ตอนที่ 2 ยาในสุรา3
แต่ใครจะคาด ทั้งๆ ที่มียาปลุกกำหนัดเร่งเร้า จนนางสัมผัสได้ถึงบางอย่างในร่างกายเขาที่แทบจะปริแตกอยู่ร่อมร่อผ่านเสื้อผ้า พริบตาเดียว ร่างของนางพลันถูกดึงให้หลุดจากภวังค์เพ้อฝันไปสิ้น ด้วยมือใหญ่ที่จับไหล่นางแล้วดันไปชิดกำแพงดังอึก
ภาพชายหญิงบนเตียงเมื่อครู่ล้วนเป็นหวังซูเหยาจินตนาการไปเองคนเดียว เพราะยามนี้ จ้าวเฟิ่งเพียงก้มมองด้วยดวงตาแดงก่ำ กล่าวเพียงสามคำ
“ไสหัวไป!”
จากนั้นสาวน้อยที่คาดหวังเต็มเปี่ยมว่าพ้นคืนนี้จะได้หมั้นดังใจหมายจึงทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังเฉิงอ๋องที่ค่อยๆ ห่างไป
สาเหตุที่หวังซูเหยาร้อนรนอยู่ไม่สุขจนต้องลุกขึ้นมาทำการลงแรงกายแรงใจ ทำตัวหน้าด้านไร้ยางอายระดับสูงสุดขนาดนี้ เพราะเพิ่งได้ข่าวว่าเฉิงอ๋องกลับมาคราวนี้เหมือนจะมีหญิงในใจ
เขามีคนรักแล้ว เพียงแต่เป็นสตรีที่เขาไม่มีทางได้เคียงคู่ ตัวคนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
หญิงสาวกัดฟัน แววตาหรี่แคบฉายประกายเด็ดเดี่ยว
สองมือในแขนเสื้อของนางกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ แววตาที่มองตามร่างสง่ามีแต่ความรักท่วมท้นที่ไม่เคยลดลง
หญิงสาวรวบรวมความกล้าครั้งสุดท้าย วิ่งไปดักหน้าเขา
“พี่เฟิ่ง ท่านรู้ดีว่าตั้งแต่ข้าเป็นเด็กหญิงไม่ประสา ในใจข้าก็มีเพียงท่านแล้ว ทำไมเล่า ทำไมท่านไม่มองข้าบ้าง ไยต้องมองหาสตรีที่ไม่คู่ควรที่หายตัวไปทางใดก็ไม่รู้ผู้นั้นด้วย”
ฝีเท้าอันหนักอึ้งชะงักกึก หางตาจ้าวเฟิ่งกระตุกเบาๆ
หวังซูเหยาเห็นดังนั้นก็เริ่มลำพองใจ สองตาปริ่มน้ำแลดูงดงามหยาดเยิ้มจึงส่งให้ไม่มีลดละ จ้องมองอย่างลึกซึ้งเข้าไปในดวงตาคมดำไร้ก้นบึ้งของเขาอย่างจงใจ
ด้วยสภาพของเขายามนี้หากถูกสตรียื้อเวลาให้ร่วมเสวนา เกรงว่าพรุ่งนี้คงต้องส่งแม่สื่อไปเจรจาหมั้นหมายตามแผนการ
หวังซูเหยาลอบแย้มยิ้มอยู่ในใจ เมื่อเห็นหนทางสำเร็จรำไร
ทว่าท้ายที่สุด จ้าวเฟิ่งกลับไม่ใส่ใจว่านางจะรู้เรื่องส่วนตัวของเขามากน้อยแค่ไหน แววตาของเขายังคงเฉยเมยคล้ายผลักไส น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบผิดกับอาการร้อนรุ่มในอก
“ไม่เกี่ยวว่าข้ามีใครเคียงหรือครองตัวสันโดษ เพราะสิ่งเดียวคือข้าไม่ต้องการเจ้า”
กล่าวจบเขาปรายตามองนางนิ่งๆ เดินจากไปอย่างเย็นชา
อีกคราที่หวังซูเหยาทำได้เพียงมองเงาร่างสูงสง่าจนลับตา รับรู้เพียงกลิ่นอายรังเกียจที่เขาทิ้งไว้ให้แผ่ซ่านรอบตัวนาง ตอกย้ำเด่นชัดถึงคำปฏิเสธอันเฉียบคมและเน้นว่าวันหน้าไม่มีโอกาสแล้ว...
เรือนเฉินเฟิงตั้งตระหง่านในจวนเฉิงอ๋อง
ขันทีเร่งรุดเข้าหาทันทีที่เห็นผู้เป็นนายกลับเข้าเรือนมา “ท่านอ๋อง”
จ้าวเฟิ่งเดินเข้าห้อง ไม่หันมอง “เตรียมน้ำให้เปิ่นหวาง”
“พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีน้อมกายรับคำ หันไปสั่งให้คนดำเนินการ
นางกำนัลผู้มีสายตามากประสบการณ์มองจ้าวเฟิ่งครู่หนึ่งจึงรับรู้ถึงความผิดปกติของผู้เป็นนาย นางเอ่ยอย่างรู้งานอย่างดี “ท่านอ๋อง บ่าวจะไปตระเตรียมสาวงามให้เดี๋ยวนี้”
จบคำก็ยอบกายแล้วจากไปจัดการทันที
น้ำในถังไม้ถูกเติมจนเต็ม ในจังหวะที่ขันทีนามหลี่อี้กำลังยกน้ำร้อนค่อยๆ เติมให้ เฉิงอ๋องยกมือห้ามไว้ “ไม่ต้อง”
จบคำก็ปลดผ้าออกจากร่างแล้วนั่งลงถังไม้ทั้งอย่างนั้น
หลี่อี้นิ่วหน้า “ท่านอ๋อง น้ำเย็นเกินไป ขอท่านอ๋องโปรดถนอมพระวรกายด้วย” ยังพูดไม่จบ เสียงแหบพร่าก็ตัดบท
“แต่เปิ่นหวางกำลังจะตายหากไม่ได้น้ำเย็น เจ้ารู้หรือไม่?”
รู้สิ ทำไมจะไม่รู้ ในเมื่อเขาเห็นชัดเจนว่าผู้เป็นนายเหนือหัวถูกวางยาอันใดมา หลี่อี้ยืดคอยาว มองประตูครั้งแล้วครั้งเล่า หวังให้นางกำนัลพาตัวสาวงามมาโดยไว
ในถังไม้ จ้าวเฟิ่งลำตัวสั่นเทา ฝ่ามือที่จับขอบถังเกร็งแน่น หลังมือตลอดจนท่อนแขนเข็งแกร่งมีเส้นเลือดปูดนูนเด่น แลดูมีเสน่ห์ร้อนแรงแฝงความเย้ายวนดึงดูดใจคนเป็นพิเศษ ยังมีสันกรามที่ขบกัน จมูกโด่งสันขึ้นสีแดงเรื่อ ริมฝีปากบางเม้มแน่น องคาพยพบนใบหน้ายามนี้คำว่าหล่อเหลาทรงเสน่ห์ยังน้อยเกินไป