ตอนที่ 2 เสียใจ
รินรดาหอบเอาความเสียใจกลับมายังบ้าน บ้านหลังนี้เป็นเขาและเธอร่วมสร้างกันมา ไม่คิดไม่ฝันว่า วันนี้เขาพูดจาทำร้ายหัวใจเธอจนย่อยยับ เธอยืนเงยหน้ามองบ้านหลังไม่ใหญ่มาก มีพื้นที่ห้าสิบตารางวา
หญิงสาวกำลังจะเปิดประตู แต่กลับรู้สึกคลื่นไส้เหมือนเดิม ก่อนหน้านี้เธอก็เป็น นี่คือเหตุผลว่าเธอทำไมจึงคลื่นไส้บ่อยนัก เพราะทานอาหารไม่ตรงเวลา และเครียดมาก จึงทำให้เธอวิงเวียนบ่อยครั้งเลยนั่งอยู่หน้าบ้าน
อันที่จริงวันนี้เธอต้องไปทำงาน แต่เนื่องด้วย แม่สามีนัดเธอให้ออกไปพบ วันนี้เธอจึงต้องขอลางานกับหัวหน้า โชคดีที่คุณอาทิตย์ใจดี ให้เธอลางานได้
ที่ผ่านมาชีวิตของเธอไม่ได้สุขสบายนัก มารดาของเธอเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง ส่วนพ่อก็ไม่อยากพูดถึง เพราะไม่เคยช่วยเหลือ ดีแต่ดื่มเหล้า เมาหัวราน้ำแทบทุกวี่วัน
ส่วนน้องชายก็มักเกเร ชอบสร้างเรื่องวุ่นวายเสมอ เธอต้องทำงานส่งเสียตัวเองจนเรียนจบคณะบริหาร หลังจากเรียนจบแล้ว เธอก็เร่งสมัครงาน เพื่อทำทุกอย่างให้ดี หวังว่าแม่เธอจะสบาย
แต่แล้วทุกอย่างที่เธอทำมานั้น กลับกลายเป็นสูญเปล่าเสมอ พ่อมักขอเงินเธอบ่อย น้องชายก็เตะต่อยหาเรื่องคนไปทั่ว เธอต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง
เพื่อประกันตัวน้องชายไม่ให้ถูกดำเนินคดี และเงินนั้นก็มักเป็นเขตแดนนำมาให้เธอไปชดใช้หนี้ให้ฝ่ายคู่กรณีหลายแสน อาจเป็นเพราะเรื่องนี้จึงทำให้คุณรัศมีไม่ชอบเธอ
เพราะครอบครัวของเธอไม่ได้สมบูรณ์พร้อมเหมือนกับครอบครัวอื่น ๆ ขณะที่หญิงสาวกำลังหย่อนก้นลงนั่งอยู่หน้าบ้าน ไม่มีแรงที่จะเข้าไปในนั้น จู่ ๆ ก็มีข่าวบันเทิงเด้งแจ้งเตือนขึ้นมาอย่างกะทันหัน
รินรดาเปิดขึ้นมาแล้วอ่านมัน แต่แล้วเธอก็ไม่อยากเชื่อสายตา ว่าภาพที่เธอเห็นจะเป็นสามีของเธอกับดารันนางเอกสาว น้ำตาได้ไหลรินลงมาอีกครั้ง เธอพยายามทำใจให้ไม่เชื่อข่าวลือนั่น
ก็เพราะว่าสามีของเธอมักพูดเสมอว่าข่าวลือก็คือข่าวลือ มันไม่จริง แต่วันนี้ภาพนี้ปรากฏขึ้น แล้วเธอมีสิทธิ์ไม่เชื่อหรือไรกัน ไม่นานมีเสียงดนตรีดังขึ้นมา เธอรีบปาดน้ำตาทันใด “นี่...พี่เห็นหรือเปล่า พี่เขยกำลังมีชู้ พี่รีบขอหย่าแล้วขอค่าเลี้ยงดูเลยนะ คราวนี้พวกเราจะได้สบายสักที”
“ต้นทำไมพูดจาแบบนี้ พี่ไม่คิดแบบนั้นเลยนะ ไปเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน” เธอตอบกลับเสียงดัง เพราะน้องชายอ้าปากก็มีแต่เรื่องเงินทอง ไม่เคยคิดว่าพี่สาวจะลำบากมากน้อยขนาดไหน หาเรื่องวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น
ยังไม่ทันวางสาย ก็ได้ยินเสียงบิดาบังเกิดเกล้าแทรกเข้ามา “มึงจะโง่หรือไงกันวะ เงินกองอยู่ตรงหน้ามึงแล้ว ไม่รีบคว้าเอาไว้ เดี๋ยวก็ถูกหมาคาบไปแดก อดแดกจนได้”
“พ่อ!...พูดแบบนี้ได้ยังไง ทำไมหน้าเงินกันอย่างนี้ พูดออกมาแต่ละคำฟังได้ที่ไหนกัน” ถ้อยคำเหล่านี้บ่งบอกถึงจิตใจคน บิดาของเธอก็มักคิดแต่เรื่องเงิน ไม่สนใจว่าเธอจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
และไม่รู้ว่ารักเธอแบบไหนกันแน่ ถึงมีแต่เรื่องให้เธอปวดหัวบ่อยครั้ง บางครั้งเธอไม่อยากรับสาย ไม่อยากกลับบ้านหรือพบหน้า พบกันทีไรก็มีแต่ขอเงินกับเธอ ไม่คำนึงว่าเธอจะมีหรือไม่มี มักบังคับขู่เข็ญเสมอ หากไม่ให้ก็ตำหนิต่อว่า ด่าทอสาดเสียเทเสียไม่มีชิ้นดี
“โอ๊ย อีผู้ดีตีนแดง มึงนะมันโง่ โง่ไม่ลืมหูลืมตา ผู้ชายที่ไหนมันจะรักเดียวใจเดียววะ มันเอากับอีแม่นางเอกถึงไหนต่อไหนแล้ว มึงยังหน้าโง่ให้มันสวมเขาอยู่ได้ เป็นกูนะจะรีบหย่าแล้วขอค่าเลี้ยงดูสักสิบ ยี่สิบล้าน”
ชายชราสีหน้าแดงก่ำกำลังมึนเมาได้ที่ นั่งอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับเพื่อนในวงเหล้า ข้างกายมีขวดเหล้าขาววางอยู่บนพื้น บ้างก็ล้มระเนระนาด ไม่ใช่มีแค่เหล้าขาว ยังมีขวดเบียร์นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น
“พ่อ...รินไม่คิดว่าพ่อจะกล้าพูดถึงขนาดนี้” รินรดาเสียใจจนไม่สามารถพูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจได้ นับตั้งแต่ที่เธอตัดสินใจจดทะเบียนกับเขตแดน ก็ไม่มีวันไหนเลยที่เธอจะยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
และไม่มีวันไหนเลยที่พ่อกับน้องชายจะไม่เบียดเบียนเงินทอง เงินเดือนของเธอก็แค่หมื่นต้น ๆ กินใช้จ่าย แบ่งให้แม่มันจะเหลืออะไร อีกอย่างน้องชายก่อเรื่องบ่อย ๆ
เธอจะเอาเงินที่ไหนมาให้หนักหนา มาปรนเปรอให้พ่อกับน้องชายถลุงเล่นกัน ถ้าหากใช่เงินจากเขตแดนให้มา ล่าสุดก็ให้เธอมาหลายแสนเพื่อเคลียร์คดีความให้น้องชายตัวดีตัวเจ้าปัญหา
หากเธอไม่นำเงินมอบให้ แม่ก็นั่งร้องไห้เพราะกลัดกลุ้มใจ ทำใจไม่ได้ที่ลูกชายจะต้องติดคุกติดตะราง แม้ว่าเธอเคยพูดกับต้นกล้าแล้ว ให้กลับตัวกลับใจตั้งใจเรียนหนังสือ
อย่าเที่ยวให้มากนัก อย่าหาเรื่องคนอื่นเวลาเมาเหล้า แต่คำพูดของเธอก็เหมือนเข้าหูสายทะลุหูขวา ต้นกล้าไม่เคยทำได้อย่างที่รับปากเอาไว้เลยสักครั้ง
“ถ้ามึงไม่รีบหย่ากับมันนะ เงินสักบาทก็คงไม่ได้แล้วละโว้ย” คงเดชพูดแดกดันให้ลูกสาวอย่างสนุกปาก ไม่คิดว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไรปวดใจหรือไม่
เพราะว่าคงเดชอยากได้เงินเอามาไว้ใช้จ่าย เบื่อแล้วกับความจน อยากจะมีรถยนต์หรู ๆ เหมือนคนอื่นบ้าง แต่ขี้เกียจทำงาน ถ้าลูกสาวหย่าแล้วได้เงินมา
เขาจะรีบเอาไปซื้อรถยนต์คันโตโก้หรูอวดเพื่อน ๆ ให้พวกมันอิจฉาเล่นเสียหน่อย คร้านจะเรียกเขาว่า พี่ ส่วนสาว ๆ ก็เรียกต้องเปลี่ยนจากลุง เป็นเสียแทน แค่คิดก็มีความสุขแล้ว
รินรดานั่งร้องไห้มาครู่ใหญ่ นึกเสียอกเสียใจหนักหนา ว่าทำไมเธอจึงมีพ่อและน้องชายแบบนี้ และไม่รู้ว่าแม่ของเธอทนกับพฤติกรรมของพ่อกับน้องชายได้อย่างไรกัน
หญิงสาวกำลังจะวางสาย แต่แล้วกลับได้ยินคำพูดที่ไม่ควรจะออกจากปากของผู้บังเกิดเกล้า “พวกมึงคิดดูนะ ลูกกูมันโง่ขนาดไหน ผัวมีชู้แต่มันยังนอนสบายใจ ถ้าไอ้เขตแดนขอหย่ากับมัน
มันก็คงโง่เง่าไม่ขอค่าเลี้ยงดู แต่กู...นี่แหละจะเป็นคนไปขอมันสักสิบล้าน ยี่สิบล้าน ถ้ากูรวยนะ กูจะเลี้ยงเหล้าพวกมึงสิบวันสิบคืนเลย ฮ่า ๆ ๆ”
ต้นกล้ายังหัวเราะด้วยอีกคน เพราะนั่งดื่มเหล้าอยู่ในวงด้วยกัน เหลือบมองเห็นว่าพี่สาวยังไม่วางสาย ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นว่า “พี่ริน จำเอาไว้นะว่าพี่ต้องทำความฝันของพ่อให้เป็นจริง”
ความเจ็บปวดเข้ามากลืนกินหัวใจอันแหลกสลายอีกครั้ง ด้วยคำพูดของน้องชายที่ตอกย้ำ ซ้ำไปซ้ำมา รินรดานั่งก้มหน้าร้องไห้จนตัวโยน
เธอกำลังจมอยู่กับความหดหู่และความอ้างว้าง เจ็บปวดทุกข์ทรมานใจอย่างสุดซึ้ง ข้างกายไร้เงาสามี หัวใจดวงนี้ก็ยิ่งไหวหวั่น เต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวอ้างว้าง อยากมีเขาเคียงข้างในวันที่เธอปวดร้าวแบบนี้
ทว่าป่านนี้แล้ว เขากำลังอยู่กับดารัน ดาราสาวอนาคตไกล ยิ่งเธอเงยหน้ามองหน้าจออีกครั้ง เห็นภาพของทั้งสอง ก็ยิ่งทำให้เธอคิดฟุ้งซ่านไปไกล
หญิงสาวจึงตัดสินใจส่งข้อความไปหาสามีอีกครั้ง ด้วยมืออันสั่นไหว ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่หน่วยตาทั้งสองข้าง “วันนี้กลับบ้านเร็วหน่อยได้ไหมคะ รินไม่สบายค่ะ”
“ไม่สบายก็ไปหาหมอสิ ผมไม่ใช่หมอจะรักษาคุณได้อย่างไรกัน อย่ามาออดอ้อนออเซาะให้น่าสงสารนักเลย ผมไม่มีเวลาให้คุณหรอกนะ แล้วอย่าส่งข้อความมาอีกผมไม่ว่าง คืนนี้ผมอยู่กับดารันไม่กลับบ้าน แค่นี้นะ”
ทว่า...เมื่อข้อความที่ตอบกลับมาและเธอกำลังอ่านมัน จึงทำให้รินรดาหัวใจแตกสลายไม่มีชิ้นดี และแล้วหญิงสาวก็หมดสติไปในที่สุด เพราะความเสียใจอยู่หน้าบ้าน ไร้ผู้คนเดินผ่านไปมาให้ความช่วยเหลือ ร่างบอบบางนอนแน่นิ่งหายใจอ่อนแรงอยู่บนพื้นอันเยียบเย็น
จนกระทั่ง ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาพบเห็น จึงร้องอุทานเสียงหลงอย่างตระหนกตกใจ ข้าวของในมือถูกโยนทิ้งกระจัดกระจาย รีบวิ่งเข้ามาประคองเพื่อนรัก แล้วเรียกชื่อรินรดาไม่หยุดหย่อน “ริน ริน รินฟื้นสิ รินฟื้นสิ”