องค์ชายสาม
หลังจากจบสนทนากับมารดา จางเหม่ยอิงตัดสินใจเดินออกมาพร้อมกับหงเอ๋อร์ที่คอยเดินตามดูแลอยู่ข้างๆ
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านกังวลเรื่องการแต่งงานกับองค์ชายหวังกู้หย่งหรือไม่?” หงเอ๋อร์เอ่ยถาม
“จะว่าไปก็ใช่…ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาแต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ แถมท่านแม่บอกว่าฝั่งครอบครัวองค์ชายไม่ชอบพวกเรา แล้วข้าจะใช้ชีวิตกับเขาได้อย่างไร?”
ภายในจวนเมฆาหิมะ แสงแดดส่องผ่านรั้วสูงที่ปกคลุมด้วยเงาหิมะ หวังกู้หย่งขมวดคิ้วขณะตั้งสมาธิจดจ่อกับเป้าหมายข้างหน้า
องค์ชายสาม หวังกู้หย่ง เป็นชายหนุ่มที่งามสง่าราวกับเทพเซียน รูปร่างสูงโปร่งและสง่างาม ผิวพรรณขาวกระจ่างตัดกับดวงตาคมเข้มลึกซึ้งซึ่งมักแฝงความเย็นชา สันจมูกโด่งเป็นเส้นตรงรับกับใบหน้าได้รูปที่เฉียบคม ทุกครั้งที่เขายิ้มหรือแม้แต่สบตาเพียงชั่วครู่ มักสะกดสายตาของผู้คนรอบข้างให้หยุดนิ่งด้วยความน่าเกรงขามและเสน่ห์อันทรงพลัง
เขาดึงสายธนูให้ตึง มองไปยังเป้าที่อยู่ไกล ทันใดนั้น เสียงของเหว่ยเฟิง องครักษ์ประจำตัวดังขึ้นอย่างนอบน้อม
“องค์ชาย…ว่ากันว่าคุณหนูจางฟื้นขึ้นมาแล้ว ทุกคนคิดว่านางจะต้องตาย แต่นางกลับฟื้นขึ้นมาอย่างไม่มีใครคาดคิด เราจะทำอย่างไรต่อดีพ่ะย่ะค่ะ?”
หวังกู้หย่งลดธนูลง แววตาคมกริบของเขาสะท้อนความเย็นชาที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ฟื้นมางั้นหรือ? หากเสด็จพ่อบอกให้ข้าแต่งกับนาง ข้าก็ต้องแต่ง… จะให้ทำอย่างไร ยกเลิกการแต่งงานให้ถูกเนรเทศหรือถูกสั่งประหารงั้นหรือ”
เขายักไหล่เล็กน้อยอย่างไม่สนใจ “ถ้าต้องแต่งงานกันก็แต่งนางเข้ามาก่อน แล้วค่อยว่ากันทีหลังว่าจะจัดการนางอย่างไร”
เหว่ยเฟิงพยักหน้าเบาๆ แต่ยังมององค์ชายด้วยความกังวล
“กระหม่อมแค่กลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้พระองค์…”
หวังกู้หย่งตวัดสายตามามองเหว่ยเฟิง ทำให้องค์รักษ์หนุ่มเงียบลงไปในทันที เขาหันกลับไปจับคันธนูอีกครั้ง
“ข้าเกลียดคนแซ่จาง ไม่ว่านางจะฟื้นมาหรือไม่ข้าได้ใส่ใจไม่ นางก็เป็นได้แค่เพียงตัวหมากในแผนการของเสด็จพ่อก็เท่านั้นเอง”
หวังกู้หย่งหวนคิดไปถึงแม่ทัพใหญ่ ผู้ที่เป็นดั่งอาจารย์ที่เขาเคารพเทิดทูนดุจบิดา ภาพที่แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นนอนเสียชีวิตอย่างปริศนาและถูกโยงไปยังตระกูลจางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความแค้นที่บ่มเพาะจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้ฝังรากลึกอยู่ในใจของเขาจนยากที่จะปล่อยวาง
“แต่หากเป็นความประสงค์ของฝ่าบาท องค์ชายจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับคุณหนูจางในฐานะพระชายา…”
หวังกู้หย่งยิงธนูออกไปอย่างแรง เสียงธนูแหวกอากาศดังก้อง เสียดแทงเป้าหมายอย่างเต็มแรงราวกับว่าคุณหนูจางคนนั้นเป็นเป้านิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“ใช้ชีวิตร่วมกันงั้นหรือ?” เขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ข้าจะเป็นเพียงพระสวามีแต่งและอยู่กับนาง ความรักจากข้าอย่าหวังเลยว่านางจะได้รับมัน”
จางเหม่ยอิงยืนมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกด้วยความหลงใหลราวกับว่าเธอเพิ่งเคยเห็นใบหน้าอันงดงามของตัวเองเป็นครั้งแรก...
เส้นผมดำขลับยาวสลวยล้อมรอบใบหน้าเรียวเล็ก ผิวพรรณขาวนวล แก้มแดงระเรื่อราวกับกลีบกุหลาบ ดวงตาคู่งาม และจมูกโด่งรับกับริมฝีปากที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดใส
จางเหม่ยอิงหมุนตัวอย่างรวดเร็วไปมา ยิ้มยกมุมปากยกขึ้นอย่างพอใจก่อนจะเริ่มสำรวจเรือนร่างที่มีความอ่อนช้อยในชุดฮั่นฝูเต็มยศ
หงเอ๋อร์และหลิวกงหยวนได้แต่มองดูนายของตนด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งประหลาดใจและกังวลใจ พวกเขาไม่เคยเห็นคุณหนูจางในท่าทีเช่นนี้มาก่อน เหมือนว่าเธอได้กลายเป็นคนใหม่ ไม่ใช่คุณหนูที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อยเช่นเคย