บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 สวนดอกไม้2

ทั้งสองใช้เวลาทั้งวันไปกับสวนดอกไม้สีสันตระการตา กระทั่งลมราตรีมาเยือน

ค่ำคืนอากาศเย็น เหมาะแก่การพักผ่อนในที่อบอุ่น

ทว่าห้องลับในเรือนเร้น ชายหญิงคู่หนึ่งกลับไม่ยอมนอน พวกเขาเอาแต่สร้างความอบอุ่นถึงขั้นกรุ่นร้อนบนเตียงกว้าง

เสียงครวญครางเกิดขึ้นเนิ่นนาน เรียวขาของพวกเขาเกี่ยวกระหวัดรัดรึงมองเหมือนงูเลื้อย เอวอ่อนขยับไหวตามเอวสอบที่ขยับขึ้นลงส่งตัวตนเข้าออกจนสะโพกกลมกลึงสั่นไหวแทบจมกับผ้าปูเตียงที่เปียกชื้น เตียงนอนโยกโยนตามจังหวะรัญจวน

หญิงสาวส่งเสียงหวานผะแผ่วคล้ายลูกแมว นางแหงนหน้าปรือตาฉ่ำน้ำแวววาวมองชายเหนือร่างอย่างออดอ้อน

ชายหนุ่มแทบคลั่ง เมื่อสบสายตานาง

นอกจากส่งสายตาอันไร้การปรุงแต่ง นางยังแอ่นตัวยกกายส่งเนินอกหยุ่นนุ่มเบียดชิดอกแกร่งตามเพลิงปรารถนา เขาพลันรู้สึกว่าไฟราคะกำลังลุกโหมเพื่อแผดเผามอดไหม้เขาให้ตกตาย

ราตรีเย็นฉ่ำ วสันต์ยาวนาน เสียงครางแว่วหวานผสานเสียงลมหายใจหนักหน่วง กายประสานกายมิคลายออกจากกัน

พวกเขายังคงเป็นเช่นนี้ แนบชิดคลอเคลีย ทั้งรัญจวนและยวนใจ คนหนึ่งรุกคนหนึ่งรับ คนหนึ่งเร่าร้อน คนหนึ่งเอวอ่อน ตอบสนองไม่เกี่ยงงอน

ตอนจ้าวเฟิ่งพาเพ่ยหนิงมาถึงจุดสูงสุดแห่งอารมณ์หวาม เขาบดกรามขบติ่งหูนางอย่างอดใจไม่ไหว ทำเอานางกระตุกอย่างสุดกลั้น ลมหายใจรุนแรงจนก้อนเนื้อแทบทะลุออกมาเต้นนอกอก

ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนเนินอกหยุ่นนุ่ม กดจูบอย่างพึงพอใจ

เพราะความเอาแต่ใจของเขาหลังจากอุ้มร่างเปลือยอ่อนนุ่มมาอาบน้ำล้างเหงื่อไคล จ้าวเฟิ่งยังใจดีเช็ดตัวให้ก่อนจะพาเพ่ยหนิงที่เดินแทบไม่ไหวมานั่งกินอาหารด้วยกัน

เพ่ยหนิงผลักเขาให้ออกห่างอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ท่านรังแกข้าหนักเกินไปแล้ว”

วาจานี้มิใช่ใส่ร้ายหรือพูดเกินไปแม้แต่น้อย เพราะจ้าวเฟิ่งลากเพ่ยหนิงเข้าห้องตั้งแต่ตะวันยังไม่คล้อยไปทางทิศตะวันตกเลย

“ข้าทายาให้เจ้าแล้วนี่”

“ทายาก็ส่วนทายา แต่ข้าเดินไม่ได้ก็เพราะท่านนะ” เพ่ยหนิงพร่ำบ่นอย่างอ่อนแรง เส้นเสียงแหบแห้ง ระบมไปหมด

นอกจากหน้าอกกับส่วนอ่อนไหวจะแดงช้ำ หัวเข่ายังขึ้นริ้วสีแดงคล้ำเป็นจ้ำๆ อันที่จริงเขาก็ทำหลายท่าอยู่ แต่นางเพิ่งรู้ว่าเขาชอบท่านั้นเหลือเกิน เข่านางแทบถลอก รู้หรือไม่?

จ้าวเฟิ่งไม่รู้จะพูดแก้ตัวอย่างไร จึงได้แต่ชักชวนนางกินข้าวเติมพลัง มิใช่ว่าตัวเขาไม่เคยมีสตรีงามสะพรั่งดุจเทพธิดามายั่วยวน แต่ไม่มีใครกระตุ้นอารมณ์กำหนัดได้ดีไปกว่าสตรีผู้นี้เลย

“ช่วยมิได้ที่เจ้ามีเสน่ห์เกินไป เรือนร่างเร่าร้อนนัก”

คำหวานนี้เขาพูดที่ข้างหูนาง ทำเอาพวงแก้มนวลร้อนผ่าว แต่คนกลับปากแข็ง “ท่านกล่าวหาว่าข้ายั่วยวนหรือ?”

“แน่นอนว่าใช่”

“เหอะ! ท่านเอาแต่ใจเกินไปแล้วจริงๆ”

จ้าวเฟิ่งเพิ่งเต็มอิ่มในรสรักจึงนึกอยากเอาใจคนถูกทรมาน

“เจ้าเลิกบ่นแล้วกินข้าวเถอะ กินเสร็จข้าจะพาไปนั่งจิบชาที่ริมระเบียงชมจันทร์ดีไหม?”

เพ่ยหนิงได้ยินก็ตาโตทันใด

อีกแล้ว เขาเคยต้องง้อนางนานกว่านี้หรือไม่?

เหตุใดนางหายโกรธเขาง่ายๆ อีกแล้วเล่า?

ขณะถามตัวเองอย่างขัดเคือง นางพยักหน้าตอบรับ “อื้อ”

ท่ามกลางแสงจันทร์นวลตา คนหนึ่งอยู่ในชุดคลุมสีเข้มแลดูสูงศักดิ์หรูหรา ส่วนอีกคนกลับอยู่ในชุดนางกำนัลธรรมดา

สองคนนั่งจิบชาเงียบงัน ต่างชมบุปผาใต้แสงจันทร์อย่างสงบสุขใจ นานๆ ครั้งถึงจะหันมาพูดคุยกันสักประโยคสองประโยค โต้เถียงกันเฉกเช่นคนมีสัมพันธ์คลุมเครือ ไม่ห่างเหินไม่สนิทสนม

“เรานั่งคุยกันแบบนี้เหมาะสมแล้วหรือไร?” เพ่ยหนิงถาม

จ้าวเฟิ่งเลิกคิ้วมอง ตอกกลับเสียงขรึม “ทำไมจะทำไม่ได้ เราสองมิใช่คนอื่นไกล นอกจากไม่ไกลยังมีความชิดใกล้ลึกซึ้งเฉกสามีภรรยา เรือนกายนุ่มหอมกับเรือนผมที่แผ่สยายของเจ้า ไยมิใช่เพื่อชายผู้เป็นสามีเช่นข้าได้ยล เราย่อมนั่งสนทนากันยามราตรี”

“พูดอะไร ใครภรรยาท่าน” เพ่ยหนิงไม่ยอมรับเด็ดขาด แม้การกระทำจะใช่ แต่ฐานะพิเศษเช่นนั้นนางไม่ให้เขาหรอก

ในเมื่อเขามีสตรีอื่นในใจ นางเองก็มีคนสำคัญในใจไม่ต่าง เราสองคนจะอย่างไรก็เหมือนเส้นขนาน ยากบรรจบโดยสิ้นเชิง

มีคนพูดว่าบุรุษแยกหัวใจกับร่างกายออกจากกันอย่างชัดเจน ต่อให้ใจรักคนอื่น แต่ร่างกายกลับกระทำการอันร้อนแรงอย่างถึงอกถึงใจได้กับสตรีทุกคน

บุรุษนามจ้าวเฟิ่งย่อมไม่เว้น

ผิดกับนาง หัวใจกับร่างกายมักจะไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางรักพี่เฉินเฟิงมาก หากแต่ยามนี้หัวใจกลับไขว้เขวแล้ว

นางรู้ตัวแล้วว่าไม่อาจฆ่าจ้าวเฟิ่งได้แน่นอน

ขืนปล่อยเอาไว้เช่นนี้ นอกจากฆ่าเขาไม่ได้ ตัวนางยังต้องสูญเสียหัวใจ ไม่อาจไปสู้หน้าป้ายวิญญาณพี่เฉินเฟิงได้อีกแล้ว...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel