Chapter 5
“พร้อมไหมเอมมี่” เขาคำรามถามสาวคู่นอนร้อนฉ่าเสียงต่ำแหบพร่า บ่งบอกอารมณ์แห่งไฟปรารถนา
“ฉันพร้อมตั้งแต่เจอหน้าคุณแล้วค่ะที่รัก” หล่อนเรียกเขาด้วยอารมณ์สวาท อันเต็มเปี่ยมไปด้วยความใคร่หาใช่ความรัก แต่ถ้าคืนนี้เข้าขากันดีหล่อนอาจรักเขาโดยไร้ข้อกังขา ในเมื่อชายหนุ่มช่างเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติภายนอกไร้ข้อกังขา ส่วนฐานะการงานค่อยว่ากันทีหลัง ในเมื่อหล่อนมีพร้อมในด้านนั้น ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพรรค์นั้น
“งั้นก็ดี” เขาว่าพร้อมกับมือใหญ่จับเรียวขายาวของหล่อนกางออก เพื่อส่งผ่านความมหึมาแห่งความเป็นตัวตนของเขาเข้าไปสู่เส้นทางที่หยาดเยิ้มรอคอยการเข้าไปสำรวจของเขา
เอมิลี่รอคอยด้วยความกระดี๊กระด๊า หล่อนแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่เคยแดงสด หากแต่ตอนนี้ลดความเจิดจ้าลง เพราะได้เล็มเลียความอร่อยด้านล่างที่ผึ่งผงาดของชายชาติทหารอันแข็งแรงพร้อมรบ ดังนั้นฮอว์คจึงองอาจขยับเข้าจดจ่อความเป็นตัวตนกับเส้นทางสายน้ำผึ้งของหล่อน ทันใดนั้นเองท่วงท่ามุ่งมั่นตั้งใจกลับต้องชะงักเมื่อ...เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของเขาได้กรีดร้องขึ้นอย่างไม่รู้เวล่ำเวลา
“เฮ้ย!!” ฮอว์คสบถเสียงต่ำขัดใจพร้อมทั้งส่งเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอ หากแต่เขากลับไม่สน หันกลับมาหาเอมิลี่และขีปนาวุธที่กำลังจ่อข้าศึก มั่นใจว่าเสียงกรีดร้องจากในกระเป๋ากางเกงคงยุติลงเมื่อเขาไม่คิดจะรับ ทว่าไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อมันดับลงไป แล้วจึงดังขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง “ตายห่านี่มันอะไรกันวะ” ชายหนุ่มผู้ถูกขัดใจก่นด่าแล้วพาตัวเองก้าวลงจากเตียง ยกมือขยี้ผมอย่างขัดใจด้วยอารมณ์สวาทถูกขัดขวาง
ฮอว์คก้มลงไปหยิบกางเกงที่ถูกถอดทิ้งจากมือคู่นอน ชายหนุ่มมองหล่อนขณะควานหาเสียงรบกวนในกระเป๋าที่ไม่ยอมหยุด เขาควรปิดมันตั้งแต่ออกจากคลับนั่น ไม่ควรให้มันมากรีดเสียงรบกวนอย่างตอนนี้ แล้วเขาก็บรรเลงเพลงสวาทกับเอมิลี่อย่างจุใจ และเมื่อโทรศัพท์เจ้าปัญหามาอยู่ในมือ ดวงตาคมกริบโฉบเฉี่ยวของเขาก็ถึงกับเบิกกว้าง อารมณ์สวาทหดหายลดเพดานบินจนมาถึงพื้นดิน
“ครับท่านจอมพล” เขาเอ่ยทักทายเสียงเครียดเมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงน่ารำคาญนั่นคือผู้บังคับบัญชาชั้นสูงสุด เวลาป่านนี้ทำไมท่านยังไม่เข้านอนบนเตียงนุ่มกับภรรยาสุดที่รักของท่านจอมพลอากาศไทเลอร์ ดีคอนฌอน
“ผมต้องขอโทษที่โทร.มารบกวนเวลาพักร้อนของคุณนะฮอว์ค”
“ครับท่าน” แม้เสียงตอบรับของฮอว์คจะฟังดูเข้มแข็ง หากแต่กายแกร่งด้านล่างช่างปวดร้าวหนักหน่วงที่ไม่ได้รับการปลดปล่อย เขามองไปยังเอมิลี่ก็พบว่าหล่อนห่อเหี่ยวในการรอความหวัง ทั้งที่อาหารจานร้อนกำลังจะส่งถึงปาก หากแต่กลับมีฟ้าผ่าลงกลางกบาล เขาเองก็ไม่อยากให้เกิดแต่ทำยังไงได้นั่นผู้บังคับบัญชาโทร.มา
“คุณกำลังทำอะไรอยู่หรือเปล่า”
“ไม่ครับ ผมกำลังพักผ่อนไม่มีอะไรมาก” ใครจะบอกได้ล่ะว่าตอนนี้เขากำลังจะกินแม่สาวไฟแรงสูงที่นั่งเปลือยกายรออยู่บนเตียง
“งั้นก็ดี เวลาพักร้อนของคุณคงหมดลงแล้ว รีบบึ่งรถออกมาพบผมที่กองบัญชาการภายในหนึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้ ย้ำว่าด่วน ผมได้รับรายงานด่วนพิเศษ เราคงรอช้าไม่ได้อีกต่อไป” ท่านจอมพลอากาศไทเลอร์ ดีคอนฌอน กล่าวด้วยน้ำเสียงห้าวทุ้มองอาจ ในแบบผู้บังคับบัญชาสูงสุดแห่งกองทัพอากาศ ราวกับกำลังเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากล
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับท่าน” เขาถามด้วยน้ำเสียงกังวล หากแต่สิ่งที่กำลังเฝ้ารออยู่นี้ส่งความกังวลให้เขามากกว่า ทว่าถ้าสิ่งที่ผู้บังคับบัญชากล่าวมาคือเรื่องในหน้าที่เพื่อชาติ เขาก็คงต้องละทิ้งความสุขส่วนตัวที่ส่งแววตาตำหนิปริบๆ มาทางเขาลงกลางคันอย่างทำอะไรต่อไม่ได้ ถ้าเมื่อเขาต้องบึ่งรถไปกองบัญชาการพิเศษในอีกหนึ่งชั่วโมง เขาคงทำอะไรต่อกับสาวเจ้าไม่ได้แม้แต่จ่อปากทางก็ทำให้เสียเวลา เมื่อเขาอยู่อีกฟากหนึ่งจากกองบัญชาการ ซึ่งขืนช้าไม่มีทางที่จะทำเวลาพอดีกับหนึ่งชั่วโมงที่ว่านอกจากการขับเครื่องบินรบไปเท่านั้น
“รีบๆ เถอะ ไว้ค่อยมาฟังรายละเอียดพร้อมกับคนอื่น”
“รับทราบครับท่าน” นี่แสดงว่าไม่ใช่เขาที่ถูกเรียกตัวอย่างเร่งด่วนหากแต่มีนายทหารรายอื่นร่วมด้วย ฮอว์คกลั้นใจดึงหมวกนิรภัยออกจากกายแกร่งที่เริ่มลดขนาดลงเพราะเรื่องด่วนเข้ามาก่อกวน พลางส่งสายตาเหยี่ยวเวหาจับจ้องมองร่างเปลือยเปล่าที่กำลังต่อว่าเขาด้วยแววตาขุ่นเคือง
“ผมคงต้องไปละเอมมี่ ขอโทษทีที่ส่งคุณไม่ถึงสวรรค์”
“นี่มันอะไรกัน” หล่อนเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงตวาด แบมือทั้งสองข้างออกข้างตัว
“พอดีผมมีภารกิจด่วนน่ะ” ขณะคุยกับหล่อนชายหนุ่มควานหาเสื้อผ้าที่ตกหล่นไม่รู้ทิศรู้ทาง สวมลงกับร่างกายลวกๆ อย่างเร่งร้อน เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินถูกพับแขนรูดมาถึงข้อศอก หมดความเนี้ยบอย่างในทีแรก ทำไงได้ตอนนี้คงมานั่งคำนึงถึงความเรียบร้อยไม่ได้ พร้อมทั้งต้องตัดใจจากอาการกระหายอยากลงฉับราวกับปิดก๊อกน้ำ
“คือฉันต้องโดนทิ้งทั้งที่...” หล่อนไม่อายกระโดดลงจากเตียงทั้งที่ร่างกายล่อนจ้อน
“ผมขอโทษ” เขากล่าวได้แค่นั้นพร้อมกับเตรียมหมุนกายก้าวออกจากห้อง เขาเข้าใจนี่ไม่ใช่การกระทำของชายชาติทหารที่ละทิ้งหน้าที่กลางคัน ทว่าคำสั่งของผู้บังคับบัญชาย่อมสำคัญกว่าความสุขส่วนตัว บางทีการที่ท่านจอมพลโทร.ตามตัวเขากลางดึก ทั้งที่เป็นวันพักร้อนด้วยคงต้องมีเรื่องสำคัญคอขาดบาดตายอย่างแน่นอน ดังนั้นในฐานะหัวหน้าฝูงควรโยนความสุขส่วนตัวทิ้งไว้เบื้องหลัง
“ห่วยแตกสิ้นดี” หล่อนคำรามอย่างหัวเสียแล้วก้มลงคว้าเสื้อผ้าของตัวเองเพื่อสวมใส่
“ผมไปละ ถ้าเรามีโอกาสได้เจอกันอีก ผมสัญญาจะชดเชยเวลาให้คุณ” ซึ่งนั่นคงเป็นไปได้ยาก การที่เขาเดินจากผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว การหวนกลับมาเจอกันน้อยกว่า 1% ด้วยซ้ำ
“ฉันจะไม่มีวันเจอผู้ชายห่วยแตกอย่างคุณอีกเด็ดขาด” หล่อนสะบัดเสียงบอกเขาด้วยอารมณ์เดือดดาล ทั้งที่หัวใจยังร่ำร้องเสียดายรสสวาทจากเขา
แค่อีกเสี้ยววินาทีเท่านั้นหล่อนจะได้รับรสอร่อยจากเขาอย่างสมบูรณ์แบบ เอมิลี่รู้สึกคลั่งไคล้ติดใจในลีลาการปรนเปรอจากเขาค่อนข้างมาก ได้แต่วาดหวังถึงรสชาติอันเผ็ดถึงใจซึ่งกรุ่นอยู่ในตัวชายชาตรีผู้นี้ การได้อุ่นเครื่องกับเขาทำให้หล่อนร้อนกว่าการอุ่นเครื่องกับผู้ชายรายอื่นที่เคยผ่านมา เขาฉุดกระชากวิญญาณของหล่อนตั้งแต่ดวงตากระทั่งลามเลียมาถึงรูปร่างสมส่วนสุดยอดอุดมไปด้วยความเป็นชาย แล้ว...ตอนนี้...เขากำลังจะทิ้งหล่อนไปท่ามกลางอารมณ์ที่กำลังไต่ขึ้นอยู่ที่สูง เอมิลี่เหมือนโดนถีบตกสวรรค์อย่างไม่ปรานี
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด สำหรับผมคงไปห้ามความคิดคุณไม่ได้ แต่ถ้าเจอกันอีกก็จำคำพูดของคุณไว้ให้ดีก็แล้วกัน” เขากล่าวอย่างไม่แยแส “ผมจะไปส่ง แต่งตัวเร็วๆ”
“ไม่จำเป็น”
“ผมเป็นสุภาพบุรุษพอ ในเมื่อผมเป็นคนพาคุณมาก็ต้องพากลับ แต่งตัวซะ” ถึงหน้าที่ซึ่งกำลังเรียกร้องต้องรีบบึ่งไปให้ทัน หากแต่เขามิอาจละทิ้งสิ่งที่ตัวเองหิ้วมาได้ ดังนั้นอย่างน้อยไปส่งหล่อนยังรถไฟฟ้าหรือว่ารถโดยสารสาธารณะคงดีกว่าปล่อยไว้แบบนี้ นั่นหมายถึงสุภาพบุรุษที่ถูกฝึกมาอย่างดีเช่นเขา
“เชิญคุณไสหัวไปได้เลย” หล่อนเดือดอย่างที่สุด ไม่ยอมเดินควงเขาออกไปทั้งที่ในใจยังมีตะกอนความต้องการ
“คุณเลือกเองนะเอมมี่”
“นั่นจะไม่ทำให้คุณเสียใจหรือเสียความเป็นสุภาพบุรุษ นอกจากเรื่องที่คุณทำค้างเอาไว้”