บทที่ 1
กริ๊ง...
ไรรีย์สะดุ้งตื่นเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกเตือนตอนเข็มสั้นของนาฬิกาเคลื่อนมาถึงเลขเจ็ด เธอลุกขึ้นด้วยอาการหอบและเหนื่อยจากฝันร้าย
ความฝันนี้ติดตามเธอยาวนานเกินไป นับตั้งแต่เธออายุสิบเก้าปี
ผู้ชายคนนั้นเข้ามาอยู่ในความฝันของเธอ ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ในทีแรก ไรรีย์มองเห็นหน้าของชายคนนั้นไม่ชัดเจนนัก ทว่า สายตาที่เปล่งประกายในความมืดของเขายามมองมาที่เธอมีอารมณ์หลากหลาย เดิมเขามองเธอด้วยแววตารักใคร่เสน่หา แต่ยิ่งเธอฝันเห็นเขาบ่อยขึ้น ความรักจากสายตาของเขาหายไป แล้วแทนที่ด้วยความเกลียดชัง
และตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอฝันเห็นเขา เขาก็พูดด้วยภาษาจีนตลอด ซึ่งตรงข้ามกับชุดที่เขาสวมใส่ที่ออกแนวสไตล์อาหรับ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงฝันเห็นเขาทุกคืน
ทว่า ในช่วงหลังๆ ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว แต่ไรรีย์ยังเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในความฝันของเธอด้วย เป็นผู้หญิงร่างเล็กในชุดจีนโบราณ
ความรู้สึกหวาดกลัวจู่โจมเข้ามาในหัวใจของเธอ ไม่จริง เธอคงไม่ได้ฝันถึงเรื่องราวในอดีตชาติหรอก...ใช่ไหม
หญิงสาวส่ายหน้าให้กับความคิดเพ้อเจ้อนั้น
เมื่อขบคิดถึงความฝันเหล่านั้นและคิดไม่ออกอีกแล้ว ไรรีย์จึงหันไปกดปิดเสียงนาฬิกาปลุก ก่อนหยิบโทรศัพท์กดเบอร์โทร.หา ‘ซีน่า กรีนส์’ พี่สาวที่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยกัน
ปลายสายรับโทรศัพท์ ไรรีย์รีบพูดทันที
“พี่ซีน่า ฉันฝันเห็นเขาอีกแล้ว!”
“อีกแล้วงั้นเหรอ” ซีน่าไม่ได้มีน้ำเสียงตกใจมากนัก นั่นเพราะไรรีย์มักเล่าความฝันให้ฟังเสมอ อีกทั้งซีน่าเองก็มักเห็นเรื่องราวแปลกๆ ไม่ต่างจากเธอเช่นกัน เพียงแต่ซีน่าไม่ได้ฝัน แต่เธอเห็นภาพเลือนรางลอยอยู่ตรงหน้า คล้ายกับวีดีโอที่ฉายซ้ำไปมา และนั่นคือสาเหตุว่าทำไมไรรีย์ถึงเลือกปรึกษาซีน่า
“ใช่ค่ะ อีกแล้ว...เขาตวาดใส่ฉันอีกแล้ว ที่น่าแปลกกว่านั้นคือฉันมีความรู้สึก” ไรรีย์พูดเสียงตื่นกลัว ก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วตอนนี้พี่ซีน่าอยู่ไหนคะ ฉันไม่ได้กวนพี่นะ”
ความจริงไรรีย์กับซีน่าไม่ได้มีสายสัมพันธ์ทางสายเลือด ‘กรีนส์’ เป็นนามสกุลที่เธอกับซีน่าตั้งขึ้น และหลังจากที่พวกเธอออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้น พวกเธอสร้างเนื้อสร้างตัวบนสายอาชีพที่ต่างก็ถนัด
ซีน่าชื่นชอบการทำอาหาร ปัจจุบันเป็นเชฟในภัตตาคารหรูในแมนฮัตตัน ส่วนไรรีย์ชอบถ่ายภาพ เธอเป็นช่างภาพให้กับนิตยสารชื่อดัง
“ไม่กวนจ้ะ ตอนนี้พี่ยังอยู่ที่นอร์เวย์” ปลายสายตอบ
“นั่นสินะคะ พี่ซีน่าก็พบเจอเรื่องราวแปลกๆ เหมือนกัน ถึงไม่ถูกผู้ชายชี้หน้าตวาดใส่ก็เถอะ แต่มันก็แปลกอยู่ดี” เวลาไรรีย์ตื่นเต้นหรือกำลังหวาดกลัว เธอมักพูดไม่หยุด เหมือนที่กำลังทำในตอนนี้ “ความจริงฉันก็ควรทำเหมือนพี่ซีน่า เดินทางไปค้นหาความจริง แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ฉันไม่...”
“นี่ ไรรีย์” ซีน่าเรียกชื่อหญิงสาว ทำให้ไรรีย์ได้สติ และหยุดพูดทันที
“คะ?”
“หากอยากรู้คำตอบของความฝัน พี่แนะนำให้เธอก้าวออกไปค้นหามันและ...แก้ไข”
คำว่า ‘แก้ไข’ ซีน่าใช้น้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก นั่นเพราะตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จไหม แต่วินาทีต่อมาก็พูดต่อ
“เพื่อยุติความฝันซ้ำซากนั่น เธอต้องเดินทางตามหาความจริง”
ค้นหาความจริง?
ไรรีย์คิดว่านั่นคือสิ่งที่ซีน่ากำลังทำ และซีน่ากำลังแนะนำให้เธอเดินทางค้นหาความจริงเช่นเดียวกับเธอ...เธออาจเข้าใจหากผู้ชายในฝันไม่ตวาดว่าเธอ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เขาทำให้เธอหวาดกลัว
“เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหมจ๊ะ” ซีน่าพูดขึ้น ตอนที่ไรรีย์เงียบและเหม่อลอย
ไรรีย์ยิ้มให้กับมือถือของเธอ ก่อนจะสูดหายใจ และตอบด้วยเสียงสดใสเป็นธรรมชาติ “เข้าใจชัดเจนเลยค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ซีน่า”
“จ้ะ พี่เป็นห่วงเธอนะ ไรรีย์” ปลายสายบอก
“ฉันคิดถึงพี่นะ”
“จ้ะ พี่ก็คิดถึงไรรีย์”
จากนั้นทั้งสองก็เงียบ ซีน่าอาจยิ้มเช่นเดียวกับไรรีย์ แต่ในที่สุดต้นสายก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
“พี่ซีน่าคะ ค้นหาความจริงของเรื่องราวประหลาดนั้นได้หรือยังคะ”
แน่นอนว่า ‘เรื่องราวประหลาด’ ที่ไรรีย์เอ่ยถามไม่ใช่เรื่องของเธอ แต่เป็นของซีน่า
“ยังเลย”
ซีน่าตอบ และเงียบราวกับว่าเธอกำลังคิดถึงอะไรสักอย่าง...อะไรที่ทำให้น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไป จากหญิงสาวนิ่งเงียบกลายเป็นหญิงสาวที่กำลังมีความรัก เพราะน้ำเสียงของซีน่าไม่เย็นชาอีกแล้ว แต่หวานสดใสเมื่อพูดเสริมว่า
“แต่พี่รับรองว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่เสียเปล่า ไม่ว่าความจริงนั้นจะค้นหาได้หรือไม่ แต่หนทางข้างหน้าไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเธอนะ เธออาจพบเพื่อนใหม่หรือคนรู้ใจก็ได้ พี่อยากให้เธอออกเดินทางไปกับมัน ไรรีย์ เธอต้องเดินทางไปกับมัน”
เดินทางไปกับมัน?
ไรรีย์นิ่งคิด แทบไม่เชื่อว่าคนนิ่งเฉยจนเหมือนไม่สนใจอะไรอย่างซีน่าจะพูดปลุกเร้าคนอื่นด้วยคำพูดเป็น
ซีน่า กรีนส์เปลี่ยนไป แต่ไรรีย์เชื่อว่าการเปลี่ยนไปในครั้งนี้ของ
ซีน่ามีผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะเธอชอบให้ซีน่าพูดประโยคยาวๆ ชอบให้ฝ่ายนั้นมองโลกรอบตัวมากกว่าตัวเอง อาจจะดอกไม้หรือทะเลสาบ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องปรุงหน้าเตาของเธอ และตอนนี้ซีน่าเป็นทุกอย่างอย่างที่เธอเคยภาวนาให้ฝ่ายนั้นเป็น
“ได้ค่ะ พี่ซีน่า ฉันจะเดินทางไปกับมัน”
ไม่นานนัก ไรรีย์ก็ตอบผ่านโทรศัพท์ คงถึงเวลาที่เธอต้องออกเดินทางเหมือนอย่างซีน่าแล้ว
“ดีจ้ะ เดินทางปลอดภัยจ้ะ ไรรีย์” ปลายสายตอบ ก่อนจะกดวางสาย
ไรรีย์วางมือถือลงบนโต๊ะข้างเตียง มองออกนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด