2 ท้าทาย
เมื่อเห็นท่าทางเอาเรื่องของเธอแล้วทั้งสามคนก็รีบก้มหน้าช่วยกันเอาของลงจากรถเพราะกลัวสายตาดุที่มองมา แต่ก็ยังไม่วายที่จะกระซิบให้ได้ยินกันแค่สามคน
“ผมว่าลูกสาวลุงเพิ่มสวยนะแต่ดุนี่เราแค่คนงงานนะไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเป็นแฟนเธอแล้วจะเป็นยังไง”
“มึงก็ช่างกล้าพูดนะได้โมทย์คนอย่างเขาหรือจะมีแฟนเป็นคนงานหาเช้ากินค่ำอย่างเรา ถ้าเป็นคุณตะวันหรือคุณตรัยก็ไม่แน่นะ” คนพูดหันมาทางตรัยคุณที่กำลังช่วยเอของลงรถอยู่ทางด้านท้าย
“คุณตรัยว่าไง สนไหมล่ะเธอสวยมากเลยนะตาโตผิวก็ขาวอย่างกับคนไม่เคยเจอแดด”
“เฉยๆ” ตรัยคุณตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากให้สองคนนี้เอาเรื่องเขาไปบอกกับเจ้านายซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของตน
ความจริงแล้วตรัยคุณแอบชอบพิมพ์พันดาวมาตั้งแต่มมัยเรียนมัธยมแล้ว แต่พอย้ายมาอยู่ข้างบ้านก็ยังไม่เคยเจอกันอีกเลยเพราะทุกครั้งที่เธอกลับมาเยี่ยมบิดาเขาก็มีธุระไปที่อื่นตลอด อย่างครั้งนี้เขาก็ไปทำธุรที่อื่นมาหลายวัน แต่โชคดีที่หญิงสาวไม่ต้องกับไปทำงานที่กรุงเทพเขาเลยมีโอกาสได้เจอเธอแต่ไม่คิดว่าจะมาเจอกันในสถานการณ์นี้
ตรัยคุณเพิ่งย้ายบ้านมาอยู่ติดกับบ้านของลุงเพิ่มศักดิ์เมื่อสองปีก่อนซึ่งตอนนั้นหญิงสาวยังทำงานอยู่ที่กรุงเทพเขากับเธอจึงยังไม่เคยได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ
“พวกผมลงของเสร็จแล้วนะครับคุณเซ็นรับด้วย”
“รอเดี๋ยวสิฉันยังเช็กไม่เสร็จเลย”
“ไม่ต้องเช็กหรอกครับผมรับรองว่าครบตามที่สั่งแน่นอน”
“แล้วถ้ามันไม่ครบล่ะใครจะรับผิดชอบ” เพราะหญิงสาวเป็นเภสัชกรการทำงานทุกอย่างจะต้องรอบคอบก็เลยติดนิสัยนั้นมาด้วย
“ผมรับผิดชอบเองครับ ให้พวกเขากลับเถอะเย็นนี้พวกเขาจะต้องไปงานวัดต่ออีกเดี๋ยวไม่ได้เที่ยวงานวันสุดท้ายขึ้นมาล่ะยุ่งเลย” ตรัยคุณไม่อยากให้สองคนนั้นอยู่ที่นี่นานเพราะกลัวจะเรียกชื่อเขาให้พิมพ์พันดาวได้ยิน
“ถ้าของไม่คบล่ะก็ฉันจะจัดการนายเป็นคนแรกเลย” หญิงสาวเซ็นชื่อในในส่งของก่อนจะส่งสำเนาอีกฉบับคืนให้กับตรัยคุณในจังหวะที่ยื่นเขาก็ฉวยโอกาสจับมือเธอไปด้วย
“ปล่อยเลยคุณอย่ามาฉวยโอกาสกับฉันนะ” พิมพ์พันดาวรีบดึงมือกลับขณะที่ใบหน้าเริ่มจะโกรธ
“ขอโทษครับผมก็แค่มองทางอื่นเลยไม่ทันระวังแต่ผมว่ามือคุณนิ่มดีนะ” เขาพูดแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม
“อย่ามาทำหน้าทะลึ่งใส่ฉันนะ”
“ผมก็แค่ยิ้มเองทะลึ่งตรงไหน เอาละผมไม่อยากเสียเวลากับคุณหรอกไปก่อนนะแล้วคงได้เจอกันอีก” เขาโบกมือให้พร้อมกับส่งยิ้มอย่างจริงใจ
“ฉันไม่อยากจะเจอนายหรอก ถ้าสั่งของครั้งหน้าฉันจะบอกเถ้าแก่ว่าห้ามให้นายมาส่ง”
“คุณจะบอกเขายังไงในเมื่อคุณไม่รู้จักชื่อผมสักหน่อย”
“ไม่ยาก ฉันก็จะบอกเขาว่าห้ามให้คนส่งของที่ตัวสูงๆ หน้าหล่อๆ มาส่งของที่บ้านฉันอีก”
“ขอบคุณครับ”
“จะมาขอบคุณฉันทำไม”
“ก็ขอบคุณที่คุณชมผมว่าหล่อไงล่ะครับ ผมไปจริงๆ แล้วนะครับคุณพิมพ์พันดาว” เขาแกล้งก้มลงอ่านชื่อในใบส่งของแต่อันที่จริงชื่อนี้เขาจำฝังใจมาตลอด
ตรัยคุณเดินเอาใบส่งของมายื่นให้กับคนขับรถจากนั้นก็เดินกลับไปยังบ้านของตนเองที่อยู่ติดกับบ้านของพิมพ์พันดาว
วันนี้เขาเพิ่งกลับจากไปทำธุระที่กรุงเทพและแวะหาเพื่อนที่ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างพอรู้ว่าต้องเอาของมาส่งที่บ้านของลุงเพิ่มศักดิ์ก็เลยขอติดรถมาด้วย
เพราะไม่อยากให้คนขับรถของที่บ้านมารับเพราะช่วงเย็นคนขับก็ต้องไปรอรับหลานๆ ของเขาที่โรงเรียนประจำจังหวัดซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเขาเกือบ 50 กิโลเมตร
บ้านของตรัยคุณนั้นอาศัยอยู่กันหลายคนมีพ่อแม่หลานชายและหลานสาวซึ่งถือว่าเป็นครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่น มารดาของเขาเป็นข้าราชการเกษียณที่ช่วยดูแลหลานอยู่ที่บ้านเนื่องจากมารดาของเด็กทั้งสองแต่งงานใหม่กับชาวต่างชาติแล้วย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศ
เดิมทีตรัยคุณทำงานเป็นวิศวกรอยู่ที่กรุงเทพและกลับมาช่วยบิดาทำไร่อ้อยและไร่มันสำปะหลังบ้างก่อนที่บิดาจะประสบอุบัติเหตุและต้องรักษาตัวอยู่นานเลยตัดสินใจลาออกจากงานและกลับมาทำไร่อย่างจริงจังแต่ก็ยังรับงานเขียนแบบให้กับบริษัทของเพื่อนสนิทที่มักจะรับงานมาให้เขาเป็นประจำเพราะเขาเป็นคนที่เขียนแบบได้ดีและลูกค้าชอบงานของเขา
“อ้าว คุณตรัยจะกลับมาทำไมไม่โทรให้ผมไปรับล่ะครับแล้วนี่เดินมาหรือยังไงถึงได้มีแต่เหงื่อแบบนี้ละครับ” อาถนอมคนขับรถทักทายเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ารั้วมา
“ผมแวะไปหาไอ้ตะวันมานะ เลยติดรถส่งของมาน่ะ”
“แล้วรถแอร์เสียหรือยังไงถึงได้เหงื่อเต็มตัวขนาดนี้ละ” ศรีนวลเดินออกมาลูกชายเมื่อได้ยินเสียงเขาคุยกับคนขับรถ
“เปล่าครับแม่” เขาเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำมาดื่มก่อนจะกลับมานั่งหมดแรงอยู่บนโซฟา
“กินอะไรมาหรือยังหิวไหม”
“ไม่หิวครับเอาไว้กินตอนเย็นทีเดียวก็แล้วกันครับ”
“มาเหนื่อยๆ นอนพักก่อนเถอะ นอนที่นี่แหละไม่ต้องกลับไปที่บ้านหรอกอีกเดี๋ยวหนูพลอยก็คงกลับมาแล้ว”
“แต่อาหนอมยังไม่ออกไปรับเลยนะครับแม่”
“วันนี้ที่โรงเรียนมีกิจกรรมเลิกเร็วกว่าปกติหนูพลอยก็เลยจะติดรถมากับพ่อเพื่อนส่วนอาหนอมก็ค่อยไปรับตาเพชรตอนเย็น” ศรีนวลบอกกับลูกชาย
“ดีเลยครับ กลับมาเร็วก็ดีผมคิดถึงหลานแล้ว” ตรัยคุณกับพลอยมนนั้นเป็นน้าหลานที่สนิทกันมากอีกคนก็ช่างเอาใจหลานส่วนอีกคนก็ช่างอ้อนจนน้าชายรักราวกับลูกในใส้
“หนูพลอยก็บ่นคิดถึงตรัยเหมือนกัน ตรัยไม่อยู่ไม่มีใครพาไปเที่ยวงานวัดเลย”
“แล้วตาเพชรล่ะครับไม่อยากไปบ้างเหรอ”
“รายนั้นกลับมาก็เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องยิ่งพอรู้ว่าตัวเองมีที่เรียนแล้วก็เอาแต่เล่นเกม”
“ตกลงว่าเขาเลือกเรียนที่เมืองไทยเหรอครับแม่”
“เห็นเขาพูดแบบนั้นนะ แต่พี่สาวเราก็อยากให้ลูกไปเรียนที่ญี่ปุ่น ยังไงตรัยลองคุยกับหลานอีกทีนะ แม่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง”
“ครับแม่”
“ตรัยนอนเถอะ หน้าตาเราเหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายวันเลย ลงไปครั้งนี้เอาแต่โหมงานใช่ไหมล่ะ”
“นิดหน่อยครับ พอดีมีงานด่วนมากด้วยเลยรีบทำ”
“จะเอาเงินไปเก็บที่ไหนนะตรัย แค่เงินจากการทำไร่ก็เยอะแล้ว นี่ยังจะรับงานเขียนแบบอีก”
“ที่ผมรับไม่ใช่เพราะเงินอย่างเดียวหรอกครับแม่ ผมกลัวว่าผมจะลืมที่เรียนมาถ้าไม่เอาออกมาใช้”
“จ้ะ พ่อคนขยันไม่รู้หาเงินไว้ทำทำเยอะแยะ เอาเวลาหาเงินไปหาเมียบ้างก็ได้นะ รีบมีหลานตอนที่แม่ยังแข็งแรงแม่จะได้ช่วยเลี้ยง”
“ตอนนี้ผมเจอคนที่ผมชอบแล้วนะแม่เตรียมตัวต้อนรับลูกสะใภ้ได้เลยนะครับ”
“จริงเหรอ เธออยู่ที่ไหนเป็นใครพามาเจอแม่บ้างนะ”
“ได้เลยครับ” ตรัยคุณตอบมารดาแล้วยิ้ม คนที่เขาแอบชอบมานาหลายปีตอนนี้มาอยู่ใกล้ๆ แล้วเขาคิดว่าอีกไม่นานตนเองจะต้องจีบเธอได้แน่ๆ