บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 การกลับมาของฮุ่ยเจียง 1.3

ฮุ่ยเจียงย่อกายทำความเคารพบุคคลทั้งสามจากนั้นก็เดินเข้าไปหาท่านพ่อที่กำลังวางตำราลงโดยมีฮุ่ยหลินเข้ามานั่งบนหัวเข่าแล้วหยิบขนมบนจานขึ้นมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย ฮุ่ยเจียงสอดแขนไปรอบเอวของบิดาใบหน้าเล็กก้มงุดลงไปที่หน้าอกดวงตาหลับพริ้มซึมซับความรู้สึกคิดถึงท่ามกลางความแปลกใจของทั้งสามคน

"เจียงเอ๋อร์ลูกพ่อเจ้าเป็นอันใดรึ เจ็บป่วยยังไม่หายใช่หรือไม่" กล่าวจบฮุ่ยหมิ่นก็ยกมือขึ้นแตกหน้าผากตรวจสอบอาการบุตรสาวด้วยความเป็นห่วงเพราะปกตินางไม่ค่อยอ้อนนอกจากตอนยามเจ็บไข้ได้ป่วย

"ลูกสบายดีเจ้าค่ะแต่เมื่อคืนลูกเพียงแค่ฝันร้าย" ฮุยเจียงยิ้มให้บิดาแล้วผละออกหลังจากกอดจนพอใจ นางเดินเข้าไปหามารดาที่มองด้วยสายตาอบอุ่นร่างเล็กโถมเข้าหามารดาซบลงบนอกอุ่นด้วยความคิดถึง ดวงตาของนางร้อนผ่าวจนเกือบจะไหลทำให้นางต้องกะพริบตาปริบ ๆ ไม่ปล่อยให้มันไหลออกมาเกรงว่าจะทำให้มารดาเป็นห่วง

"เจ้าเด็กคนนี้อ้อนเป็นน้องสาวเจ้าไปได้" ซูลี่ลูบศีรษะเล็ก ๆ ของบุตรสาวที่กำลังอ้อนราวกับเด็กน้อยใบหน้ายังคงส่งรอยยิ้มอบอุ่น ซึ่งเป็นใบหน้าที่ฮุ่ยเจียงเห็นจนชินตา สายตาของมารดาที่มองมาที่นางนั้นเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรักของแม่นั้นไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

"ก็ข้ารักท่านแม่นี่เจ้าคะ" ฮุ่ยเจียงตอบมารดาด้วยน้ำเสียงติดสั่น

"ข้ารู้ ๆ เอ้ายังเหลืออีกคนหนึ่ง แม่เจ้าน้อยใจแล้วกระมัง" ฮุ่ยเจียงผละจากอกมารดาก่อนจะจู่โจมไปที่แม่รองอ้อมกอดของนางรัดแน่น ไม่ต่างจากที่กอดกับมารดาผู้ให้กำเนิด

"แม่รองท่านอย่าน้อยใจไปข้าเองก็รักท่านเหมือนกัน นี่แหนะ...ข้ารักแม่รองนะเจ้าคะ " นางพูดพร้อมกับยื่นนิ้วเล็ก ๆ ไปที่เอวซึ่งเป็นจุดอ่อนของแม่รองด้วยความขี้เล่น

"คิก คิก คุณหนู ไม่นะไม่เล่นแบบนี้"

"เมื่อกี้แม่รองท่านเรียกข้าว่าอย่างไรนะเจ้าคะ" เสียงเด็กสาวเข้มขึ้นดวงตาเรียวหรี่ลงนิ้วเล็ก ๆ ยังจ่ออยู่ที่เอวของนาง

เย่วซินที่เผลอเรียกว่าคุณหนูก็เบิกตาโพลงนางรีบบิดตัวหนีนิ้วเล็ก ๆ ของเด็กสาวตรงหน้าเพราะใครต่างก็รู้ว่านางและบุตรสาวเป็นคนบ้าจี้เพียงใดและนั่นยังเป็นสิ่งที่ลูกเลี้ยงที่นางรักไม่ต่างกับบุตรสาวในไส้ชอบแกล้งนาง ทำให้ตอนนี้นางได้แต่หัวเราะน้ำตาไหลพร้อมกับพูดละล่ำละลักแก้ตัวพัลวันทั้งยังส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่หยุด

"แม่รองเพียงเผอเรอไปเท่านั้นลูกอย่าถือสา คิก คิก เจ้าปล่อยแม่รองด้วย โปรดไว้ชีวิตข้าสักครา" เสียงหัวเราะพร้อมกับร้องขอทำเอาสองสามีภรรยากับเด็กน้อยอีกสองคนมองและยิ้มตามแต่ไม่มีใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วยแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงที่กำลังจะฆ่ากันตายด้วยเสียงหัวเราะ

"ไม่เจ้าค่ะวันนี้แม่รองต้องตายด้วยน้ำมือของข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่แหนะ นี่แหนะ " ฮุ่ยเจียงที่รักแม่รองไม่น้อยกว่าแม่แท้ ๆ และยังชอบจี้เอวเพราะแม่รองหัวเราะได้อร่อยนัก

"ท่านพี่ พี่หญิงช่วยข้าด้วยลูกท่านจะฆ่าข้าแล้ว คิก คิก " เย่วซินร้องขอความช่วยเหลือจากสามีและฮูหยินรองทั้งยังส่งเสียงหัวเราะไม่หยุด

"ลูกข้าที่ไหนกัน นางลูกเจ้าชัด ๆ มีที่ไหนหัวเราะกันจนลั่นจวนแบบนี้ลูกข้าอยู่นั่นต่างหาก ฮุ่ยหลินมาหาแม่ใหญ่มา.. แม่ใหญ่จะป้อนขนมให้ นี่แม่ใหญ่ให้คนซื้อขนมที่เจ้าชอบมาเลยนะ" ฮูหยินใหญ่พูดขึ้นพร้อมกับหยิบถังหูลู่ที่ถูกบรรจุใส่กล่องอย่างดีที่ให้คนไปรับที่ร้านมา เพื่อฮุ่ยหลินโดยเฉพาะที่พูดว่านางเป็นลูกอีกคนนั้นไม่เกินจริงเพราะนางรักลูกทุกคนที่เกิดมาจากสามีที่นางรักรวมถึงภรรยารองของสามีนางเองก็รักไม่ต่างจากน้องสาวอาจเป็นเพราะความเอ็นดูตั้งแต่ครั้งแรกที่พบจะกล่าวว่าถูกชะตาก็ไม่ผิดนัก เย่วซินนั้นเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวและเคารพนางด้วยใจจริงและเป็นอย่างนั้นอย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่ใช่แค่สามีที่เย่วซินดูแลเป็นอย่างดี นางเองก็ได้รับการดูแลจากเย่วซินอย่างดีเช่นกัน

ในตอนที่พบกับเย่วซินครั้งแรกนั้น นางและสามีได้ไปเยี่ยมญาติที่ต่างเมืองระหว่างทางกลับเจอเข้ากับเย่วซินที่กำลังนั่งร้องไห้ ดูแล้วน่าเวทนาข้างกายมีศพของผู้เป็นบิดานอนอยู่อย่างอนาถ

ในตอนนั้นนางพึ่งอายุเพียงสิบสี่ปีเท่านั้นผู้คนที่มามุงดูต่างก็พากันสงสารแต่ก็ไม่มีใครเข้าไปช่วยเหลือ ด้วยความที่นางเป็นคนมีจิตใจเมตตาจึงเข้าไปถามไถ่ถึงได้รู้ว่าทั้งสองคนเดินทางมาจากต่างแคว้นเพื่อมาหางานทำ แต่เพราะบิดาที่อายุมากหลังจากตรากตรำเดินทางอย่างยาวนานร่างกายอ่อนล้าและด้วยโรคชราทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา นางรู้สึกได้ถึงความกลัวและชีวิตที่โดดเดี่ยวของเย่วซิน จึงขออนุญาตสามีพาเย่วซินกลับมาด้วย

สามปีผ่านไปเย่วซินก็เติบโตตามวัยในตอนนั้นนางเองก็กำลังท้องฮุ่ยเจียงและเห็นว่าสามีนั้นต้องห่างหายเรื่องของสามีภรรยา

ตอนนั้นสามีของนางเองก็เพิ่งเข้าสู่วัยฉกรรจ์ดังนั้นความต้องการย่อมมีมากแน่นอน แต่เพราะสามียังคงรักนางจึงมิได้ปรายตามองหญิงใดขนาดเย่วซินสวยงามไม่แพ้กับลูกคุณหนูในเมืองสามียังมิชายตาคอยเว้นระยะห่างเรื่อยมา เย่วซินเองก็ไม่ได้คิดจะปีนเตียงสามีของนางและอยู่อย่างคนรับใช้คอยรับใช้นางไม่ห่างกาย

แต่เพราะนางสงสารสามีและต้องการหาคนมาแบ่งเบาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนสนิทข้างกาย ถึงจะใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่นานแต่ทุกอย่างก็ราบรื่นดี แต่กับสามีของนางนั้นการเจรจาไม่ราบรื่นเท่าไรนัก

จนนางต้องขอร้อง สามีจึงทำตามความต้องการของนางและหลังจากนั้นการแต่งเข้าจวนของฮูหยินรองก็ถูกจัดขึ้น ผ่านมาแล้วยี่สิบห้าปีครอบครัวของเราก็ยังอยู่เย็นเป็นสุข

ซูลี่ป้อนขนมฮุ่ยหลินด้วยความอ่อนโยนน้ำเสียงที่เรียกนางก็ฟังดูนุ่มระรื่นหู

"ขอบคุณเจ้าค่ะแม่ใหญ่ข้ารักท่านที่สุดเลยเจ้าค่ะ" เด็กน้อยรู้ความรู้จักอ้อนเอาใจและรู้ว่าท่านพ่อแม่ใหญ่และท่านแม่รวมถึงพี่ชายใหญ่และพี่สาวรักนางทุกคน ฮุ่ยหลินเป็นเด็กร่าเริงสดใสคิดสิ่งใดก็พูดสิ่งนั้นจึงไม่มีใครไม่เอ็นดูเพราะถูกเลี้ยงมาอย่างดีทั้งตอนนี้ยังอ้อนแม่ใหญ่หยิบขนมป้อนให้นางอีกด้วย

"นี่เจ้าค่ะแม่ใหญ่ลูกป้อนบ้างนะเจ้าคะ" เด็กน้อยเอาใจใบหน้ากลมส่งรอยยิ้มจนตาหยี

ส่วนสองคนแม่ลูกที่เมื่อกี้ยังหัวเราะร่าตอนนี้ต่างก็นั่งมองสตรีต่างวัย ที่ต่างเอาอกเอาใจกันไม่หยุดพลางหันมามองหน้าแล้วพูดออกมาพร้อมกัน "ท่านแม่รองโดนทิ้งแล้ว เจ้าโดนทิ้งแล้ว" ฮุ่ยหมิ่นมองภรรยากับบุตรสาวแล้วส่ายหัว หันมากวักมือเรียกลูกชายที่กำลังนั่งยิ้มเข้ามาใกล้ ๆ

"เจ้ามาอ่านตำราให้พ่อฟังดีกว่า" ฮุ่ยเฉิงก้มหน้ารับแล้วเดินมาหาบิดานั่งข้าง ๆ อย่างเชื่อฟัง

"ขอรับท่านพ่อ"

...

ฮุ่ยเจียงขึ้นมานั่งบนรถม้าหลังจากที่ขออนุญาตท่านพ่อท่านแม่เพื่อจะไปไหว้พระที่วัด มือบางตวัดผ้าม่านขึ้นแล้วมองไปที่เรือนฮุ่ยหลันอีกครั้งยามที่เห็นท่านพ่อท่านแม่และแม่รองหัวเราะและส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุขรวมถึงน้อง ๆ ที่นั่งเล่นกันไม่ห่างนางก็ยิ้มตามอย่างมีความสุข นางปล่อยผ้าม่านลงพลางคิดว่านี่กระมังที่เป็นเหตุให้นางมองคนอื่นในแง่ดีตามไปด้วย เพราะครอบครัวของนางสมานฉันท์อยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดีในตอนที่สหายนางเข้ามาขอร้องนางให้ช่วยเหลือนางจึงไม่อาจตัดเยื่อใยได้เพราะคิดว่าอย่างไรเสียก็เป็นสหายกันมานาน

ด้วยความคิดที่น้อยไปในหัวสมองน้อย ๆ ของนางเพียงแค่คิดว่าขนาดท่านแม่ยังพาแม่รองเข้าจวนและยังให้เป็นฮูหยินรองอยู่ร่วมกันอย่างรักใคร่กลมเกลียวกันได้แล้วเหตุใดสหายของนางที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ ในยามที่สหายเดือดร้อนนางจึงช่วยเหลืออย่างดีที่สุดแต่ใครจะคิดว่าการช่วยเหลือในครั้งนั้นเป็นการชักนำความเดือดร้อนมาให้ สหายรักปีนเตียงสามีนางยังพอทำใจได้

แต่การที่พวกมันร่วมมือกันใส่ร้ายครอบครัวของนางว่าก่อกบฏจนถูกประหารนี่สิ! นางยอมไม่ได้...

นี่สินะความโง่งมของนางในชาติที่แล้วเพราะคิดว่านางดีต่อใครคนนั้นก็จะดีตอบแต่นางคงลืมคิดไปว่าคนทุกคนไม่ได้จะเป็นเหมือนท่านแม่และแม่รอง

ฮึ !ความแค้นต่อพวกเจ้าในชาติที่แล้วข้าจะไม่มีวันลืม!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel