ขับขานบทเพลงสหายเก่า
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วคุณปู่ซุน ก็เอ่ยคำลาอี๋ลู่ผิงอัน(เดินทางโดยสวัสดิภาพ) กับพริมมี่และสมศักดิ์พร้อมกับรอยยิ้ม
“ทำไมต้องกล่าวลาแบบนั้นด้วย สมศักดิ์กระซิบเราไม่ได้ไปไหนเสียหน่อย”พริมมี่ยิ้ม
“คุณปู่ซุนแกอายุตั้ง90ปีแล้ว คง หลงๆ ลืมกันไปบ้าง”
“พี่พริม เราลองเดินไปที่ต้นแปะก๊วยกันไหม”
พริมมี่เอาศอกกระทุ้งสมศักดิ์
“งัยตื่นเต้นละสิอยากจะเห็นสมบัติราชวงค์หมิงเข้าแล้วหรือไร ก็นะ เป็นถึงจักรพรรดิที่สาบสูญคงมีเงินมีทองมหาศาล หากไท่จูฮ่องเต้ไม่รักไม่ตามใจก็คงไม่แต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทยาทต่อจากพ่อที่ตายไป ทั้งๆที่มีลูกตั้งหลายคน”
พริมมี่ตั้งข้อสังเกต
“เลยทำให้คนเป็นอาไม่พอใจ ก่อกบฏ เฮ้อน่าสงสารเป็นฮ่องเต้ได้ไม่นานแล้วยังหายสาบสูญพี่พริมว่า เจี้ยนเหวินจักรพรรดิ โดนฆ่าไหม”
สมศักดิ์คนที่ขี้สงสารเอ่ยปากน้ำเสียงเศร้าๆ
“ไม่แน่ใจนะ เราไม่ได้อยู่ตรงนั้นแต่ไม่มีใครเห็นศพนี่”พริมมี่ถอนหายใจ
“แล้ว ที่บอกว่าเป็นฮ่องเต้ที่ไม่ดีล่ะ ล้มล้างสิ่งที่พระอัยกาทำไว้เสียหมดจนเอี้ยนอ๋องจูตี้ไม่พอใจ ก่อกบฏเสียเลยพี่ว่าจริงไหม”
“โอียนายจะมาถามฉันทำไม ไม่รู้สิ เขาเอาเป็นฮ่องเต้ที่เอาแต่ใจหรือเชื่อคำยุยงของขุนนางก็ได้แต่อย่างว่า ผู้ชนะจึงมีสิทธิ์เขียนประวัติศาสตร์ เขาหนีหายไปก็ไม่มีใครออกมาโต้แย้งลูกหลานก็กลัวเปลี่ยนชื่อแซ่หนีหาย”
“เฮ้อ ถ้ามีทามแมชชีนจริงๆ ก็ดีสิเนาะพี่พริมจะได้ย้อนเวลาไปดูว่า ใครผิดใครถูกใครดีใครไม่ดี”
“เราจะตัดสินใครดีหรือใครไม่ดีไม่ได้ บางคนก็ทำไปเพราะมีเหตุผลที่ยิ่งใหญ่กว่าการที่อยากให้คนอื่นมองตัวเองว่าดี”
พริมมี่ออกความเห็นตรงกลาง ทุกการกระทำชั่วมีเหตุผล
“ผมฟันธงเลยว่าเอี้ยนอ๋องจูตี้นี่แหละที่เป็นคนไม่ดีจะต้องหาทาง ยึดอำนาจคืน”พริมมี่ยิ้ม
“นายนี่ช่างจินตนาการ จริงๆ ไม่แน่น้าบางทีเจี้ยนเหวินจักรพรรดิอาจเป็นคนไม่ดีจริงๆ เอาล่ะจบเรื่อง จักรพรรดิทั้งหลายไว้ตรงนั้น นายจำไม่ได้เหรอว่าคุณปู่ซุนให้เราเก็บเรื่องนี้เป็นความลับความจริงเราก็คงไม่บอกใครหรอกเรื่องมันผ่านมาตั้งนมนานตั้งสามสี่ชั่วอายุคน รัฐบาลจีนก็คงไม่มีใครสืบเชื้อสายมาจากจักพรรดิหย่งเล่อสักคนหรอก เพราะไม่นานราชวงค์หมิงก็ล่มสลายไป แต่เรื่องจริงในตอนนี้คือ ตระกูลซุนที่หลบหนีก็ยังอยู่ที่นี่แล้วยังมีบทบาทอย่างมากในประเทศจีน ก็คงไม่มีใครมาเอาผิด”สมศักดิ์หัวเราะ
“พี่ว่าสมบัติจะเป็นอะไร”พริมมี่ดวงตาวาวโรจน์
“จะว่าไปของกำนัลมากมาย ตามลายแทงนั้น ของกำนัลที่ว่าจะเป็นอะไรได้บ้างน้าทอง ก้อนเงิน หรือว่าหยก”
“ ขอให้จริงอย่างนั้นเถอะกลัวแต่จะเป็นชาม กระเบื้องเคลือบ หลุมศพหรือไม่ก็แค่กระบี่สักเล่ม”
“อย่าหวังน้อยแบบนั้นทำงานใหญ่ใจต้องนิ่ง ต้องหวังสูงๆ จะได้มีแรงใจในการทำงาน ปะไปกันเถอะไปดูต้นไป๋กว่อกันยืมรถลุงพ่อบ้านไปดีกว่า”
รถสามล้อ ที่มีสมศักด์เป็นคนขับขี่ พริมมี่นั่งซ้อนท้ายถูกเร่งเครื่องผ่านทางที่วกวนยังจุดหมายที่พ่อบ้านบอกไว้
ต้นแปะก๊วยที่ถูกล้อมไว้ด้วย รั่วสีขาวสะอาดตาเด่นเป็นสง่า ใบแปะก๊วยสีเขียวสด ต้นใหญ่กลางเนินหญ้าสีเขียวขจี พริมมี่ยิ้มสดใส
“โอ้โห้ สวยจัง”สมศักดิ์เดินรอบๆ เนินดิน
“พี่พริม เป็นไปได้เลยนะเนี๊ยะถ้าใครสักคนจะฝังอะไรไว้ก็ต้องที่นี่แหละเด่นเหลือเกิน”
“ม่ายยย ฉันไม่คิดแบบนั้น ที่สวยๆ แบบนี้จะมาขุดให้มันเลอะเทอะทำไม”
“พี่พริมเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“อืมมมม จริงของนายนั่นมันตัวปลอมของฉัน”
“ถอดหน้ากากออกมาซะพริมมี่ฮ่าาาา”สมศักดิ์ทำเสียงดุดัน
“เลิกว่าร้ายฉันเสียที ฉันเป็นคนดีจะตายแค่ชอบเงินแค่ชอบจิกของมีค่าไปขายแล้วก็ไม่ยอมใครก็เท่านั้น” สมศักดิ์ อมยิ้ม
“แล้วมีอะไรดีบ้างฮะ”
“ก็รักพวกพ้องงัยแล้วก็ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
“ก็แค่นั้น ตกลงขุดเลยไหม”