ตอนที่ 7 สวนดอกไม้1
“ท่ะ ท่านอ๋อง”
หลี่อี้กับเซวียเทาลุกพรวดอย่างตกใจทันที พานให้เพ่ยหนิงตื่นตระหนกลุกขึ้นตามด้วยสัญชาตญาณ ทั้งสามเลิ่กลั่กยิ่ง
บรรยากาศชื่นมื่นสดใสเมื่อครู่พลันแปรเปลี่ยนเป็นอึดอัดอึมครึมทันใด
บุรุษผู้หนึ่งแม้ใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างองอาจผึ่งผาย เรียวคิ้วคมคายเสริมดวงตาคมกริบให้เป็นประกายขนาดนั้น แต่เมื่อรวมกับท่าทางเย็นชา ใบหน้าไร้รอยยิ้ม กลับทำให้คนรู้สึกเหมือนเจอวิญญาณอาฆาตในบ่อลึกอันเย็นเยียบเสียดแทงกระดูก
จ้าวเฟิ่งขมวดคิ้วมอง
อันที่จริงเขาค่อนข้างไม่พอใจมากที่บ่าวรับใช้ไร้มารยาท ไม่คำนึงถึงฐานะ แต่พอเห็นเพ่ยหนิงรีบยืนบังอีกสองคนไว้ในท่าพร้อมสู้กับเขาเช่นนั้นพลันทำคนถึงขั้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เมื่อครู่นางแย้มยิ้มมีความสุขก็พอจะเข้าใจ ย่อมเป็นเขาเองที่ทำรอยยิ้มสดใสของนางหายไป
อ๋องหนุ่มไม่พูดอะไร เพียงโบกมือให้ข้ารับใช้ออกไป
เมื่อผู้เป็นนายไม่เอ่ยถึงความผิด ไม่กล่าวถึงโทษทัณฑ์ คนมีความคิดย่อมไม่ทำตัวโง่งมยืนเสนอหน้านานกว่านี้ เซวียเทากับหลี่อี้รีบค้อมศีรษะ ยกมือปิดปากที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆ ออกจากห้องปิดประตูทันที
ควรต้องทราบว่าคนที่รู้สึกพิเศษ การได้อยู่เพียงลำพังแบบสองต่อสองคือสิ่งที่ต้องการเหนืออื่นใด บริวารล้วนเข้าใจ
เมื่อในห้องเหลือแค่สองคน เพ่ยหนิงยู่หน้าช้อนตามองเขา นึกขัดเคืองที่ทำลายอารมณ์กินข้าวของนาง
หญิงสาวหลุบตานั่งลงที่เดิม ไม่อยากมองเขาอีก แต่ปากยังยื่นเหมือนเป็ด
จ้าวเฟิ่งมองนาง หางตาถึงกับกระตุก สีหน้าเช่นนี้คืออันใด ไยน่าเกลียดเสียจริง
“เหตุใดไม่กินต่อล่ะ?”
เพ่ยหนิงเบ้ปาก “แค่เห็นท่าน ข้าก็อิ่มแล้ว”
เขาเดินเข้ามา ลากเก้าอี้มาใกล้นาง แล้วนั่งลงแบบซ้อนแผ่นหลัง วงแขนโอบกระชับเอวคอดกิ่ว แนบชิดขนาดนั้น
เพ่ยหนิงปรายตามอง จะเอาแต่ใจอะไรอีก?
“หน้าข้าทำให้เจ้าอิ่มเอมกระมัง” สุ้มเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเหนือมวยผมนุ่มหอมก่อนที่ลมหายใจร้อนๆ จะเลื่อนลงต่ำมาที่ใบหู
เพ่ยหนิงเอียงคอหลบอย่างจั๊กจี้ “ใครว่า แค่เห็นหน้าท่าน พานให้อาหารจืดชืดไม่น่ากินมากกว่า”
“หึ!” คำตอบนางทำคนฟังนึกเข่นเขี้ยวนัก จ้าวเฟิ่งก้มหน้าขบติ่งหูนางเสียหนึ่งที
“เจ้าปากร้ายยิ่ง” พูดพลางขโมยจุมพิตนางอีกหนึ่งหน
กลีบปากเพ่ยหนิงยิ่งยาวยื่น
จ้าวเฟิ่งเห็นท่าทางนางคล้ายแง่งอนมากกว่าปกติ ต่างจากวันก่อนๆ ที่ต่อปากต่อคำเก่งก็ให้นึกแปลกใจ
“เจ้าเป็นอะไรไป?” เขาถามเสียงทุ้มนุ่มอย่างหาได้ยากยิ่ง
เพ่ยหนิงไม่ตอบ เพียงสะบัดหน้าพรืด ร้องฮึเสียงเย็น
ท่านมีหญิงอื่นในใจอยู่นี่ มีคนอื่นซุกซ่อนอีกมิใช่หรือไร ไยชอบมาตอแยแต่นาง เหตุใดไม่ปล่อยนางไป!
อาการที่คล้ายมีคำว่าโกรธแปะไว้บนหน้าตัวใหญ่เบ่อเริ่มแบบนี้ จ้าวเฟิ่งมีหรือจะไม่ล่วงรู้ถึงอารมณ์นาง เพียงแต่สาเหตุนั้น เขากลับคาดเดาผิดไป
จ้าวเฟิ่งเข้าใจว่าเพ่ยหนิงโกรธที่เขาไม่กลับมาเมื่อคืน
เมื่อคำนวณดูแล้ว พบว่ายามนี้จ้าวไท่หรงคงอยู่กับลู่ซือฉี จิตใจที่มีล้วนต้องอยู่กับอีกฝ่าย ย่อมไม่ได้ใส่ใจส่งคนมาเดินเพ่นพ่านที่จวนเฉิงอ๋องเป็นการชั่วคราว ชายหนุ่มจึงถามเสียงเรียบ
“เจ้าอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกกับข้าหรือไม่?”
แค่นี้เลย เพียงเท่านี้จริงๆ ไม่ต้องง้องอนเอาอกเอาใจหรือให้ทุกสิ่งที่อยากได้ เพ่ยหนิงก็หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง นางพยักหน้าถี่
“อื้อ...”
หญิงสาวผู้หนึ่งเปลี่ยนอารมณ์เร็วยิ่ง
ชายหนุ่มให้นึกเอ็นดูเสียจริง
สวนทางเหนือของจวนมีดอกไม้มากมายน่าเหลือเชื่อ เพ่ยหนิงแทบโบยบินทั้งที่ไม่มีปีกแล้ว
หญิงสาวเดินเล่นไปทั่วสวนดอกไม้อย่างเบิกบานสำราญใจ ดมดอกนั้น ชมดอกนี้ ลูบไล้สัมผัสลำต้นกลีบดอกไม่หยุด
จ้าวเฟิ่งยืนมองภาพนี้นิ่งๆ
เดิมทีเพ่ยหนิงมีหน้าตาสะสวยอยู่แล้ว แม้ไม่มากแต่ก็มีเสน่ห์เฉิดฉาย ตาโตสดใส น่ารักไม่ธรรมดา อีกฝ่ายถึงจะอยู่ในชุดนางกำนัลไร้สีสันเพื่อปกปิดตัวตนแท้จริง ทว่ารอยยิ้มที่รับกับดวงตากลมๆ นั้น ทำให้คนไม่อาจไม่มองเหม่อได้
เขาชอบรอยยิ้มนาง...
สักพักเพ่ยหนิงเดินกลับมาหาจ้าวเฟิ่ง ในอ้อมแขนเต็มไปด้วยดอกไม้หอบใหญ่ “ข้าอยากนั่งชิงช้าตรงนั้น ได้หรือไม่?”
“ได้สิ”
จ้าวเฟิ่งพาเพ่ยหนิงนั่งชิงช้า โดยมีเขานั่งเคียงกัน
ท่ามกลางมวลดอกไม้กลีบไหวใต้แสงตะวันแรงยามสาย ชายหญิงนั่งอยู่บนชิงช้าไม้ตัวเดียวกันเกิดเป็นภาพงดงามชวนฝัน บุรุษเคร่งขรึมเย็นชาคล้ายอันตรธานหายไป หากมีใครมาเห็นเข้าคงคิดว่าเฉิงอ๋องผู้นี้เป็นตัวปลอมแน่
รอบด้านไม่มีบ่าวไพร่คนอื่น มีเพียงหลี่อี้กับเซวียเทาที่ได้รับอนุญาตให้รอรับใช้อยู่ไม่ไกล ห่างออกไปคือองครักษ์คาดดาบที่ไว้ใจได้ของจ้าวเฟิ่งจำนวนหลายสิบคน
การทำเช่นนี้อ๋องหนุ่มเพียงระแวดระวังคนของพี่ชาย เขาหวงแหนเพ่ยหนิงยิ่งกว่าสิ่งใด
ในขณะที่เพ่ยหนิงเข้าใจไปว่าเขากลัวนักโทษเช่นนางจะหนี
ยามนี้ หญิงสาวหลงลืมความแค้นไปชั่วขณะ นางอิงศีรษะไว้บนบ่ากว้าง หลับตาสูดหายใจพากลิ่นอายดอกไม้กลางแสงตะวันเข้าอกลึกยาว
“ฮ้า...ดีจริง”
“ไม่ทำหน้าบึ้งแล้ว?”
เพ่ยหนิงถูกเย้าพลันยู่หน้าทั้งที่แววตามีรอยยิ้ม “ไม่แล้ว”