Close Friend
“เป็นตำรวจจริงๆเหรอ?” พี่โอกล่าวถามผมด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่ครับ…ทีเรียนศิลปะการต่อสู้มานิดหน่อย” ผมกล่าว ซึ่งสีหน้าของทั้งสองดูเหมือนจะไม่เชื่อผม
“ทีระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะ…เจ้าพวกนี้มันรู้จักคนเยอะ” พี่เอมกล่าวและจ้องมองตาของผม ซึ่งผมก็ไม่ได้หลบสายตา ผมจ้องตาเธอกลับเช่นกัน
“ครับ” ผมตอบรับกลับไป และมันทำให้เธอกลายเป็นฝ่ายที่หลบสายตาผมซะแทน
และหลังจากนั้นเราก็ได้พูดคุยและดื่มกันไปพอสมควร จากบรรยากาศตึงเครียดกลายเป็นเฮฮาสนุกสนาน ผมได้เล่าเรื่องการสอยสัมภาษณ์เข้าสู่มหาลัยให้ฟัง ส่วนพี่ๆเขาก็เล่าเรื่องที่มหาลัยให้ฟังเช่นกัน และดูเหมือนพี่เอมจะเริ่มมีอาการมึนเมา รวมถึงตัวผมเองด้วย
“พี่โอ…ทีต้องกลับห้องแล้วครับ” ผมกล่าว เพราะผมเริ่มรู้สึกควบคุมร่างกายไม่ค่อยได้แล้ว
“อืม…เดินไหวป่าวเรา?" พี่โอกล่าวถามด้วยความเป็นห่วงก่อนจะหันไปมองพี่เอม
“ไปส่งน้องหน่อย” พี่โอกล่าวก่อนจะยื่นมือมาเก็บแก้วของผมและของเอมกลับไปที่บาร์
“อะ…อืม…” แต่การตอบของพี่เอม ผมรู้สึกว่าต้องเป็นผมที่ต้องไปส่งเธอซะมากกว่า
“ที…อยู่ตึกข้างๆนี่ใช่ไหม?” พี่เอมกล่าวก่อนที่หัวของเธอจะเซมาซบไหล่ของผม
“หึ” เสียงออกมาจากลำคอของพี่โอ ดูเหมือนแกจะบอกว่าตามสบายเลย พี่ไว้ใจเอ็ง อะไรประมาณนี้
‘เด็กนี่น่าสนใจมาก…ความคิดของเขาดูเป็นผู้ใหญ่’
‘นอบน้อม มีมารยาทและให้เกียรติ’ โอคิดในใจ
“พี่โอ…ทีไปแล้วนะครับสวัสดีครับ" ผมลุกขึ้นยืนแล้วยกมือไหว่พี่โอพร้อมกับหยิบแบงค์ย่อยออกมาจากกระเป๋า ซึ่งมันคือตังทอนจากที่ผมดื่มไปกับเพื่อนๆ ผมวางมันลงบนโต๊ะและใช้แก้วของพี่โอทับเอาไว้
“อืม…ไหวมั้ย?” พี่เอมกล่าวถามผม ผมโอบไหล่ของเธอส่วนเธอก็กอดหลังของผมเอาไว้ ต่างคนต่างเซไปเซมาด้วยความมึนเมา แต่เราทั้งคู่ก็เดินมาถึงห้องพักของผมได้สำเร็จ ผมได้ไขกุญแจห้อง เข้าเปิดไฟและเปิดแอร์ในทันที
ฟึบๆ
ติ๊ด
“ปวดหัวมากเลยอ่า” พี่เอมกล่าวก่อนที่ผมจะพยุงเธอไปนอนลงบนเตียงของผม
“พี่นอนที่นี่เถอะครับดูแล้วพี่น่าจะไม่ไหว” ผมกล่าวก่อนจะยกตัวเธอขึ้นไปนอนดีๆ ส่วนผมก็หยิบผ้าเช็ดตัวและผ้าเช็ดผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ผ่านไป 15 นาที
ฟู่ๆๆๆ ฟืออ
“เสียงดังไปไหมครับ?” ผมหันไปกล่าวถามร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งผมก็ได้ปิดไฟให้เธอนอนสบาย เปิดไว้เพียงไฟหน้าห้องน้ำให้พอมีแสง
ฟึบๆ
พี่เอมส่ายหน้าก่อนที่เธอจะยื่นมือมาหาผม และทำมือเหมือนกำลังจับแก้วน้ำอยู่ ผมจึงเดินไปหยิบขวดน้ำและเทน้ำใส่แก้วแล้วนำมาให้พี่เอม เธอพยายามพยุงตัวขึ้นมา ผมก็เลยช่วยอีกแรงโดยการเอื้อมแขนไปรวบเอวบางและหยิบแก้วน้ำมาป้อนใส่ปากเธอเบาๆ
“อือ…” พี่เอมส่งเสียงและแหงนหน้าออกมาจากแก้ว บ่งบอกว่ากินน้ำพอแล้ว ผมจึงวางแก้วน้ำไว้ที่โต๊ะข้างเตียงนอนก่อนจะนอนลง
“อืมมม” พี่เอมส่งเสียงออกมาราวกับต้องการจะเรียกร้องอะไร
“ปิดไฟใช่ไหมครับ?” ผมกล่าวถาม แต่ตัวผมกำลังเดินไปปิดไฟและกลับมานอนลงเหมือนเดิม
“นอนสบายดีไหมครับ?" ผมกล่าวถามอีกครั้งเมื่อทุกอย่างเงียบลง และมันทำให้ร่างบางขยับ
ฟึบๆๆ
“แบบนี้…พี่คงจะสบายกว่าใช่ไหม?” ผมยังคงกล่าวถามต่อ แต่พี่เอมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอแสดงออกมาซะแทน และเธอก็เพิ่งจะใช้สองมือของเธอมาจับแขนของผมและยกมันขึ้นไปวางบนหมอน พร้อมกับเธอที่เข้ามาชิดร่างกายของผมและหนุนแขนของผม กลิ่นหอมของเธอผสมกับกลิ่นเหล้า มันทำให้ผมรู้สึกร้อนรุ่มแปลกๆ
“ครับ…ถ้าอย่างนั้นขอรางวัลสักนิดนึงนะ” ผมกล่าวก่อนจะก้มหัวลงไปตรงหน้าของพี่เอมและยื่นหน้าเข้าไปพร้อมกับจูบปากของเธอ ผมดูดมันราวกับผมกระหายน้ำมากๆ
อึก
ฮืมม อืมม
“อึก…" ผมกลืนน้ำลายก่อนที่จะบรรจงเข้าไปจูบเธอต่อ และในครั้งนี้
ต่อไป
และต่อไป
เธอเริ่มหายใจแรงขึ้น และเริ่มผลักผมออก มันทำให้ผมรับรู้ได้ทันทีว่าเธอเริ่มหายใจไม่ทัน ผมจึงถอนจูบออกมาและใช้จมูกของผมหอมแก้มของเธอซะแทน
ฟอดด ฟอด
“ฝันดีครับ” ผมกล่าว ซึ่งเธอก็ไม่ได้มีท่าทางตอบกลับมา
“ทีจะมีอะไรกับคนที่มีความสัมพันธ์กันเท่านั้นครับ” ผมกล่าวให้เธอสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะทำอะไรมากกว่านี้
“อืมม” เธอส่งเสียงตอบกลับมาพร้อมกับเอื้อมแขนมากอดร่างของผมเอาไว้ และผมก็กอดเธอกลับเช่นกัน ถึงแม้มันจะดูน่าผิดหวัง แต่ผมก็อยากจะตั้งตัวไว้ว่าผมไม่ได้มั่วไปทั่ว
หลังจากนั้นไม่นานเราทั้งสองก็วูบหลับไป
ตื๊ดๆ ตื๊ดๆ ครืดด
ฟึบ
“ไอ้ที…มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย!?” เสียงตวาดดังออกมาทำให้ผมตื่นขึ้น แต่ผมไม่ได้เป็นคนกดรับสายนั้น เป็นพี่เอมที่ถือโทรศัพท์ของผมอยู่ แสงอาทิตย์ได้สาดส่องเข้ามาในห้องทำให้ผมพอจะเห็นร่างคน และเห็นหน้าจากแสงที่ออกมาจากโทรศัพท์
“เพื่อนโทรมาน่ะ” พี่เอมกล่าวก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้กับผมก่อนจะฟุบตัวลงไปนอนต่อ
“ที…มึงอยู่กับใคร?” โดมกล่าวถามเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิง
“ไม่ต้องเสือก…เดี๋ยวกูโทรกลับ” ผมกล่าวก่อนจะตัดสายทิ้งไปและวางโทรศัพท์ลงบนข้างหมอนที่เดิม และนั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่พี่เอมรับสายแทนผมเพราะมันวางอยู่บนหมอนของเธอ แต่ที่จริงแล้วหมอนที่เธอนอนไม่ใช่หมอนจริงๆ นั่นคือแขนของผมต่างหาก
“พี่ปวดหัวไหม?” ผมกล่าวถามร่างบางที่นอนหนุนแขนผมอยู่
“อือ…ปวดหัว” เมื่อเธอตอบผม ผมก็ลุกขึ้นจากที่นอนและหยิบแก้วน้ำขึ้นมายื่นให้พี่เอมทันที
“เย็นอ่า” พี่เอมกล่าวหลังจากจับแก้วน้ำ
ฟึบๆ
“ยังเย็นอยู่ไหม?” ผมกล่าวถามหลังจากที่ขยับตัวมากอดเธอเอาไว้และใช้สองมือจับมือทั้งสองของเธอที่จับแก้วอยู่
“ยังเย็นอยู่” พี่เอมกล่าว แต่แท้จริงแล้วมันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นด้วยรอยยิ้มของเธอ
“อื้ม” ผมส่งเสียงตอบก่อนจะวางคางลงบนบ่าของเธอและกระชับกอดให้แน่นกว่าเดิม
“เมื่อคืนเขาเป็นใครเหรอครับ?” ผมกล่าวถามเมื่อเธอยิ้มออกมาได้
“คนคุยพี่เองแหละ…แต่เขา Toxic มาก”
“แล้วก็ทำร้ายพี่ด้วย…พี่ก็เลยออกห่างจากเขา" พี่เอมกล่าว แต่เธอก็ไม่ได้แสดงสีหน้าเศร้าออกมา เธอยังคงมีรอยยิ้มบางๆ
“หลังจากนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้น…พี่เรียกทีได้เลยนะ” ผมกล่าวก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ของผมขึ้นมาปลดล็อคและเปิด IG หรือ instagram พร้อมกับยื่นให้พี่เอม
“พี่โทรมาได้ตลอดเลย” ผมกล่าวย้ำก่อนจะกดรับคำขอติดตาม พี่เอมก็รับคำขอของผมเช่นกัน
“ขอบคุณนะ” พี่เอมกล่าวก่อนจะวางมือลงบนมือของผมที่กอดหน้าท้องของเธออยู่
“จะว่าไป…พี่ผอมมากเลยนะ”
“ไปกินข้าวกันเถอะเดี๋ยวทีเลี้ยงเอง” ผมมองเวลาในโทรศัพท์แล้วกล่าว ซึ่งที่จริงผมมีธุระที่ต้องไปจัดการ นั่นก็คือไปขึ้นเงินล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งในเวลาบ่ายสามโมง และในตอนนี้มันก็เที่ยงครึ่งแล้ว
“พี่ลุกไหวไหม?” ผมกล่าวถามแต่ร่างกายผมก็ช่วยพยุงร่างของพี่เอมลุกจากที่นอนไปซะแล้ว
“นี่…ทีมีผ้าขนหนูกับแปรงสีฟันสำรองด้วยนะ”
“แม่เตรียมไว้ให้”
“แม่บอกว่าเตรียมๆเผื่อไว้จะดีกว่าฮ่าๆ” ผมกล่าวพร้อมกับยื่นแปรงสีฟันที่ยังไม่ได้แกะออกจากกล่องให้กับพี่เอมและผ้าขนหนูที่ยังติดป้ายราคาให้เธอด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่าผมไม่ได้มีใครมาอยู่ห้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
“ทีคงจะมาจากครอบครัวที่อบอุ่นมากๆเลยสินะ” พี่เอมยิ้มอย่างสดใสและรับของพวกนั้นมาไว้ในบนมือ
“ลืมถามเลย…พี่จะอาบน้ำที่นี่ไหมครับ?…แล้วเราออกไปพร้อมกัน” ผมกล่าวถาม
“อื้อ…พอจะมีชุดบอลให้พี่ไหม?” พี่เอมกล่าวถาม ผมก็เลยเปิดตู้เสื้อผ้าและให้เธอเลือกเองกับมือ โดยที่ผมได้แยกฝั่งชุดนอน ชุดอยู่บ้าน ชุดเที่ยวและชุดนักศึกษาไว้แล้ว
“พี่ขอยืมชุดนี้หน่อยนะ” พี่เอมกล่าว ซึ่งเสื้อที่เธอหยิบมาคือเสื้อกีฬาสีของโรงเรียนดีบุก ส่วนกางเกงเธอใส่กางเกงเดิม
“ครับ” ผมกล่าวก่อนจะจับมือของพี่เอมและเดินเข้าไปในห้องน้ำ ด้วยอ่างล้างหน้าที่มีขนาดกว้างทำให้เราทั้งคู่สามารถแปรงฟันพร้อมกันได้สบายๆ
“พี่คงจะผิดหวังกับความรักมาเยอะใช่ไหม?” ผมกล่าวถาม เพราะเธอไม่ค่อยจะแสดงอาการอะไรออกมาเลยกับสิ่งที่ผมทำให้ ถึงแม้จะมีบางครั้งที่เธอยิ้ม แต่มันดูเหมือนยิ้มที่มีความสุขที่ได้รับสิ่งดีๆ ไม่ใช่ความชอบหรือความรัก
“พอสมควรเลย…ถ่ายลงเพื่อนสนิทนะ” พี่เอมกล่าวก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาถ่ายเราทั้งคู่ที่กำลังแปรงฟันและเอาสติ๊กเกอร์หัวใจสีแดงมาปิดหน้าของผมไว้ เราถ่ายกันแบบบูมเมอแรง
‘กูว่า…คงไม่ใช่ล่ะ’ ผมคิดในใจ ดูเหมือนสิ่งที่เธอทำมันคล้ายกับการบ่งบอกว่าเธอมีแฟน แต่บอกไว้แค่เพื่อนสนิทที่ตั้งค่าไว้หรือโหมด Close Friend
“พี่อาบน้ำก่อนเลยครับ…พี่เอมน่าจะเหนียวตัวมาก”
“เมื่อคืนทีอาบมาก่อนแล้วครับ” เมื่อเราทั้งคู่แปรงฟันเสร็จ ผมกล่าวก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปและคว้าโทรศัพท์ของผมขึ้นมาดู ปรากฏว่าพี่เอมตั้งผมไว้เป็นเพื่อนสนิทด้วย ผมเลยตั้งเธอเข้าเพื่อนสนิทของผมเช่นกันและแคปสตอรี่ของเธอมาลงในเพื่อนสนิทของผมเช่นกัน โดยที่โทรศัพท์เครื่องใหม่ของผม ผมเก็บไว้ในลิ้นชักที่โต๊ะข้างเตียงนอนและเอาหนังสือนิยายมาทับไว้เป็นอย่างดี
สักพักใหญ่ผ่านไป พี่เอมก็ออกมาจากห้องน้ำ ปรากฏเธอได้สวมเสื้อกีฬาของผมเรียบร้อย และกางเกงยังคงเป็นตัวเดิม ซึ่งเธอก็ได้นำผ้าเช็ดตัวของผมออกไปตากที่ระเบียงและเดินมาหาผมพร้อมกับพับผ้าห่มผืนใหญ่ให้
“พี่สวมแล้วดูเหมือนเด็กมัธยมปลายเลยครับ”
“ขอบคุณครับ” ผมกล่าวก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำและจัดการอาบน้ำโกนหนวดให้เรียบร้อย
“หน้าเราใสมากเลยนะ” พี่เอมกล่าวก่อนที่เราทั้งคู่จะออกไปจากห้อง
“ที่จริงแล้วผมมีความสุขมากๆต่างหากครับเลยมีความสดใส” ผมกล่าวและยิ้มให้พี่เอม ซึ่งมันทำให้พี่เอมรีบเดินลงบันไดไปก่อนผม
บรื้นน
“ว่าแต่เราขับรถยนต์เป็นหรือเปล่า?” พี่เอมกล่าวถาม มันเป็นครั้งแรกที่เธอชวนผมคุย
“ขับเป็นครับแต่ยังไม่มีใบขับขี่” ผมกล่าวพร้อมกับพี่เอมได้ขับเคลื่อนรถออกไปจากที่จอด
[ไอทีไอสัสเอาดีๆ]
ข้อความแจ้งเตือนการตอบกลับจากไอจีเด้งขึ้นมาบนโทรสัพท์ของผม ผมจึงเปิดขึ้นมาดูและตอบไอโดมไปทันทีว่า จริงๆ
[ของจริง ไม่ใช่การแสดง]
หลังจากนั้นผมและพี่เอมก็พูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับเป้าหมายในชีวิตของพี่เอม ส่วนของผมพี่เอมไม่ได้ถามผมก็ไม่ได้ตอบ และผมก็ถามไปเรื่อยๆจนรู้มาว่าเธออยากจะขยายร้านมุมหมาล่าให้ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น และทำให้ดีขึ้น แล้วเราก็ได้ไปกินข้าวกัน
ต่อมาผมก็ได้ขึ้นกรุงเทพไปลับๆ ผมจองตั๋วไว้เมื่อคืนเพื่อจะไปขึ้นรางวัลที่หนึ่ง ซึ่งมันต้องขึ้นที่สาขาหลักของธนาคารเท่านั้น และเมื่อผมทำอะไรเสร็จช่วงค่ำๆผมก็ขึ้นเครื่องกลับมาที่มหาลัยทันที และกว่าตะถึงก็ช่วงตีสามตีสี่แล้ว