บท
ตั้งค่า

1 คนส่งของ

พิมพ์พันดาวยืนนั่งมองแปลนร้านขายยาที่บิดาเป็นคนรับอาสาจะติดต่อช่างและคนงานแล้วก็นึกขัดใจเพราะดูแล้วแบบที่ได้มามันไม่ทันสมัยเอาเสียเลย เธออยากได้ร้านขายยาที่โดนเด่นทันสมัยใครเห็นก็จะต้องอยากเข้ามาซื้อแต่ที่ได้มานั้นเป็นร้านแบบเรียบง่าย มีห้องน้ำเล็กๆ อยู่ด้วยซึ่งเธอคิดว่ามันไม่จะเป็นเลยเพราะเธอเดินเข้ามาใช้ห้องน้ำที่อยู่ห่างจากหน้าบ้านไม่ถึง 20 เมตรได้สบายอยู่แล้ว

“พ่อคะพิมพ์ว่ามันไม่โอเคเลยแบบมันเรียบเกินไปนะคะ ที่พิม์บอกพ่อคือให้เขาออกแบบให้ทันสมัยที่สุดดูแล้วน่าเข้าที่สุด”

“พ่อก็บอกเขาไปแบบนั้นแหละ”

“แต่ที่ได้มามันไม่ใช่เลยนะคะ”

“คนออกแบบเขาบอกว่าคนแถวนี้สวนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านทั่วไป เขาไม่กล้าเข้าร้านหรูๆ หรอกนะลูกเขากลัวราคาจะแพง”

“แต่พิมพ์ไม่คิดจะขายราคาแพงเลย พิมพ์ว่าจะขายเท่าร้านในเมืองเลยนะคะพ่อ”

“แต่คนอื่นเข้าไม่รูกับเรานี่ กว่าเขาจะรู้ก็คงอีกนานแล้วพิมพ์บอกพ่อเองไม่ใช่เหรอว่าอยากขายยาถูกคุณภาพดีมาให้ชาวบ้านเขาจะได้ไม่ต้องไปซื้อในเมือง แต่ถ้าร้านดูหรูหรามากๆชาวบ้านไม่เชื่อหรอกว่าราคาจะถูก พ่อว่าเน้นเรียบง่ายแต่ดูสะอาดดีกว่านะ พิมพ์ก็จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินเยอะด้วย”

“แต่พิมพ์ไม่ชอบเลยมันดูเชยมาก”

“ถ้าไม่ชอบพ่อจะบอกเขาเปลี่ยนแบบให้ก็ได้แต่ก็รอนานหน่อยนะช่วงนี้งานเขาเยอะ แล้ววันนี้ช่างก็นัดเขาเอาของมาส่งแล้วด้วยนะ”

“เราไปจ้างคนอื่นก็ได้นี่คะพ่อ”

“ช่างที่พ่อติดต่อให้เขาเป็นช่างมีฝีมือ ถ้าไปติดต่อคนอื่นพ่อก็กลัวว่างานจะออกมาไม่ดีนะลูก พ่อว่าหนูลองคิดตามที่พ่อพูดดูสิว่ามันจริงไหม” เพิ่มศักดิ์พยายามพูดให้ลูกสาวได้คิดเพราะเขาเองก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคนออกแบบ

พิมพ์พันดาวนั่งนิ่งและคิดทบทวนคพูดของบิดาแล้วเธอก็เริ่มจะเห็นด้วยเพราะจุดประสงค์ที่เธอเปิดร้านขายยาก็เพื่อให้ชาวบ้านได้ซื้อยาในราคาที่ถูก ที่ทำแบบนี้ได้ก็เพราะตอนอยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ในกรุงเทพตนเองรู้จักเซลล์ขายยาหลายคนจึงรู้ดีว่าจะติดต่อซื้อของพวกนี้ได้ที่ไหน อีกทั้งพี่สาวและพี่เขยก็เป็นหมอทั้งคู่เรื่องหายาราคาถูกจึงไม่ใช่เรื่องยาก

“แล้วห้องน้ำล่ะคะพิมพ์ว่ามันไม่จำเป็นเลยค่ะ”

“พ่อบอกเขาให้ทำเผื่อไว้นะ บางทีลูกค้าเขาออกมาจากบ้านแวะซื้อของมาหลายที่ว่าจะมาซื้อยาเขาอาจจะอยากใช้ห้องน้ำก็ได้ คนแถวนี้ก็รู้จักกันทั้งนั้นบางทีเวลาพ่อไปตลาดยังไปขอเขาห้องน้ำที่ร้านเขาเลย ส่วนเรื่องทำความสะอาดพ่อจะให้แป้งไปทำให้พิม์จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”

“พิมพ์แล้วแต่พ่อเลยค่ะ แต่ถ้าคนไหนพิมพ์ไม่รู้จักพิมพ์ก็ไม่ให้ใช่ห้องน้ำนะ”

“ถ้าอย่างนั้นห้องน้ำคงไม่มีคนใช่หรอกคนแถวนี้ไม่ค่อยมีใครรู้จักลูกเลย”

พิมพ์พันดาวนั้นออกจากบ้านไปเรียนมหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุ 19 พอเรียนจบเภสัชกรก็สอบบรรจุและทำงานที่กรุงเทพมาตลอด จนตอนนี้หญิงสาวอายุ 29 ย่าง 30 จึงขอย้ายงานมาทำที่โรงพยาบาลในตัวอำเภอที่อยู่ห่างจากบ้านเพียงสามกิโลเมตร

“เดี๋ยวอยู่ไปพิมพ์ก็คงรู้จักคนเพิ่มมากขึ้นเองค่ะพ่อ”

“ช่วงที่พิมพ์เปิดร้านใหม่พ่อจะไปช่วยด้วยดีไหมล่ะ พ่อรู้จักคนเยอะนะ”

“ก็แน่สิคะพ่อเป็นครูสอนที่โรงเรียนประจำอำเภอตั้งสามสิบกว่าปีมีใครบ้างที่ไม่รู้จักพ่อ”

“ถ้าหนูอยากรู้จักคนเยอะก็ตื่นเช้าไปตลาดกับพ่อสิ”

“เอาไว้รอให้พิมพ์ว่าง นะคะพิมพ์ค่อยไปกับพ่อตอนนี้พิมพ์เพิ่งย้ายมางานที่โรงพยาบาลยังไม่เข้าที่เท่าไหร่เลยค่ะ”

“แค่ไปตลาดตอนเช้าใช้เวลาไม่นานหรอก เราจะได้บอกคนอื่นเข้าด้วยไงล่ะว่าตอนนี้กำลังจะปิดร้านขายยา พ่อว่าลูกค้าของหนูต้องเยอะแน่ๆ”

“ก็ดีเหมือนกันนะคะ การตลาดแบบนี้น่าจะเข้ากับคนที่นี่ดี แต่ว่าตอนนี้พิมพ์ขอตัวไปหน้าบ้านก่อนนะคะเหมือนได้ยินเสียงรถเอาของมาส่งแล้ว”

“วันนี้ของแค่มาส่งอีกสองวันคนงานถึงจะเริ่มเข้ามทำนะ”

“ทำไมล่ะคะพ่อพิมพ์นึกว่าจะเริ่มเลยจะได้เสร็จไวๆ”

“วันมะรืนเป็นวันมงคล พ่อไปให้พระที่วัดท่านดูให้”

พิมพ์พันดาวไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี่เท่าไหร่แต่เห็นว่าอีกสองวันก็ไม่ช้าจนเกินไปเลยไม่ได้ว่าอะไรแต่ถ้าให้รอนานกว่านี่ก็คงไม่ยอมเพราะเธออยากจะรีบทำทุกอย่างให้เสร็จตามกำหนดที่วางแผนไว้

รถหกล้อจอดที่หน้าบ้านขนขับลงมาจากรถเมื่อสอบถามแล้วว่าสงที่บ้านหลังนี้เขาก็กลับขึ้นไปบนรถอีกครั้งก่อนจะถอยเข้ามาในบริเวณรั้วบ้านซึ่งพื้นบริเวณที่จะทำเป็นร้านขายนั้นอยู่ภายในรัวแต่ด้านหน้าจะติดกับถนนใหญ่

คนงานสองคนช่วยกันเอาของลงจากรถขณะที่ชายอีกคนที่เพิ่งลงมาจากรถได้แต่ยืนมอง

“นายไม่คิดจะช่วยเพื่อนหน่อยเหรอ”

“ผมเหรอ”

“ก็นายนั่นแหละ เอาแต่ยืนดูเพื่อนทำงานแล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะเอาของลงรถหมดล่ะ ตัวก็โตกว่าเขายังจะเอาเปรียบอีก” พิมพ์พันดาวเป็นคนไม่ชอบเห็นใครถูกเอาเปรียบจึงบอกชายสวมหมวกแก็ปที่ยืนนิ่งให้มาช่วยชายอีกสองคนที่ตัวเล็กกว่าเขา

“ผมเพิ่งลงมาจากรถยังไม่ทันได้ยืดเส้นยืดสายเลย”

“สองคนนั้นไม่เห็นจะต้องยืดเส้นยืดสายอะไรเลย นายเอาเปรียบมากกว่าเดี๋ยวฉันจะบอกเถ้าแก่ที่ร้านว่านายอู้งาน”

“อย่าบอกนะครับคุณผมไม่อยากตกงาน” เขารีบเดินไปยังด้านหนังรถที่คนงานสองคนกำลังช่วยกันเอาของลงอยู่

“พี่ไม่ต้องช่วยหรอกกลับบ้านไปเถอะครับ”

“ไม่เป็นไร ฉันว่าช่วยก็สนุกดีเหมือนกันนะ” เขาหัวเราะแล้วหันไปทางลูกสาวเจ้าของบ้านที่ไม่ได้เจอมานานเพราะส่วนใหญ่แล้วจะเห็นแต่ในรูปที่บิดาเธอมักจะเอาไปอวดเขาอยู่บ่อยๆ

“ถ้าคุณตะวันรู้ล่ะครับ”

“เรามากันสามคนนะถ้านายสองคนไม่บอกเขาก็ไม่รู้หรอก ไม่ดีเหรอที่ได้ฉันมาช่วยอีกคน”

“ดีสิครับ มีคุณมาช่วยงานจะได้เสร็จเร็วเย็นนี้พวกผมนัดกันไปงานวัดด้วย”

“งานวันมีถึงวันไหน”

“คืนนี้คืนสุดท้ายแล้วครับ ผมจะไปป่าลูกโป่งเอาตุ๊กตามาให้สาว”

“เอาแค่ให้พอดีนะ อย่าเอาเยอะพวกนายเล่นซ้อมกันทุกวันฉันกลัวเจ้าของร้านจะเจ๊งเอา”

“คุณไม่น่าดักคอผมเลยผมกะจะเอาหลายๆ ตัวสักหน่อย”

ทั้งสามคนหัวเราะเสียงดังจนหญิงสาวที่กลับเข้าไปในบ้านแล้วต้องเดินออกมาดูและทำหน้าดุใส่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel