มองย้อนคืน
“ขุดซี้ ไม่อย่างนั้นอดแน่ จากการคิดวิเคราะห์ของฉันแล้วฉันว่า เจี้ยนเหวินอะไรนั่นก็คงฝังอะไรไว้ที่นี่แหละ เพราะสมัยนั้นก็คงมีแต่ป่าเขาไม่โล่งแบบนี้ ตอนนี้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีคนเข้ามาดูมาถ่ายรูปเวลาใบแปะก๊วยเป็นสีเหลืองทองเก็บเงินได้อีก สมัยก่อนก็คงแค่สวยสมัยนี้อะไรก็เป็นเงินเป็นทอง”
“ขุดแล้วต้องลงมือปรับภูมิทัศน์ก่อนที่ใบแปะก๊วยจะเปลี่ยนสี”สมศักดิ์ลงความเห็น
พริมมี่พยักหน้า
“เอาตามนี้ พรุ่งนี้ลงมือได้เลย”
สมศักดิ์เองก็มีสีหน้าตื่นเต้นไม่แพ้พริมมี่
อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว พริมมี่นั่งห้อยขาที่หินอ่อนสีน้ำตาลเกือบจะกลายเป็นสีส้มก้อนใหญ่มหึมาที่ทำเป็นโต๊ะกลางและทำเป็นเก้าอี้ทั้งสี่ฝั่ง ไถลโทรศัพท์ในมือไปมาจู่ๆ ก็คิดถึงแม่อร
ร้อยวันพันปีไปถึงไหนถึงไหน ไม่เคยคิดถึงแม่ทำไมวันนี้คิดถึงแม่จัง หรือบรรยากาศมันเหงาๆ ก็ไม่รู้ พวกผู้ชายรวมทั้งสมศักดิ์และทีมขุดนั่งดูการแข่งขันฟุตบอลผ่านจอมอนิเตอร์เสียงเชียร์ดังลั่น
พริมมี่ปิดปากหาวพรุ่งนี้งานใหญ่ต้องเปิดหน้าดิน ต้องประสานงานและออกคำสั่งกับบรรดาทีมขุดที่วันนี้ให้ลุงพ่อบ้านอำนวยความสะดวกให้ โดยการโทรไปเช่ารถแมคโครคันเล็กมาเรียบร้อยแล้ว พริมมี่เดินผ่าน สมศักดิ์และคนอื่นๆ
“พี่ไปนอนก่อนนะพวกนายก็อย่านอนดึกพรุ่งนี้ ต้องทำงานใหญ่”
ไม่มีใครสนใจตกปากรับคำสักคน สนใจแต่หน้าจอ พริมมี่ส่ายหน้า เดินเข้าห้องด้านในที่เป็นห้องนอนที่มิดชิดรู้สึกอุ่นขึ้นมาทันที
“ประเทศจีนนี่หนาวแฮะ”
พึมพำเบาๆ กระโดดขึ้นแท่นนอน แบบจีนโบราณแต่มีเบาะรองนอนที่หนา ให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดีห่มผ้าหลับตา
“เหนื่อยมาทั้งวันหลับเสียทีเหอะ”รู้สึกสบายตัวที่สุด
เพียงพริบตาพริมมี่ก็หลับสนิท
กลางดึกสงัดนั่นเอง ร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ที่แท่นนอนหนา ที่พริมมี่นอนหลับตานิ่งสนิทในนั้น ดวงตาคมจ้องมองยังร่างบาง ริมฝีปากมีรอยยิ้มแห่งความปีติ
“เพียงหล่อหลอมร่วมกันใต้แสงจันทร์”
จ้องมองนาฬิกาพกตาไม่กะพริบ ก่อนทื่ร่างสูงจะค่อยๆ ออกจากห้องไป
“ฮ้าววววว”พริมมี่บิดขี้เกียจบนแท่นนอนแบบจีนโบราณ
“นอนสบายดีจัง เฮ้อนี่สิถึงเรียกว่าชีวิตกินอิ่มนอนหลับ นึกว่าจะแปลกที่นอนไม่หลับนี้เอาจนสาย”
ดึงเอา นาฬิกาที่ห้อยคอมาดู มันบอกเวลา07.49น.
ตายห่า นัดรถแมคโครไว้8.00น. วิ่งทะเลอทะล่าออกมา ไม่พบใครแล้ว ป้าแม่บ้านนำเอาขนมเฉียวกั่วมาวางให้ พร้อมกับโจ๊กใส่ไข่กับเนื้อไก่ฉีกยุ้ยในถ้วย
“กินก่อนค่ะคุณหนู”
พริมมี่กลืนน้ำลายลงคอน้ำลายสอ ป้าแม่บ้านเหมือนจะรู้ว่าพริมมี่ ชอบกินโจ๊กไก่ฉีก
“หนูจัดการตัวเองแป๊บค่ะเดี่ยวมากินว่าแต่ป้า พวกผู้ชายไปไหนกันหมด”
พูดภาษาจีนได้คล่องขึ้นเยอะคิดทึ่งในพัฒนาการของตัวเองจากที่แค่งูๆ ปลาๆ ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง วันนี้คล่องป้อเลย
“อ๋อ มิสเตอร์สมศักดิ์บอกว่าเขาไปเปิดหน้าดินรอคุณแล้วให้คุณหนูไปสำรวจอีกที”พริมมี่พยักหน้าหงึกหงัก
หันหลังเดินเข้าห้องน้ำที่แยกกลับเข้าไปในห้องคว้าเอากระเป๋าสัมภาระมาจัดการค้นหาข้าวของส่วนตัว แล้วเดินไปด้านข้างที่เป็นห้องน้ำที่ทำแบบร่วมสมัยสะดวกสบายไม่น้อย จัดแจงธุระส่วนตัวเรียบร้อยใบหน้าสะอาดสะอ้าน แค่แป้งฝุ่นกับ ลิปติกสีอ่อน วันนี้ไม่มีแดด นั่งลงบนโต๊ะกินโจ๊กที่ ป้าแม่บ้านนำมาวางไว้ให้พร้อมฝาปิด จนหมดชาม
“คุณหนูคะกินขนมด้วยค่ะ” เลื่อนจานขนมตรงหน้า
“อ่า วันนี้พริมไม่รับของหวานค่ะ”ป้าแม่บ้านยิ้มบางๆ
“สักชิ้นก็ยังดีค่ะแล้วคุณหนูจะรู้สึกสบายขึ้น ของหวานทำให้อารมณ์ดีรับรองอารมณ์ดีทั้งวัน”
หยิบมากำไว้ชิ้นหนึ่งแล้วสะพายกระเป๋า
“หนูต้องรีบไปแล้วค่ะ เดี๋ยวไม่ทันเขาเปิดหน้าดิน ลึกไปตื้นไปจะไม่เจออะไร”แม่บ้านยิ้มส่ง
“เดินทางปลอดภัยค่ะคุณ”
คำกล่าวลา เหมือนกับที่ปู่ซุนพูดเมื่อวานพริมมี่ยิ้มโบกมือให้
พริมมี่ ขึ้นนั่งบนจักรยานยนต์สามล้อ คันเดิมเมื่อวานแสดงว่าสมศักดิ์ทิ้งไว้ให้พริมมี่ไม่นานก็มาถึงเนินที่มีต้นไป๋กว่อยืนต้นรับลม ด้านล่างที่บัดนี้กลับถูกแมคโครตักดินเปิดหน้าดินออกเสียเกือบเสร็จเห็นกองดินสีน้ำตาลตัดกับพื้นหญ้าสีเขียวชัดเจน
สมศักดิ์รีบเดินตรงมาหาพริมมี่