พานพบ
จางเหม่ยอิงบอกหงเอ๋อร์และขบวนของผู้ติดตามว่าอยากจะไปที่ร้านหนังสือ หงเอ๋อร์จึงเดินไปส่งไปถึงหน้าร้านและถึงแม้จะเป็นห่วงคุณหนูแค่ไหน แต่ก็ยอมให้คุณหนูเข้าไปเพียงคนเดียวตามคำขอของนางว่าอยากได้ความเป็นส่วนตัว
เมื่ออยู่ในร้าน จางเหม่ยอิงเลือกดูหนังสือตำราต่างๆ อย่างสนอกสนใจ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรและตำราอักษรโบราณ ทันใดนั้น หญิงสาวก็รู้สึกเหมือนมีสายตาแปลกๆ จ้องมองมา จางเหม่ยอิงหันไปและชนเข้ากับแผงอกของชายหนุ่มคนหนึ่ง
หญิงสาวถอยหลังออกมา มองเขาอย่างตกใจ!
ใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้านั้นดูคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด นี่คือใบหน้าของอาจารย์หวังที่เธอแอบรักชัดๆ! ทว่าดวงตาของเขาเย็นชาและดุดัน ไม่อบอุ่นเช่นที่เคยเป็น..
"หลีกทางให้ข้าเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่รู้จักท่าน และข้าก็จะกลับจวนแล้ว"
จางเหม่ยอิงตอบเสียงเรียบพลางสงวานท่าทีของตัวเองอย่างแนบเนียนไม่ให้ตื่นเต้นไปกับใบหน้าที่หล่อเหลาเหมือนกับอาจารย์หวัง
ชายหนุ่มตรงหน้าขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
"เจ้าจำคู่หมั้นของตัวเองไม่ได้หรือ? เราเจอกันออกบ่อยไป จางเหม่ยอิง"
จางเหม่ยอิงยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คู่หมั้น? อย่าบอกนะว่านี่คือองค์ชายสามคนนั้น?
"จำไม่ได้ก็คือจำไม่ได้ ข้าขอให้ท่านหลีกทางเพราะตอนนี้ข้าไม่มีเวลามาสนทนากับท่านนักหรอก องค์ชาย"
หวังกู้หย่งประหลาดใจกับท่าทีของหญิงสาวตรงหน้าเป็นอย่างมาก ปกติจางเหม่ยอิงเป็นคนขี้กลัวแค่สบตาเขาก็หน้าซีดแล้ว แต่คราวนี้นางกลับยืนประจันหน้าและถียงเขาอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
“เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้จริงหรือ จางเหม่ยอิง? ที่ข้าเข้าหาเจ้าในวันนี้ก็เพราะข้าเพียงต้องการให้เจ้ายกเลิกงานแต่งงานนี้ ข้ามีคนที่อยากแต่งงานด้วยอยู่แล้ว นั่นคือผิงชิงเสีย หากไม่ใช่เหตุผลนี้ข้าคงไม่เดินเขาหาคนตระกูลจางที่น่ารังเกียจอย่างเจ้าหรอก”
จางเหม่ยอิงหัวเราะเบาๆ “เช่นนั้นก็ยกเลิกเองสิ ข้าไม่ได้รักท่าน และไม่อยากแต่งงานกับท่านเช่นกัน แต่ข้าจะไม่เป็นฝ่ายขอยกเลิก เพราะถ้าตระกูลจางของข้าขัดราชโองการ ฮ่องเต้ก็ต้องประหารครอบครัวของข้า แต่ถ้าฝ่ายของท่านยกเลิกเอง ฮ่องเต้ก็คงจะไม่ทำอะไรท่านหรอกเพราะท่านเป็นบุตรของเขา หรือว่าท่านไม่กล้า?”
หวังกู้หย่งจ้องมองจางเหม่ยอิงด้วยความโกรธเกลียด ทว่าไม่ทันได้ตออะไรบ ตวนเฟิงก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
"องค์ชายสาม ฮองเฮาทรงเรียกพบท่านพ่ะย่ะค่ะ"
หวังกู้หย่งหันมองตวนเฟิง ก่อนจะปรายตามองจางเหม่ยอิงอย่างเย็นชาโดยไม่เอ่ยอะไร เขาหันหลังเดินออกจากร้านไปทันที ทิ้งให้จางเหม่ยอิงยืนอยู่ลำพังด้วยความรู้สึกโล่งใจและสงสัยถาโถมเข้ามาพร้อมกัน
“หน้าตาเหมือนกันก็จริง แต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว อย่างไรจารย์หวังก็ดีกว่าเห็นๆ”
ไม่กี่วันหลังจากนั้น เสนาบดีจางซวนหลงตัดสินใจส่งจางเหม่ยอิงกลับไปเรียนที่สำนักศึกษาในวังหลวงตามเดิม
“อิงเอ๋อร์ พ่อเห็นว่าเจ้าหายดีแล้ว ควรกลับไปที่สำนักศึกษาเถอะ หากขาดเรียนนานเกินไป เกรงว่าผู้อื่นจะมองเจ้าไม่ดี พ่อไม่อยากให้ใครว่าร้ายลูกของพ่ออย่างนั้นเลย”
“นั่นสิ ข้าเองก็เห็นด้วยกับพ่อของเจ้า เกรงว่าหนูชิงเอ๋อร์และสหายคนอื่นๆ คงคิดถึงเจ้าเต็มที” มารดาของนางเสริม
จางเหม่ยอิงยิ้มเล็กน้อยในใจ ‘ผิงชิงเสีย...ดีแล้ว ข้าจะใช้โอกาสนี้สืบเรื่องยาพิษให้ได้’
“หากท่านพ่อและท่านแม่เห็นสมควร พรุ่งนี้ข้าจะกลับไปเรียนเจ้าค่ะ”
ในสำนักศึกษาแห่งนั้น เป็นที่รวมตัวของบุตรสาวบุตรชายขุนนาง รวมถึงองค์หญิงและองค์ชายที่ต้องมาเข้าร่วมเรียนเช่นกัน งั้นก็เป็นได้ว่าวันพรุ่งนี้นางอาจจะต้องพบคู่หมั้นแสนหยาบคายผู้นั้น