การรอมันเสียเวลา
ซึ่งวันถัดไปผมก็ได้นัดพี่เอมให้มาซื้อรถเป็นเพื่อน และมันทำให้พี่เอมสับสนมากว่าผมเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ โดยผมได้เข้าไปที่ธนาคารและให้พี่เอมจัดการเรื่องถอนเงินมาให้เป็นเงินสด
ณ ร้านขายรถมือสองข้างๆธนาคารกรุงไทย
“จะซื้อรถแบบนี้…จริงๆเหรอเนี่ย?” พี่เอมกล่าว เธอถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียวเมื่อผมเดินมาหยุดข้างหน้ารถยนต์ BMW SUV ซึ่งราคามันติดไว้ที่หนึ่งล้านบาทถ้วน
‘สีหน้ามั่นใจแบบนี้…’ และเมื่อเจ้าของร้านเห็นท่าทางของผม เขาเลยรีบเดินมาหาผมทันที
“เก้าแสนได้ไหม?” ผมกล่าวถามไปตรงๆ เพราะถึงยังไงผมก็มั่นใจว่าขายออกยากมากแน่ๆ เนื่องจากที่นี่มันไม่ใช่กรุงเทพหรือจังหวัดที่มั่งคั่ง ทั้งร้านยังอยู่ที่อำเภอเล็กๆนี่ด้วย ถ้าจะซื้อก็คงจะเป็นคนที่มีตังจริงๆ
“ถ้าคุณจ่ายสดผมก็ยินดีที่เก้าแสน" เจ้าของร้านกล่าว ซึ่งดูจากท่าทีของเขาแล้ว เขาน่าจะร้อนเงินพอสมควร
“ผมจ่ายสด…อีกหนึ่งชั่วโมงเดี๋ยวผมมาใหม่”
“อ่ะ…ผมเซ็นเรียบร้อยแล้ว” ผมกล่าวพร้อมกับยื่นซองเอกสารให้กับเจ้าของร้าน ซึ่งในนั้นมีใบสำเนาทั้งบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน ซึ่งผมได้เซ็นรับรองความจริงและเขียนไว้ด้วยว่าใช้สำหรับซื้อขายรถมือสองที่ร้าน…
“จัดการให้เรียบร้อย” ผมกล่าวจบก็จับมือของพี่เอมและเดินออกไปจากร้านในทันที
“เอ้ย!” และเมื่อผมเดินออกมาที่หน้าร้าน ผมได้เห็นชายมีอายุคนหนึ่งกำลังจะโดนรถชน ทั้งที่รถในแถบนั้นได้หยุดให้เขาเดินผ่านไปแล้ว ผมจึงพุ่งออกไปผลักเขาจนทำให้ร่างของเขากลิ้งขึ้นไปบนฝากระโปรงรถ ส่วนผมก็พุ่งขึ้นไปบนกระจกรถและไถลไปอีกฟากของถนน ซึ่งรถมอเตอร์ไซต์ก็ได้ขับเคลื่อนมาพอดี ผมจึงต้องกลิ้งหลบเข้าไปทางเท้าของถนน และมันเฉียดฉิวมากๆ
ฟิ้ววว
“แม่ง…ขับรถเหี้ยไรวะ!” ผมตวาดดังลั่นใส่รถที่เพิ่งจะผ่านไปก่อนจะหันกลับไปมองคุณลุงที่เกือบจะโดนรถชน
“หืม…” ผมที่มองเห็นคนใส่หมวกคนนึงทำท่าทางแปลกๆ คนอื่นๆเขามุงดูเหตการณ์นี้กัน แต่ชายคนนั้นกลับเดินกดหมวกและรีบเดินเร็วๆ
“คุณลุง…เป็นอะไรไหมคะ?” พี่เอมวิ่งมากล่าวถามคุณลงด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาเองก็ปลิวไปเพราะแรงชนของผมเช่นกัน
“ทีบาดเจ็บตรงไหมไหม?” ก่อนจะหันมากล่าวถามผม
“ไม่เป็นอะไรครับ…คุณลุงเป็นยังไงบ้าง?” ผมกล่าวก่อนจะเดินไปถามคุณลุงและเดินพาแกเข้าฝั่งทางเดิน
“ผมขอโทษครับ” ผมยกมือขึ้นมาไหว้
“ลุงต่างหากที่ต้องขอบคุณ” คุณลุงกล่าวตอบผมทันทีและยกมือขึ้นมาจับแขนของผม
“ลุงขอบคุณเรามากนะ” ลุงกล่าวพร้อมกับยิ้มให้ผม
“มันเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้วครับ…ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมกล่าวก่อนจะยกมือขึ้นมาไหว้
“ไปกินข้าวกันไหมลุงเลี้ยง” คุณลุงกล่าวกลับมาทำให้ผมหนักใจ เพราะแกต้องการขอบคุณผมแน่ๆ แต่ผมก็นัดไปกับพี่เอมแล้วนี่สิ
“ไม่เป็นไรครับ…ขอบคุณคุณลุงมากครับ” ผมกล่าวตอบกลับไปแต่คุณลุงก็พยายามเดินตามผมมา
“ที…” ทำให้พี่เอมหันมามองหน้าผม ผมจึงถอนหายใจเบาๆ
“ครับคุณลุง…" ผมหันไปตอบรับคุณลุงจึงยิ้มให้ผม ทำให้เราทั้งสามคนเดินมาที่ร้านข้าวใกล้ๆ
“ลุงชื่อรัน…ลุงขอบคุณเรื่องเมื่อกี้มากๆนะ” ลุงรันกล่าว ซึ่งทำให้ผมยิ้มออกไป
“ครับผม…ผมชื่อทีครับ”
“ส่วนคนนี้ชื่อเอม” ผมกล่าวแนะนำตัวและยังคงยิ้มให้ลุงอยู่ ซึ่งลุงรันก็สั่งอาหารมาเยอะมากๆ
“ดวงตาของทีสวยดีนะ…ว่าแต่”
“ทีเป็นตำรวจหรือทหารล่ะ?” คุณลุงกล่าวทำให้ผมมองบนเล็กน้อย เพราะทรงผมของผมมันไม่ใช่ทรงเดียวกับพวกทหารหรือตำรวจ
“ผมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งครับ” เมื่อผมกล่าวออกไปทำให้คุณลุงตกใจเล็กน้อย
“แต่ท่างทางของเราเมื่อกี้มันเหมือนคนที่ถูกฝึกมาเลยนะ” ลุงรันกล่าว ซึ่งเมื่อผมกลับไปคิด มันก็จริง ท่วงท่าของผมมันดูคล่องแคล่วไปหมดราวกับอยู่ในสนามรบ เพราะในจังหวะที่ผมกลิ้งตัวไปบนพื้น ผมก็ใช้มือเอื้อมไปจับบริเวณเอวของผมด้วย เพราะความเคยชินที่ผมพกปืนพกเอาไว้บริเวณนั้น
“พอดีผมดูหนังมาเยอะครับแหะๆ” ผมกล่าวก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดื่มและหันไปมองทางอื่น
“มาทำงานกับลุงไหม?”
“ลุงเป็นตำรวจ” ลุงรันกล่าวทำให้ผมแทบจะสำลักน้ำ
‘ไม่นะ…ไม่เอาแล้ว’ ผมคิดในใจ ผมไม่อยากเข้ารับการฝึกหรืออยู่ใต้คำสั่งใครทั้งนั้นในชีวิตนี้
“ผมไม่ได้อยากเป็นตำรวจหรือทหารครับ” ผมกล่าวไปตรงๆ ผมรู้สึกอึดอัดมากเมื่อพูดถึงสองสิ่งนี้
“ถ้าอย่างนั้น…มาเป็นบอดี้การ์ดได้ไหม?”
“ช่วงนี้เกิดเรื่องแปลกๆรอบตัวลุงมากมายเลย” ลุงรันกล่าวออกมาทำให้ผมนึกถึงชายที่สวมหมวก
‘….' ผมคิดในใจสักพัก
“ผมไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้นครับลุงรัน" ผมกล่าวออกไป
“แต่ผมยินดีครับ” ก่อนที่จะคิดถึงเรื่องคอนแนคชั่น เพราะลุงรันแกเป็นตำรวจ แล้วอายุรุ่นแกน่าจะมีตำแหน่งใหญ่พอสมควร มีความสัมพันธ์ที่ดีไว้ก็ดี เผื่อในอนาคตแกจะช่วยเหลืออะไรเราได้
“เอ้านี่…เดี๋ยวลุงต้องไปก่อน” ลุงรันกล่าวพร้อมกับยื่นแบงค์พันให้ผมห้าใบ
“เอ่อลุงครับ…ลุง…” ผมเรียกลุงจะบอกว่าไม่รับเงิน แต่ลุงแกก็เดินออกจากร้านไปโดยไม่สนใจผมซะแล้ว ทำให้ผมได้เห็นรถตำรวจมากมายที่มาจอดรอหน้าร้าน และลุงรันก็ขึ้นไปคันข้างหน้าสุด ซึ่งก็มีตำรวจมากมายลงมาจากรถและทำความเคารพแก
“พี่คิดว่า…ลุงรันน่าจะยศใหญ่มากแน่ๆ” พี่เอมกล่าว ซึ่งผมก็คิดแบบนั้น
“ผู้บังคับการ พลตำรวจตรี…….” ผมอ่านตัวอักษรบนกระดาษที่ไว้ข้างใต้สุดของแบงค์เทาหลายใบ ทำให้ผมอึ้งมาก
“ใช่ครับ…ลุงรันยศใหญ่มาก” ผมกล่าวออกไปก่อนที่เราทั้งคู่จะนั่งกินอาหารมากมายข้างหน้า แต่เรากินยังไงก็กินกันไม่หมด ซึ่งระหว่างนั้นก็มีการแจ้งเตือนเงินหกล้านได้ถูกโอนเข้าบัญชีหมเรียบร้อย
“พี่จัดการเรียบร้อยแล้วน้อง” เจ้าของร้านรถมือสองกล่าวด้วยท่าทางยิ้มแย้มเมื่อผมเข้ามาในร้าน ซึ่งผมก็มาพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่มีโลโก้ธนาคารกรุงไทยอยู่ด้วย
“นี่ครับ…ขอบคุณมากครับ” ผมกล่าวพร้อมกับยืนกระเป๋าให้เจ้าของร้านและรับซองเอกสารรวมถึงกุญแจรถมาไว้ในมืออีกข้าง
“ขับรถปลอดภัยนะน้อง…ขอบคุณมากครับ” เจ้าของร้านรับเงินมาด้วยท่าทางดีใจ ผมยิ้มรับและเดินไปที่รถ
บรื้นน
“น้ำมันเต็มถังเลยนะ” ผมกล่าวก่อนจะหันไปมองพี่เอม
“พี่เอมเดี๋ยวผมมีธุระต้องคุยกับเพื่อน”
“ถ้ายังไงว่างแล้วเดี๋ยวติดต่อไปนะครับ”
“ขอบคุณมากครับ” ผมกล่าวก่อนจะยิ้มหวานๆให้พี่เอม
“อื้อ…งั้นพี่กลับก่อนนะ” พี่เอมกล่าวซึ่งผมก็พยักหน้าตอบรับ
ณ หอพักลาวา
ก๊อกๆ
ผมเคาะประตูห้องที่ผมเปิดไว้ให้ไอโดมเมื่อคืน ซึ่งสักพักโดมมันก็มาเปิดประตูให้ผม ดูเหมือนมันจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปใส่เป็นเสื้อคลุมของโรงแรม ที่จริงแล้วมันก็สูงเกือบเท่าผมเหมือนกัน หน้าตามันก็ไม่ได้แย่ ยิ่งมันไว้ผมยาวได้ทำให้มันดูดีพอสมควรเลยทีเดียว
“มาคุยกันหน่อย” ผมเดินเข้าไปนั่งบนเตียงและหยิบบุหรี่ไฟฟ้าออกมาสูบ
“เป็นไงสบายไหม?” ผมกล่าวถามเมื่อประตูห้องถูกปิดลงและมันก็เดินมานอนบนเตียง
“สบายดิ” มันตอบผมทันที ดูเหมือนมันจะสบายใจมากที่ได้นอนห้องพักแบบนี้
“มาทำงานกับกูไหม”
“เดี๋ยวกูจ่ายค่าห้องให้…ถ้ามึงทำงานดีกูให้เงินเดือนด้วย” ผมกล่าวทำให้มันตกใจมาก
“งานไรวะ?” มันกล่าวถามผมด้วยความสงสัย เพราะเมื่อคืนมันก็รู้ว่าผมเลี้ยงเหล้าไปหลายพันบาท ดูแล้วผมน่าจะหาเงินมาได้จริงๆ
“สร้างหอพัก สร้างที่ทำงาน เกี่ยวกับสิ่งที่มึงจะเรียนนี่แหละ” ผมกล่าวก่อนที่มันจะแสดงสีหน้ามึนงงและเอื้อมมาหยิบบุหรี่ไฟฟ้าจากมือของผมไปสูบ
“เดี๋ยว…กูยังไม่ได้เรียนเลยเพื่อน” มันตอบผม ทำให้ผมส่ายหน้า
“แล้วทำไมมึงไม่เรียน?” ผมจึงถามมันกลับไป
“ก็มหาลัยยังไม่เปิด” ไอโดมตอบผมมาทันที
“กูหมายถึงทำไมมึงไม่เรียน…มึงตอบให้ตรงคำถาม”
“มึงสามารถศึกษาได้ด้วยตัวเอง” ผมกล่าวกลับไปก่อนจะเอื้อมไปหยิบบุหรี่ไฟฟ้าจากมือของมันคืน
“เงินกับความรู้มันไม่มาหามึงหรอกถ้ามึงไม่เข้าไปหามัน”
“การรอมันเสียเวลา…มึงต้องจัดการเอง” ผมกล่าวเพื่อพยายามปลุกไฟให้มัน
“แม่งยากนะเว้ย!” มันกล่าวเสียงดัง
“แล้วมีเหี้ยไรง่ายบ้าง!” ผมส่งเสียงกลับไปทำให้มันเงียบลง
ฟึบๆ
“เงินนี้กูให้มึงไปเช่าห้อง”
“ถ้าเงินหมดมึงก็หาเอง”
“หรือมึงจะเอาไปใช้ทำเหี้ยไรก็ได้”
“ถ้ามึงมองว่ายาก…แล้วมึงบอกตัวเองว่าทำไม่ได้เมื่อไหร่มึงจะทำได้” ผมกล่าวก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
“แต่ถ้ามึงมองว่ามันยาก…แล้วมึงพยายามทำมันให้ได้”
“กูสนับสนุนมึงเต็มที่” ผมกล่าวก่อนจะเปิดประตูห้องแล้วเดินลงบันไดไปชั้นล่างสุด
‘กูเชื่อใจมึงนะเว้ยโดม’ ผมคิดในใจพลางขับรถออกไปจากหอพัก
ตี๊ดๆๆ
“ครับอาจารย์” ผมกล่าวทักทายปลายสาย
“ตอนนี้สะดวกไหม…อาจารย์จะนัดคุยกับอาจารย์สาขาคอนเทนต์และสื่อตอนบ่ายสี่ครึ่ง” อีกฝ่ายกล่าวทำให้ผมแสดงสีหน้าเหนื่อยๆ
“สะดวกครับ…" ผมตอบรับกลับไป
“ให้อาจารย์ไปรับไหม?…พอดีอาจารย์คอนเทนต์และสื่อเขามีประชุมต่อ” อาจารย์กล่าวถาม
“เดี๋ยวผมขับรถเข้าไปครับ…ที่ไหนครับ” ผมกล่าวถามกลับไป ซึ่งอาจารย์ก็ตอบกลับมาพร้อมกับผมที่ขับรถเข้าไปในมหาลัย
ณ ตึกวิชาการ 6
“สวัสดีครับๆ” เมื่อผมเข้ามาในห้องพักอาจารย์ ซึ่งมีอาจารย์ที่ปรึกษาของผมและอาจารย์อีกคนจากสาขาคอนเทนต์และสื่อ
“มาเลยครับๆมานั่งเลย”อาจารย์อีกสาขากล่าว ซึ่งผมก็ทำตามที่เขาบอก
“สวัสดีครับอาจารย์หนุ่ม” ผมยกมือขึ้นมาไหว้ ส่วนอาจารย์สาขาของผม ผมก็หันไปสวัสดีแกเช่นกัน
“ครับสวัสดีครับ…ได้ยินมาว่าเราอยากจะย้ายมาสาขาดิจิทัลคอนเทนต์และสื่อ?” อาจารย์หนุ่มกล่าวถาม และผมรู้แน่ๆว่าแกจะถามอีกเยอะ ซึ่งมันเสียเวลา
“ใช่ครับ…ผมมีความสามารถในการใช้โปรแกรม Photoshop, canva, sony vegas และ premiere pro”
“โดยในส่วนของ Premiere pro ผมจะเก่งมากครับ”
“ผมมีแพลนที่จะทำช่อง TikTok และ Youtobe เป็นคอนเทนท์แนวชีวิตประจำวันและอื่นๆอีกเพียบเลยครับ”
“ผมก็เลยอยากจะเรียนที่สาขาคอนเทนต์และสื่อเพราะแผนการเรียนทุกอย่างมันเหมาะสมกับงานที่ผมจะทำมากครับ”
“และมันจะทำให้ผมเติบโตการงานทางด้านนี้ไปอีกไกลครับ” ผมกล่าวออกไปทำให้อาจารย์ทั้งสองหันมามองหน้าผมทันที
“มองการณ์ไกลมาก…สุดยอดมากครับ” อาจารย์หนุ่มกล่าวด้วยความเหลือเชื่อ
“ถ้ายังไงผมต้องไปประชุมก่อนนะครับ…ฝากอาจารย์หนุ่มด้วยครับ” อาจารย์ที่ปรึกษากล่าวและลุกขึ้นยืน ซึ่งทั้งสองอาจารย์ก็พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่อาจารย์หนุ่มจะนั่งลงเหมือนเดิม
“ก็ไม่มีอะไรมาก…เดี๋ยวอาจารย์จัดการเรื่องย้ายสาขาให้ครับ”
“ขอบคุณครับอาจารย์” และเมื่ออาจารย์หนุ่มไม่ได้มีอะไรพูดกับผมต่อ ผมจึงลุกขึ้นและยกมือขึ้นมาไหว้ลาแก
“เดี๋ยวช่วงก่อนเปิดเทอมอาจารย์จะนัดปีหนึ่งมากินเลี้ยงกัน”
“ยังไงอาจารย์จะติดต่อไปนะครับ” อาจารย์หนุ่มกล่าว เพราะเขามีช่องทางติดต่อของผมหมดแล้ว เฟสบุ๊ค ไลน์ เบอร์โทรศัพท์ เนื่องจากเอกสารที่ผมเพิ่งจะกรอกไป ผมจึงไม่รอช้ารีบออกจากที่นี่ทันที และขับรถกลับไปที่หอพักของผม