พี่ชายในฝัน | Ep.1 |
พี่ชายในฝัน | Ep.1 |
บริษัท KTCh safety
ก๊อกๆๆ
"เชิญครับ"
แอร๊ด~
"ลุงกร..." ร่างสูงกำยำในชุดสูทสีกรมซึ่งเป็นยูนิฟอร์มของบอดี้การ์ดมืออาชีพยืนขึ้นทักทายผู้บริหารซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆ ที่พึ่งจะเปิดประตูเข้ามา
"มานั่งเถอะ ลุงมีธุระจะคุยด้วย" ภากร เอ่ยเรียกหลานชายให้มานั่งที่โซฟาด้วยกัน เพราะการมาในครั้งนี้ไม่ได้แค่จะมาเยี่ยมเยียนบริษัทของตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่บังเอิญมีเรื่องที่สำคัญกว่านั้น
"ยังจำหนูแพรพลอยได้ไหม?"
ภูผา ชะงักไปเมื่อได้ยินคนเป็นลุงถามแบบนั้น
"จำได้ครับ"
"ดี ลุงเชื่อว่าความสัมพันธ์ของพวกแกคงไม่ได้หายไปไหนแม้จะผ่านมาตั้งยี่สิบปีแล้วก็ตาม"
"ลุงถามถึงน้องแพรทำไมเหรอครับ?"
"อ้อ พอดีหนูแพรพลอยกลับมาไทยวันนี้ ไอ้เอกโทรมาขอให้แกช่วยไปรับลูกสาวมันหน่อย แล้วก็ขอให้แกช่วยคุ้มกันหนูแพรพลอยจนกว่าไอ้เอกมันจะกลับมาจากเยอรมัน"
"ลุงเอกไปเยอรมันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?"
"อาทิตย์กว่าๆ แล้ว เห็นว่าบริษัทแม่มีปัญหาเลยต้องรีบบินด่วนไปจัดการ"
"แล้วน้องแพรจะมาถึงกี่โมงครับ?"
"เห็นว่าน่าจะประมาณบ่ายสาม"
"ครับ" ภูผายกข้อมือขึ้นมาระดับอกเพื่อดูเวลาบนนาฬิกาเรือนหรู
"แล้วนี่แก...ยังโกรธไอ้เอกมันอยู่รึเปล่า?" ภากรเลียบเคียงถามหลานชายถึงเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน อันที่จริงเขาไม่ควรพูดถึงเลยด้วยซ้ำ แต่ยังไงก็ต้องถามเพราะภูผาต้องไปดูแลแพรพลอยอีกนาน เกรงว่ามันจะกระทบกระเทือนจิตใจเด็กๆ ทั้งสองคน
"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ลุงไม่ต้องเป็นห่วง"
"โอเค ถ้าแกโอเคลุงก็หมดเรื่องจะขอแล้ว ก่อนกลับขอแวะเยี่ยมเยียนเด็กๆ ในบริษัทหน่อยก็แล้วกัน ไม่ได้เข้ามาตั้งหลายเดือน มีแกคอยดูแลอยู่ลุงก็ไม่รู้จะเข้ามาดูอะไร"
"เดี๋ยวผมพาไปทักทายครับ ลุงน่าจะจำพวกเขาได้"
"จำได้สิวะ ฉันพึ่ง 53 เองนะโว่ย!"
ภูผายกยิ้มมุมปากให้กับญาติสนิทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ก่อนจะพาภากรออกไปเยี่ยมเยียนบอดี้การ์ดทุกคน ซึ่งก็ไม่มีใครไม่รู้จักประธานบริษัท ถึงแม้นานๆ ทีภากรจะมาก็เถอะ
ส่วนภูผาเองก็มีตำแหน่งเป็นรองประธานของที่นี่ ช่วยลุงบริหารและแทบจะทำทุกอย่างแทนลุงหมด ทุกการตัดสินใจของภูผาล้วนเป็นที่ยอมรับและเด็ดขาด โดยที่ไม่ต้องถามประธานบริษัทอย่างภากรเลย
สนามบิน
15:15 นาฬิกา
ร่างบางในชุดกางเกงสีเทาขาจั๊มห้าส่วนสวมเข้าคู่กับเสื้อยืดคอเต่าสีขาวแขนยาวถึงข้อศอกนวล ตรงช่วงอกเย็บเป็นตาข่ายสีดำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำให้มองทะลุจนเห็นเนินอกอวบที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงเดินอย่างเซ็กซี่
แพรพลอย กำลังเดินสับขาออกมาจากประตูทางออกของสนามบิน ก่อนที่เท้าเล็กซึ่งสวมตัวอยู่ในรองเท้าผ้าใบสีขาวรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นจะหยุดลงตรงข้างเสาของตัวอาคารแล้วหยิบมือถือราคาแพงออกมาจากกระเป๋าแบรนเนมด์ใบเกือบล้านเพื่อดูเวลา
"จึส์! มาช้าจริง!" เสียงเล็กบ่นอุบอย่างหงุดหงิด ถ้าไม่ติดว่าบิดาสั่งไว้ว่าห้ามโบกแท็กซี่กลับเองและห้ามไปกับใครมั่วๆ จุกจิกราวกับว่าเธอเป็นเด็กห้าขวบ ป่านนี้เธอคงไม่ต้องเสียเวลามายืนรอคนของท่าน
แต่ก็เถียงไม่ได้เลยว่าเธอนั้นอยู่ที่ประเทศไทยครั้งสุดท้ายก็ตอนห้าขวบ ตอนนี้อายุยี่สิบห้าปีแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนกลายเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นตา หากว่าคนเป็นพ่อไม่จัดเตรียมคนให้มารับ เธอเองต้องกลับบ้านไม่ถูกแน่ๆ เพราะแม้แต่บ้านตัวเองหญิงสาวก็ยังจำทางกลับไม่ได้ และนับประสาอะไรกับบริษัทของครอบครัวที่เธอจะต้องไปทำงาน
"น้องแพร..."
ใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงบางๆ ทว่าสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์มาจุติรีบหันหาเจ้าของเสียงทุ้มละมุนชวนใจเต้นแรง แต่พอเห็นเจ้าของเสียงเรียกนั้นแล้ว ใจที่กำลังเต้นระรัวก็ฟูขึ้นมาอีกหลายร้อยเท่า ใบหน้าหล่อละมุนทำตาเธอค้างเพราะซึ้งในความหล่อเหลาของอีกฝ่าย
"พี่ผา?" ถึงจะอึ้งกับความหล่อแต่เธอก็ยังไม่ลืมที่จะประหลาดใจ ทำไมชายหนุ่มถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าเขาคือคนที่บิดาส่งมารับ?
ดวงตาคู่สวยทอประกายแวววาว ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีอีกฝ่ายก็ยังจำเธอได้งั้นเหรอ?
ส่วนหญิงสาวนั้นจำอีกฝ่ายได้ดีเลยทีเดียว เพราะการที่บิดาพาเธอข้ามน้ำข้ามทะเลไปส่งอีกทวีปนั้นไม่ได้หมายความว่าเธอจะทิ้งทุกสิ่งที่อยู่เมืองไทยไปจนหมด
แพรพลอยเริ่มติดต่อบิดาให้ส่งข้อมูลและข่าวคราวของคนตรงหน้ามาให้ตอนเธอเริ่มเข้าเรียนไฮสคูล จากนั้นหญิงสาวก็ได้รูปของภูผาทางโทรศัพท์มาตลอด อดิพัชรถึงขนาดต้องจ้างลูกน้องที่ไว้ใจได้คนหนึ่งติดตามภูผา และให้ลูกน้องคนดังกล่าวติดต่อกับแพรพลอยโดยตรง เธอจึงได้โอกาสสั่งงานลูกน้องของบิดาให้ติดตามภูผาทุกฝีก้าว เพราะงั้นช่วงที่ชายหนุ่มอยู่ในรั้วมหา'ลัย จึงอยู่ในสายตาแพรพลอยตลอด ไม่เว้นแม้กระทั่งสถานบันเทิงที่ภูผาชอบไป ผู้หญิงที่เขาควง ซึ่งเธอไม่ชอบหน้าสาวๆ พวกนั้นเป็นที่สุด! จวบจนกระทั่งภูผาเข้าทำงานที่บริษัทเคทีซีเอช เซฟตี้
แพรพลอยกับภูผาสนิทสนมกันมาตั้งแต่จำความได้ ตอนเด็กๆ หญิงสาวมักจะประกาศกับใครต่อใครไปทั่วว่าภูผาเป็นพี่ชาย ซึ่งภูผาเองก็ยินดีที่จะรับสถานะที่เด็กสาวเรียกร้อง ก็เพราะเอ็นดูและรักเธอมากจึงไม่ขัดข้องใดๆ
แต่พอพ่อกับแม่ภูผาเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ ภูผาก็กลายเป็นเด็กที่นิ่งเงียบ ไม่ร่าเริงเหมือนเก่า ทำให้ความสัมพันธ์วัยเด็กของทั้งคู่เปลี่ยนไป ไม่กี่เดือนอดิพัชรก็พาแพรพลอยไปส่งที่เยอรมันเพื่อใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นกับครอบครัวฝั่งมารดาของเธอ
"ยังจำพี่ได้ด้วยเหรอ?" เสียงเรียบเอ่ยถามพลางแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย ดวงตาคมกดมองเนินอกอวบผ่านผ้าตาข่ายสีดำแล้วแอบบ่นอุบในใจ ...ยังไม่ระวังเนื้อระวังตัวเหมือนเดิมเลยนะ
แพรพลอยอยากจะตะโกนตอบไปดังๆ เลยว่าไม่ใช่แค่จำได้ แต่เธอยังรู้อาชีพการงาน รู้ว่าเขาจบจากโรงเรียนและมหา'ลัย ไหน ระหว่างเรียนมีใครมายุ่งย่ามบ้างนั่นเธอก็รู้หมด!
"เอ่อก็...หน้าพี่ผาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเยอะนี่คะ ทำไมแพรจะจำไม่ได้" ริมฝีปากบางสีชมพูมันวาวคลี่ยิ้มหวาน อันที่จริงคนตรงหน้าดูเปลี่ยนไปเยอะเมื่อเทียบกับสมัยหกเจ็ดขวบ ที่อยากบอกก็คือเขาหล่อขึ้นเป็นกองเลย หากว่าเธอตัดขาดกับเขาไปตั้งแต่ตอนนั้น วันนี้เจอกันก็คงจะเดินผ่านไปเฉยๆ อาจมีสะดุดออร่าความหล่อเหลานั้นบ้าง แต่ก็คงไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นพี่ชายที่แสนดีคนนั้น
"แล้วพี่ผาเป็นยังไงบ้างคะ"
"ก็ดี ชีวิตพี่ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นนักหรอก"
"อ่อค่ะ" เคยคิดว่าถ้าเจอกันเธอจะซักประวัติเขาให้ขาวไปเลย แต่พอเจอจริงๆ ปากดันพูดอะไรไม่ออก เมื่อก่อนเธอกับเขาสนิทกันก็จริง แต่ตอนนี้คนตรงหน้าโตเกินกว่าที่เธอจะไปเดินตามเขาต้อยๆ อีกอย่างเธอกับเขาก็ห่างกันมานานมาก ความสัมพันธ์ของเราสองคนคงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
"ต่อไปนี้พี่จะเป็นคนดูแลน้องแพร มีปัญหาอะไรก็บอกพี่ได้" เสียงเรียบนิ่งที่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปแย่งกระเป๋าเดินทางของอีกฝ่ายมาถือไว้
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรแค่ยังไม่คุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลง ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างน่าจะเข้าที่..."
"พี่บอกว่าจะดูแลก็คือตามนั้น พี่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย งานคืองาน อีกอย่างสัญญากับลุงเอกไว้แล้วคงไม่กล้าเสียคำพูด"
"อ่อ ค่ะ" จากที่ยืนตัวแข็งทื่อเพราะตื่นเต้นที่ได้เจอตัวจริงของชายหนุ่มเพราะอยู่ที่เยอรมันมองได้แค่รูปจากโทรศัพท์ แพรพลอยก็ต้องยืนไหล่ตกและรีบผ่อนคลายตัวเองเมื่อได้ยินประโยคห่างเหินนั่น
ที่แท้ก็ทำตามคำขอของบิดาเธอนี่เอง ตอนแรกก็อุตส่าห์ดีใจนึกว่าอีกฝ่ายยังไม่ลืมความสัมพันธ์ดีๆ ที่เมื่อยี่สิบปีก่อนเคยมี เธอคงเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขาตอนนี้ และเขาก็ดูเปลี่ยนไปมากไม่ใช่แค่หน้าตาแต่รวมถึงนิสัยใจคอด้วย แถมเขายังดูเป็นภูผาคนคูลคนนั้น ไม่ใช่พี่ผาคนที่ร่าเริงของเธอ
"ไปกันเถอะ รถติดเดี๋ยวจะมืดเอา"
"ค่ะ" หญิงสาวรีบเดินตามคนตัวสูงไป มือก็คอยลูบผมบ๊อบสั้นสีน้ำตาลหม่นเทาที่ไม่ได้สั้นอยู่แค่ท้ายทอยแต่ยาวเลยบ่ามาเล็กน้อย ตัดแต่งด้วยการสไลด์ปลายนิดๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาลูบหน้าม้าซอยบางๆ เข้ากับใบหน้ารูปไข่
หญิงสาวคอยลูบผมให้ปิดบังใบหูข้างขวาตลอดทาง ลอบมองแผ่นหลังกว้างที่เดินลากกระเป๋านำหน้าด้วยแววตาน้อยใจ
...ไม่มีอีกแล้วสินะพี่ผาคนเดิมของเธอ ถ้าอ้อนแล้วเขาจะกลับมาตามใจเธอเหมือนเดิมไหมนะ~