าวถึงคนอื่นด้วยเล่า"
"พระองค์อย่าได้กล่าววาจาอันใดให้มากความอีกเลย รีบกล่าวถึงพระประสงค์ของพระองค์ออกมาเถิด นี่ก็ดึกมากแล้วหม่อมฉันจะได้เข้านอนเสียที"
"หึ คืนนี้เปิ่นหวางจะมาค้างที่ตำหนักนี้"
เมื่อได้ฟังคำกล่าวของบุรุษตรงหน้าจบลง เหมยลี่อินก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่รักษากิริยา เหมือนกับนางพึ่งได้ฟังเรื่องตลกมาอย่างไรอย่างนั้น
"นี่เจ้ากำลังหัวเราะ เรื่องอันใดกัน"
"พระองค์ทรงกินยาผิดมาหรือไม่เพคะ"
"ทำไมหรือแค่เปิ่นหวางจะมาค้างที่ตำหนักของพระชายาตนเอง ถึงกับทำให้เจ้าต้องหัวเราะออกมาขนาดนั้นเลยหรือ"
"เปล่าเพคะ เพียงแต่เหมือนกับว่าหม่อมฉันเพิ่งได้ฟังเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เท่านั้น ร้อยวันพันปีพระองค์ไม่เคยย่างกรายมาที่ตำหนักนี้เลยสักครั้ง แล้วเหตุใดวันนี้ถึงได้คิดที่จะมาค้างที่ตำหนักนี้กัน"
"เมื่อกี้เจ้าพูดว่าจะเข้านอนแล้วไม่ใช่หรือ ถ้างั้นก็ไปนอนกันเถอะเปิ่นหวางก็ง่วงแล้วเหมือนกัน"
จวิ้นอ๋องหยางจิวฮุ่ย ไม่พูดเปล่ายังคงเดินเข้ามาโอบกอดเอวบางของนาง เพื่อที่จะนำนางไปที่เตียงนอน ภายในตำหนักอย่างถือวิสาสะ
เหมยลี่อินมิคาดคิดว่าเขาจะเดินเข้ามาโอบกอดนางเช่นนี้ จึงไม่ทันได้ระวังตัว เพราะว่าเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมานั้นไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของนางเป็นอย่างมาก