11 ไม่ตรงสเปก
“พิมพ์ ผมถามหน่อยสิขอให้พิมพ์ตอบตามตรงเลยนะ”
“จะถามอะไรอีกวันนี้ตรัยถามเยอะไปแล้วนะ”
“ถ้าคนที่มาจีบพิมพ์เขาไม่ใช่ผู้ชายแบบนี่พิมพ์ชอบ คือแบบว่าไม่ตรงสเปกเลยสักนิดพิมพ์จะให้โอกาสเขาไหม” ตรัยคุณตัดสินใจถามเพราะถ้าไม่ถามวันนี้ก็กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้ถาม
“ไม่ตรงสักนิดเลยเหรอ”
“อือ ก็อย่างที่พิมพ์บอกว่าสเปกต้องขาวตี๋เหมือนกับพระเอกซีรีส์จีน”
“แล้วเขาเป็นคนดีหรือเปล่า ยังโสดไหมล่ะ”
“โสดสิ ถ้าไม่โสดก็คงมามาจีบ”
“แล้วนิสัยดีไหมล่ะ”
“นิสัยก็ไม่ได้แย่นะ เอาจะเป็นคนไม่ค่อยพูดหวานเท่าไหร่ ติดจะพูดตรงๆ แต่เขาจริงใจ บ้านไม่รวยแต่ก็คงเลี้ยงดูพิมพ์ได้ไม่อดตายหรอก”
“ถ้านิสัยดีก็โอเค ส่วนเรื่องให้มาเลี้ยงดูพิมพ์ว่าข้อนี้ตัดไปเลยเพราะพิมพ์เลี้ยงดูตัวเองได้ แล้วถ้าเขาเป็นคนดีเข้ากับพิมพ์ได้เรื่องหน้าตาพิมพ์ก็อาจจะมองข้าม แต่มีเรื่องสำคัญอีกขอที่ลืมบอก”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“คนที่จะมาจีบพิมพ์ต้องเขากับพ่อพิมพ์ได้ด้วยนะเพราะถ้าคบกันถึงขั้นแต่งงานแล้วเพิมพ์ก็จะอยู่กับพ่อไปแบบนี้ไม่มีทางแต่งออกต้องแต่งเข้าอย่างเดียว พิมพ์ว่าหาคนแบบนี้ไม่ได้หรอกนะข้อแม้มันเยอะเกินไป ตรัยว่าไหมล่ะ”
“จะเรียกว่าข้อแม้เยอะหรือจะเรียกว่ามีจุดยืนก็ได้นะ”
“ตรัยใช้คำว่าจุดยืนเหรอ เพื่อนพิมพ์เรียกมันคำปฏิญาณของมิสคานทอง” พิมพ์พันดาวนึกถึงคำพูดของเพื่อนแล้วก็อดขำไม่ได้เพราะเรื่องเธอมากแบบนี้ถึงได้โสด
“พิมพ์”
“มีอะไรจะถามอีกเหรอตรัยดูทำหน้าเข้าสิ”
“ผมอยากถามว่าถ้าผมจะจีบพิมพ์ได้ไหม”
“อะไรนะ”
“เบาๆ สิเดี่ยวคนก็คิดว่าผมทำอะไรพิมพ์หรอก”
“นี่จะแกล้งให้ตกใจใช่ไหมล่ะ”
“เห็นผมแบบนี้บางเรื่องผมก็จริงจะงนะ”
“ตรัยสงสารพิมพ์เหรอ พิมพ์ได้”
“คิดว่าผมจะจีบเพราะสงสารเหรอ”
“แล้วมันจริงไหมล่ะ ตรัยไม่มีทางชอบพิมพ์ได้หรอก”
“ทำไมคิดอย่างนั้น”
“ก็การเจอกันของเรามันไม่น่าประทับใจเลยแล้วพิมพ์ก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยจัดจนใครเห็นครั้งแรกก็ต้องชอบ”
“พิมพ์ปฏิเสธเพราะผมไม่ตรงสเปกใช่ไหมล่ะ” ตรัยคุณแกล้งน้อยใจ
“ก็บอกแล้วว่าถ้านิสัยดีก็จะมองข้ามไป แต่ที่ปฏิเสธเพราะไม่ไอยากให้ตรัยทำเพราะความสงสารนะ ถึงพิมพ์จะไม่มีใครพิมพ์ก็ยอมอยู่บนคานดีกว่าจะให้ตรัยหรือใครมาสางสารแล้วพาลงมาจากคาน” พิมพ์พันดาวมองเขาด้วยใบหน้าและท่าทางที่จริงจัง
“เอาละ ผมขอพุดอะไรหน่อนนะพิมพ์ อันที่จริงผมจะแอบจีบพิมพ์เงียบๆ แต่เพราะอายุเราทั้งคู่ก็เยอะแล้วก็เลยไม่อยากจะเสียเวลา เราลองคบกันเลยดีไหม ถ้าใช่ก็คบต่อถ้าไม่ใช่ก็เป็นเพื่อนกันแบบเดิม”
“ในเมื่อตรัยกล้าพูดตรงๆ พิมพ์ก็ขอถามนะว่าเพราะอะไรถึงคิดจะจีบ เพราะเห็นว่าพิมพ์ไม่มีใครหรือเพราะตรัยเหงา”
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง”
“แล้วมันเพราะอะไร”
“เพราะผมแบชอบพิมพ์มาตั้งแต่ม.4”
“ม.4 ตอนนั้นพิมพ์เพิ่งเข้าเรียนนะ หน้าก็มีแต่สิวแล้วยังดัดฟันอีกตรัยจะชอบได้ยังไง”
“ตอนแรกก็ไม่ชอบหรอกแต่พอได้นั่งอ่านหนังสือด้วยกันทุกวันมันก็รู้สึกดี พิมพ์ทำให้ผมชอบเข้าห้องสมุดถึงแม้บางครั้งจะหลับเพราะเสียงพิมพ์อ่านหนังสือมันเพลินก็ตาม
“พิมพ์ว่าตอนที่อยู่ห้องสมุดพิมพ์เลือกมุมที่ลับตาที่สุดแล้วนะแล้วตรัยเห็นได้ยังไง”
“ก็มุมนั้นผมเคยไปแอบงีบอยู่หลายครั้ง แต่มีวันหนึ่งไปช้าพิมพ์ก็เลยเข้าไปนั่งก่อน ผมเลยแอบอยู่อีกตู้”
“แล้วหลังจากวันนั้นทำไม่มีรีบไปล่ะ”
“รีบสิ ผมรีบไปจองทุกวันเลยแต่พอเห็นพิมพ์เดินมาผมก็ย้าย”
“ถึงว่าละมันถึงว่างทุกวัน”
“แต่น่าเสรยดายที่พอขึ้น ม.5 พิมพ์ก็ไม่ค่อยมาอ่าน”
“ก็ตอนนั้นพิมพ์ต้องทำโครงงานก็เลยนั่งอ่านที่ห้องวิทย์”
“เห็นไหมว่าผมชอบพิมพ์มานานแล้วนะ ไม่ใช่ชอบเพราะสงสารสักหน่อย แต่ผมไม่เอาเรื่องนี้มาบังครับให้พิมพ์ชอบผมกลับหรอกนะ ผมแค่อยากบอกให้พิมพ์รู้เท่านั้น”
“ไม่กลัวพ่อพิมพ์เหรอ ที่ผ่านมาไม่เคยมีลูกศิษย์ของพาอคนไหนกล้าจีบเลย”
“ตอนนี้ผมไม่ใช่นักเรียนแล้วลุงเพิ่มก็ไม่ใช่อาจารย์นี่ ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย”
“แล้วเรื่องมาเขียนแบบให้นี่คือตั้งใจแต่แรกเลยใช่ไหม”
“อือ ลุงเพิ่มมาปรึกษาว่าลูกสาวจะทำร้านยาผมเลยอาสาจะเขียบแบบและให้เพื่อนผมหาคนงานให้”
“ถ้าคิดจะจีบจริงๆ ทำไมถึงไม่ทำตามที่ฉับบรีฟไว้ล่ะคะ”
“ก็มันหรุหราเกินแล้วใครที่ไหนจะเข้า แบบนั้นมันเหมาะกับร้านกาแฟมากกว่า” เขาบอกไปตามที่ตนเองคิดเพราะคนแถวนี้คงไม่กล้าเข้าร้านที่ตกแต่งหรูราวกับคาเฟ่
“คุณกล้าขัดใจพิมพ์ตั้งแต่แรกเลยนะคะ”
“ผมแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วยตัวออกนะครับ ถ้าร้านแบบที่คุณอยากได้มาเปิดแถวนี้มันไม่เหมาะแต่ถ้าเปิดที่แหล่งท่องเที่ยวก็น่าจะเหมาะกว่า”
“ก็คอนที่คิดถึงแบบร้านพิมพ์ไม่ได้นึกถึงเลยว่าที่นี่เขาอยู่กันยังไง นี่ก็ยังกลัวว่าจะมีลุกค้าเพราะพิมพ์จะเปิดแค่ช่วงเย็นกับวันหยุด”
“พิมพ์ไม่คิดจะจ้างคนมาขายช่วงกลางวันเหรอ”
“ไม่ค่ะ พิมพ์อยากขายเองได้คุยกับลุกค้าเอง ถ้าจ้างคนมาเฝ้าเราจะมั่นใจได้เหรอว่าเขาจะขายยาได้ถูกกับโรค”
“ผมเห็นร้านในตลาดจ้าเด็กมาเฝ้าแล้วก็ใช้วิธีโทรถามเจ้าของร้านวเลามีคนมาซื้อ”
“ตอนกลงงวันพิมพ์ต้องทำงานไม่อยากเอาเปรียบคนที่ทำงานด้วยกัน อีกอย่างเท่าที่รู้เวลากลางวันคนเขาก็ไปหาหมอที่โรงพยาบาหรือไม่ก็รพ.สต.”
“ก็จริงนะ พิมพ์เปิดเวลาที่คนอื่นปิด แบบนี้พวกคนงานและชาวบ้านก็ไม่ต้องรอเข้าไปซื้อในเมืองหรือรอจนเช้า”
“เท่าที่สืบราคามาพิมพ์ว่าบางร้านขายแพงมาก ยาบางอย่างบวกราคาไปแผงละ 15 บาทเลย”
“ก็เขาต้องจ้างคนขายต้องเสียค่าเช่าร้าน”
“นั่นแหละพิมพ์ถึงคิดจะขายถูก คงอีกนานกว่าจะคืนทุกค่าก่อสร้าง แต่แบบที่คุณทำก็ประหยัดไปเยอะเหมือนกันนะ พิมพ์ต้องขอบคุณตรัยด้วย ไหนจะค่าออกแบบอีกคงทำให้เสียเวลานานเลย”
“ไม่หรอก แบบพวกนี้ผมใช้เวลาออกแบบไม่นานเลย”
“พ่อบอกว่าคุณจบวิศวะ”
“ครับ แต่ผมเบื่องานที่กรุงเทพแล้วช่วงนั้นพ่อผมรถชนต้อฃใส่เฝือกอยู่หลายเดือนผมเลยลาออกแล้วกลับมาทำไร่อย่างจริงจัง แต่งานเขียนแบบอะไรพวกนี้ก็ยังทำอยู่บ้าง”
“ถึงว่าล่ะ พิมพ์กลับมาที่บ้านไม่เคยได้เจอคุณเลย”
“ถึงจะไม่เจอแต่ผมก็รู้ว่าพิมพ์ทำอะไรอยู่ที่ไหน ลุงเพิ่มเขาชอบไปเล่าให้ฟังบ่อยๆ”
“พ่อไปที่บ้านคุณบ่อยไหมคะ”
“ก็บ่อยอยู่ครับลุงเพิ่มกับพ่อผมแล้วก็อาหนอมชอบดูมวยกันส่วนใหญ่ก็เย็นวันศุกร์ เสาร์อาทิตย์”
“เหรอคะ พิมพ์ไม่เคยรู้เลยเพราะตั้งแต่กลับมาอยู่ที่บ้านพ่อก็อยู่กับฉันตลอด”
“ลุงเพิ่มคงไม่อยากให้คุณเหงาอยู่คนเดียว”
“แต่พ่อก็ไม่ได้ดูมวยที่พ่อชอบ ถ้าพ่อกลับมาพิมพ์จะถามพ่อเองว่าอยากไปดูไหม”
“ให้ลุงเพิ่มมาดูมายที่บ้านผมก็ดีนะ สาวนผมก็จะมาคุยกับคุณเองจะได้ไม่เหงา”
“พิมพ์เคยพูดเหรอคะว่าเหงา”
“ไม่นะแต่ผมอยากมาคุยกับพิมพ์”
“มีเรื่องไรต้องคุยกับบ่อยๆ ล่ะคะ”
“ก็ผเพิ่งบอกไปว่าแอบชอบคุณมานานแล้วก็กำลังจะจีบคุณอยู่ ถึงผมจะไม่ใช่สเปกของพิมพ์แต่ถ้าเราได้เจอกะนได้คุยกันบ่อยๆ เดี๋ยวพิมพ์ก็เปลี่ยนใจเอง วันนี้ผมรบกวนพิมพ์มานานแล้วขอตัวกลับก่อนนะ”
“ขอบคุณนะคะสำหรับราดหน้า”
“ไม่เป็นไร ผมไปนะ”