สิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน | Ep.2 |
สิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน | Ep.2 |
ระหว่างรอภูผาเก็บกระเป๋าท้ายรถ แพรพลอยก็ถือโอกาสสำรวจใบหน้าและการแต่งกายของอีกฝ่ายจากตัวเป็นๆ อีกครั้ง
ส่วนสูง 186 เซ็นติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม ใบหน้าเห็นสันกรามแหลมชัดเจน ดวงตาคมรีดูมีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามมากๆ ผมทรงมัลเล็ตหรือทรงรากไทรสไตล์ยุค 80 ยิ่งทำสีเทาควันบุหรี่ยิ่งดูหล่อกระชากใจสาวๆ มีความโดดเด่นที่การตัดสั้นเปิดหู และมีการสไลด์ไล่ระดับให้ดูน่าค้นหา บวกกับผิวหน้าขาวนวลเนียนละเอียดนั่นแล้ว ไม่ต่างอะไรจากพวกเน็ตไอดอลจีนหรือพี่ๆ บอยแบนด์ในเกาหลีเลย แถมเสื้อสูทสีกรมสบายๆ ที่สวมทับอยู่กับเสื้อยืดคอกลมตัวในสีขาวยังช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้หญิงหลายๆ คนอีกด้วย
...นี่มันพระเจ้ามาเองชัดๆ!
หลังจากที่สำรวจอีกฝ่ายจนพอใจแล้ว ก็ถึงคราวของสนามบินที่แพรพลอยเคยมาเหยียบล่าสุดตอนบินไปเยอรมันตอนห้าขวบบ้าง
ดวงตาคู่สวยไล่มองทุกๆ อย่างที่ปรากฏแก่สายตาจนไปสะดุดอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินไปตัดหน้ารถแท็กซี่อย่างไม่ตั้งใจเพราะความรีบร้อนพอดี
"อยากตายนักรึไงวะ!!" เสียงตะโกนลั่นของคนขับแท็กซี่ดังออกมาจากหน้าต่างรถ เพราะหัวเสียเอามากๆ ที่ต้องเบรคกระทันหัน แถมยังมีผู้โดยสารชาวต่างชาตินั่งอยู่ด้วยสองคน
ปี๊ดๆๆ!!
"รีบถอยไปสิวะ! เวลาเป็นเงินเป็นทอง!"
ปี๊ดๆๆๆ!!
เสียงแตรรถที่บีบซ้ำๆ ติดต่อกันหลายครั้งดังเข้ามาในโสตประสาทของแพรพลอยจนทำให้ร่างบางขยับไปไหนไม่ได้เพราะเท้าเริ่มชา มือไม้สั่นและมีอาการหายใจไม่ออกร่วมด้วย
หลังจากปิดท้ายรถ ดวงตาคมก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวที่ยืนตัวแข็งทื่อและกำลังมีอาการแปลกๆ อย่างเช่นดวงตาคู่สวยคู่นั้นกำลังสั่นเครือก่อนจะมีน้ำตาคลอ ตอนนั้นเองภูผาจึงไม่รอช้าที่จะเดินไปดู
"น้องแพร...เป็นอะไรรึเปล่า!?" มือหนาคว้าเข้าที่ต้นแขนเล็ก ก่อนจะจับหญิงสาวให้หันมาเผชิญหน้า มือบางที่ทั้งเกร็งทั้งสั่นพยายามจะยกขึ้นมาที่หู ตัวภูผาเองก็ไม่รู้เหตุผล และเขาก็ไม่เข้าใจกับอาการที่อีกฝ่ายกำลังเป็นอยู่ด้วย
แพรพลอยพยายามยกมือขึ้นไปที่หูอย่างยากลำบากเนื่องจากอาการเกร็งและชาไปทั้งตัว หญิงสาวไม่สามารถตอบคำถามของภูผาได้เนื่องจากปากพูดอะไรไม่ได้ มันแข็งเกร็งไปทุกส่วน พอปลายนิ้วแตะหูได้ก็รีบแหวกเส้นผมเข้าไปปัดบางอย่างออกจนหล่นลงพื้น
กริ๊ก!
ดวงตาคมหลุบมองที่วัตถุบางอย่างที่พึ่งจะล่วงหล่นลงตรงปลายเท้า พบว่าเป็นเครื่องช่วยฟังสำหรับคนที่หูมีปัญหาทางการได้ยิน เห็นอย่างนั้นแล้วชายหนุ่มก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถขอคำอธิบายจากหญิงสาวได้ เขาจึงต้องก้มไปเก็บมันขึ้นมาดูเองเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ
"น้องแพร!.." ภูผารีบยัดวัตถุที่มั่นใจแล้วว่าเป็นเครื่องช่วยฟังจริงๆ เข้ากระเป๋าเสื้อ แล้วรีบเขย่าร่างบางเพื่อเรียกสติเธออีกครั้ง ทว่าแพรพลอยกลับยืนนิ่งตัวสั่น ดวงตาแดงช้ำและมีน้ำตาไหลรินลงมา จนกระทั่งเธอล้มพับลงต่อหน้าเขา แน่นอนว่าภูผารับร่างที่ไร้สติเอาไว้ได้ทัน ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา
บ้านใหญ่เกษมนิล
"อย่าลืมให้คนไข้ทานยาตามที่หมอสั่งด้วยนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นหมอขอตัวกลับก่อน"
"ได้ค่ะคุณหมอ เดี๋ยวป้าเดินไปส่งนะคะ"
ป้าฉิน แม่บ้านคนเก่าคนแก่อายุ 61 ปีเดินนำหน้าคุณหมอหนุ่มวัย 42 ปีออกไปจากห้อง เหลือเพียงภูผาที่ยังยืนกอดอกมองคุณหนูแพรพลอยนอนป่วยหน้าซีดอยู่บนเตียง
Rrrr~
มือหนาล้วงมือถือที่ส่งเสียงเรียกเข้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงขณะที่สายตาก็ยังไม่ลดละไปจากใบหน้าสวย พอหยิบขึ้นมาก็จำต้องดึงสายตากลับมาดูว่าใครโทรมา ก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดเข้าหากัน
...เบอร์จากต่างประเทศ?
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันได้ไม่นานก็ต้องคลายออกเมื่อพอจะเดาได้ว่าใครโทรเข้ามา
"ครับ" เสียงเข้มเอ่ยทักทายปลายสายด้วยประโยคสั้นๆ
(จำลุงได้ใช่ไหม?) และปลายสายก็ถามกลับมาทันที
"ครับ ผมจะลืมคุณลุงได้ยังไง" การที่บอกว่าจำคนคนนึงได้ไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะสนิทสนมและลึกซึ้งเสมอไป แต่การจดจำในครั้งนี้เป็นความทรงจำที่แสนเจ็บปวดและผูกใจเจ็บมาหลายปีของภูผา แต่เนื่องด้วยบุญคุณที่อีกฝ่ายสร้างไว้ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจผูกแค้นไว้ได้
(นายคงเห็นอาการที่แพรพลอยเป็นแล้วใช่ไหม?) ปลายสายเลือกที่จะเข้าเรื่องทันทีเพราะกลัวเรื่องราวในอดีตจะกระตุ้นต่อมความโกรธของอีกฝ่ายจนไม่สามารถขอร้องบางสิ่งบางอย่างได้
"ครับ ผมจะขอบคุณมากถ้าคุณลุงจะอธิบายให้ผมเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องแพร"
(เฮ้อ~ ลุงเองก็กังวลใจเรื่องนี้มาตลอด สิ่งที่ยัยแพรเป็นมันสร้างความทุกข์ทรมานใจให้ลุงมาก...)
"และก็สร้างความทุกข์ทรมานใจให้ผมด้วย!"
(ใจเย็นๆ ลุงรู้ว่านายรู้สึกยังไงผา)
"ครับ งั้นคุณลุงก็รีบบอกผมมา...ว่าน้องแพรเป็นอะไรกันแน่"
(ผา...นายยังโกรธลุงอยู่ใช่ไหมเกี่ยวกับเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน) อดิพัชรไม่สามารถจะหลบเลี่ยงสิ่งที่อยู่ในใจได้ จึงหลุดปากถามออกมาอย่างต้องการจะเคลียร์ทุกเรื่องราว ไม่อย่างนั้นเขาคงขอให้ภูผาดูแลแพรพลอยได้ไม่เต็มปาก
"คุณลุงอยากจะพูดอะไร!" ภูผาแอบกัดฟันโกรธเมื่อปลายสายถามถึงอดีตที่เขาไม่อยากได้ยินไม่ว่าจะผ่านไปกี่ร้อยกี่พันปีก็ตาม
(อาการที่ยัยแพรเป็นอยู่มันเกี่ยวกับอุบัติเหตุในครั้งนั้น)
"คุณลุงหมายความว่าไง?" ลมหายใจชะงักงันเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่คาดคิด ความโกรธที่พึ่งจะก่อตัวขึ้นมอดลงไปทันทีที่ได้ยินเรื่องราวแปลกใหม่
(ตอนนั้นบนรถไม่ได้มีแค่เจษ นุช แล้วก็พิมพ์ แต่มียัยแพรด้วย)
"ว่าไงนะครับ!" ภูผายอมรับว่าตกใจมากที่ได้ยินคำขยายความของประโยคที่ทำให้ลมหายใจเขาชะงักลง
เจษกับนุชที่อดิพัชรพูดถึงคือพ่อและแม่ของภูผา ส่วนพิมพ์คือภรรยาของเขาหรือแม่ของแพรพลอย
(ลุงไม่รู้ว่าวันนั้นพิมพ์แวะไปรับแพรพลอยกลับจากโรงเรียน หลังเกิดอุบัติเหตุ สิทธิ์ธาไปถึงก่อนคนอื่น เลยเจอแพรพลอยเข้า ตอนนั้นทุกคน....) ใจจริงอดิพัชรอยากจะพูดต่อ ว่าทุกคนเสียชีวิตกันหมดแล้ว แต่ก็กลัวกระทบจิตใจคนฟังอย่างภูผา
".......?"
(....ไม่มีสติกันแล้ว เหลือแค่ยัยแพรคนเดียวที่นั่งร้องไห้ สิทธิ์ธาเลยอุ้มเธอออกมาแล้วหนีไปก่อนที่พวกกู้ภัยจะมาถึง)
"หมายความว่าอาการที่น้องแพรเป็นอยู่มาจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น?"
(คิดว่าน่าจะใช่ จากที่ลุงกับสิทธิ์ธาสืบมา เหมือนพวกนั้นจะรู้แล้วว่าแพรพลอยอยู่ในรถด้วย)
"อ้างอิงจากอะไรครับ?"
(ญาติๆ ฝั่งพิมพ์ส่งข่าวมาตอนยัยแพรเจ็ดขวบ บอกว่าช่วงนั้นมีคนสะกดรอยตามทุกๆ ครั้งที่มียัยแพรไปไหนมาไหนด้วย โชคดีที่ผู้ใหญ่ฝั่งนั้นพอมีอำนาจอยู่บ้าง ยัยแพรถึงได้อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นไปได้ว่ามันต้องการฆ่าปิดปากยัยแพรเพราะคงกลัวเธอจะพูดในสิ่งที่เห็น ซึ่งลุงก็ไม่รู้ว่าเธอเห็นอะไร)
"เป็นไปได้เหรอครับที่น้องแพรจะไม่บอกอะไรคุณลุง ถึงเธอจะห้าขวบแต่เธอก็รู้เรื่องมากกว่าเด็กวัยเดียวกันผมมั่นใจ!"
(เฮ้อ! หลังจากสิทธิ์ธาอุ้มออกจากรถมาเธอก็สลบไปแล้ว พอฟื้นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่เธอตายบนรถ ลุงเลยต้องโกหกไปว่าพิมพ์ไม่สบายและจากเราสองพ่อลูกไปไกลแล้ว)
"ถ้างั้นแล้วหูเธอล่ะ ทำไมเธอถึงต้องใช้เครื่องช่วยฟัง?"
(แพรพลอยตื่นขึ้นมาไม่ใช่แค่ความทรงจำช่วงที่อยู่บนรถหายไปเท่านั้น อยู่ดีๆ เธอก็ได้ยินทุกอย่างเบาขึ้น มันเบากระทั่งจับใจความไม่ได้ หมอก็ไม่รู้สาเหตุ ลุงพาเธอตะลอนไปรักษาทุกโรงพยาบาลในเยอรมัน แต่ก็เสียเวลาเปล่า หมอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจิตใจเธอบาดเจ็บ และเป็นต้นเหตุของอาการทั้งหมด)
"แล้วคุณลุงสงสัยใครเป็นพิเศษไหมครับ?" เมื่อรู้ว่ามีคนกำลังปองร้ายแพรพลอย ภูผาก็ไม่อาจอยู่นิ่งได้
(ลุงคิดว่าคนบงการเรื่องทั้งหมดเป็นคนในบริษัท เพราะพวกเขาสามคนจะต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ถึงได้รีบร้อนขับรถออกไปแบบนั้น เราต้องตามหาแฟลชไดร์ฟของพิมพ์ให้เจอ ถ้ามันไม่สำคัญจริงๆ มันคงไม่หายไป)
"ไม่ต้องห่วงครับ เพราะผมเองก็ไม่เคยปล่อยเรื่องนี้ให้หายไปตามกาลเวลาเหมือนที่คุณลุงทำ!" เสียงเข้มเค้นรอดไรฟันพลางกำมือแน่น
(ผาลุงขอโท!...)
"เอาเป็นว่าผมจะจับตาดูคนรอบตัวน้องแพรและดูแลน้องแพรไม่ให้คลาดสายตาเอง คุณลุงวางใจเถอะครับ" ชายหนุ่มรีบตัดบทก่อนจะได้ยินคำตัดพ้อขอโทษเดิมๆ ที่เคยได้ยินมาไม่รู้กี่หนแล้ว
(ขอบใจนะผา ลุงรู้ว่านายไม่มีทางปล่อยให้ยัยแพรเป็นอะไรไปแน่ ไม่งั้นลุงไม่กล้าปล่อยเธอกลับไทยหรอก ทั้งนี้ก็เพื่อบริษัทด้วย ถ้าแพรพลอยไม่เข้าไปดูแลเกรงว่าบริษัทจะเจอปัญหาใหญ่ที่ยากเกินจะแก้ อ้อ...อย่าลืมล่ะ เธอกลัวเสียงแตรรถมาก พยายามอย่าให้เธอได้ยินมันอีก)
"ผมจะพยายามพาเธอหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบนี้ให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน แต่คุณลุงก็ต้องเข้าใจด้วยว่ามันยากมากกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติบนท้องถนน"
(ลุงรู้ ตัวยัยแพรเองก็รู้ เพียงแต่เธอต้องยอมที่จะเผชิญหน้ากับมันไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจจะแย่แค่ไหนก็ตาม)
"ผมจะปกป้องเธอเต็มที่...รู้ใช่ไหมครับว่าผมหมายถึงอะไร" ไม่รอให้ปลายสายได้ตอบคำถาม ภูผาก็ชิ่งตัดสายไปเสียดื้อๆ แล้วแสยะยิ้มมุมปากให้หน้าจอมือถือด้วยแววตายากจะคาดเดา
หลังจากเคลียร์ปัญหากับอดิพัชรจบ ภูผาก็หันกลับไปมองคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องและขับรถกลับบ้านตัวเอง