ขโมยจูบ | Ep.7 |
ขโมยจูบ | Ep.7 |
หลังจากเช็คบิลเสร็จ ซึ่งคนจ่ายคือภูผา ทั้งคู่ก็กลับมาขึ้นรถ ขณะที่หญิงสาวกำลังจะถอดเครื่องช่วยฟังออก คนข้างๆ ก็ได้ยื่นบางอย่างมาให้ นั่นก็คือเครื่องช่วยฟังตัวโปรดที่เธอปัดมันหล่นที่สนามบิน
"พี่ผาเก็บไว้เหรอคะ?" มือบางรีบรับมาดูความเสียหายจากการกระทำของตัวเอง หวังว่ามันคงจะยังไม่พังนะ สั่งทำแพงขนาดนี้ กระแทกนิดกระแทกหน่อยคงไม่ถึงกับเจ๊ง
"เห็นพอดี เลยเก็บติดมือมาน่ะ"
"ขอบคุณค่ะ" เสียงหวานเอ่ยขอบคุณพร้อมๆ กับตัวรถที่กำลังเคลื่อนออก
แพรพลอยไม่ได้แปลกใจที่ชายหนุ่มไม่ถามเรื่องหู เพราะคิดว่าบิดาคงรายงานภูผาหมดแล้ว เรื่องที่เธอมีปัญหาเรื่องหูโดยไม่ทราบสาเหตุ สร้างความอึดอัดใจต่อเธอมาหลายปี เพราะนั่นหมายความว่าเธอจะไม่มีทางรักษาเพราะหาสาเหตุไม่ได้
หญิงสาวเก็บเครื่องช่วยฟังทั้งอันที่ชายหนุ่มยื่นคืนให้แล้วก็อันที่พึ่งถอดออกจากหูใส่กระเป๋า ก่อนจะหันไปกระตุกแขนเสื้อเขาสองครั้ง ยิ้มยั่วไปให้อีกหนึ่งกรุบ ค่อยๆ หยอดไปทีละนิด เดี๋ยวชีวิตก็แจ่มใสขึ้นมาเอง
"มีอะไรก็สะกิดแพรนะคะ นั่งรถแพรจะไม่ใส่เครื่องช่วยฟัง"
"อืม.."
เขาทำเพียงแค่พยักหน้า มองริมฝีปากหยักลึกที่ไม่ขยับก็พอจะเดาออกว่าเขาคงตอบเพียงแค่ 'อืม' สั้นๆ จากนั้นหญิงสาวก็หันไปมองวิวนอกกระจกรถไม่ได้สนใจคนข้างๆ อีก
วันแรกสำหรับการทำงานผ่านพ้นไปแล้ว ถึงจะไม่หนักหนาสาหัสทว่าแพรพลอยกลับรู้สึกเหนื่อย มันเหมือนในหัวมีภาพบางอย่างอยู่ในนั้น แต่ไม่ฉายขึ้นมาให้เห็นสักทีว่ามีภาพอะไรอยู่ รู้แค่ว่ามันเป็นเหตุการณ์สมัยที่เธอยังเป็นเด็ก
บ้านเกษมนิล
"ขอมือถือหน่อย"
"พี่ผาจะเอาไปทำอะไรคะ?" ใบหน้าสวยเอียงถามและไม่ลืมที่จะยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ใส่คนที่แบมือขอมือถือจากเธอหลังจากที่พึ่งลงมาจากรถเพราะถึงบ้านแล้ว
"....." แต่ชายหนุ่มกลับไม่ตอบ ได้แต่สบตาคู่สวยนิ่งแล้วใช้สายตาบังคับให้อีกฝ่ายทำตามคำขอแกมคำสั่งของเขา หญิงสาวจึงยอมยื่นมือถือมาให้
มือหนากดอะไรสักอย่างในโทรศัพท์ของหญิงสาว แล้วก็สแกนหน้าจอ จากนั้นก็จิ้มๆ อยู่สักพักราวๆ หนึ่งนาทีได้ เสร็จแล้วจึงส่งมือถือคืนไปให้เจ้าของ
"พี่เพิ่มเบอร์โทรศัพท์แล้วก็ช่องทางติดต่อทางไลน์ให้แล้ว มีปัญหาอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เข้าใจไหม?"
"ค่ะ" มือบางรับโทรศัพท์คืนมา แล้วกดดูไลน์ที่อีกฝ่ายพึ่งจะเพิ่มเพื่อน ก่อนจะกดดับหน้าจอแล้วบอกลาชายหนุ่มด้วยท่าทีมีนัยแฝง "งั้นแพรเข้าบ้านก่อน ขับรถกลับดีๆ นะคะ"
"พรุ่งนี้พี่จะมารับเวลาเดิม"
ใบหน้าสวยพยักรับหงึกๆ แล้วทำทีจะเดินเข้าบ้าน ทว่าก้าวไปเพียงได้สองก้าว ร่างบางก็หมุนกลับมาแล้ววิ่งไปเขย่งจุ๊บปากพี่ชายคนสนิทอย่างภูผาหนึ่งที จากนั้นก็รีบวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน
"น้องแพร!..." ส่วนคนโดนขโมยจูบก็ได้แต่ส่งเสียงเรียกชื่อหญิงสาวที่ก่อเหตุลั่น ก่อนจะยืนเลิ่กลั่กเสียอาการ เม้มปากนิ่งอยู่อย่างนั้น เอามือแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ แต่ไม่ได้ทำท่าเช็ดออกหรือรังเกียจอะไร จากนั้นภูผาก็รีบขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
ภูผาขับรถมาที่ใต้สะพานใหญ่ซึ่งมีรถสัญจรไปมาแทบจะตลอดเวลา รถสปอร์ตคันหรูสีดำเงาแล่นมาจอดหน้าตู้คอนเทนเนอร์เก่าๆ ที่ตั้งอยู่ใต้สะพานราวกับถูกทิ้งไว้ มือหนาหยิบมือถือขึ้นมากดอะไรสักอย่าง ไม่นานประตูตู้ก็เปิดออกด้วยระบบไฟฟ้าที่เชื่อมสัญญาณต่อกับมือถือ จากนั้นชายหนุ่มก็ขับเคลื่อนตัวรถเข้าไปจอดด้านใน
หลังจากจอดรถเสร็จร่างสูงก็ออกมาจากห้องนั้นแล้วจิ้มหน้าจอมือถือหนึ่งครั้งประตูก็ปิดตัวลงอย่างสนิท และไม่มีใครสามารถเปิดมันได้นอกจากเขาเพียงคนเดียว
ภูผาเดินไปหยุดอยู่หน้าเสาต้นหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเสาที่ค้ำสะพานด้านบนเอาไว้ แต่เปล่า เสาต้นนี้สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกตาผู้คนเท่านั้น ใบหน้าหล่อหันซ้ายหันขวาดูลาดเลา เมื่อปลอดคนจึงหมุนไม้เก่าๆ รูปลูกศรที่ห้อยอยู่ชี้ไปอีกฝั่งทางแม่น้ำ จากนั้นประตูก็เปิดออก เท้าหนาจึงรีบก้าวเข้าไปในเสาต้นนั้นทันที ระบบสแกนใบหน้าผู้มาเยือนทำงานเสร็จไฟสีเขียวก็ขึ้นว่าผ่าน แล้วห้องลับห้องนั้นก็เคลื่อนที่ลงสู่ชั้นใต้ดิน
ติ๊ง!
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ภูผาก็เดินเข้าไปในบ้านอย่างผ่อนคลายเสมือนวันนี้ได้ไปคุ้มกันบุคคลคนสำคัญมา แต่เปล่าเลย ชายหนุ่มรู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าไปใช้หมัดใช้เข่าเสียอีก เพราะต้องตั้งท่ารับมือกับใครบางคนทั้งวัน แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่สามารถรับมือกับเธอได้ เพราะวันนี้โดนริมฝีปากบางสีหวานสัมผัสมาสองครั้งแล้ว
เสื้อสูทสีกรมถูกถอดออกและวางพาดไว้บนโซฟาสีน้ำตาลตัวหรู ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้าไปในห้องแต่งตัวที่มีเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์ ส่วนหนึ่งเอาไว้ใส่ทำงาน อีกส่วนหนึ่งคือเสื้อผ้าที่ใส่เป็นประจำ
พอเปลี่ยนเป็นชุดลำลองเสร็จ ร่างสูงก็ออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วเดินมาที่ครัวต่อ ซึ่งครัวนั้นอยู่ติดฝาผนังมุมห้อง ด้านหลังไม่ไกลก็เป็นเตียงนอนแล้ว
มือหนาเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่แล้วหยิบอาหารแช่แข็งออกมาเวฟ เสร็จแล้วจึงไปนั่งที่โซฟาเปิดทีวีจอใหญ่ดูฟุตบอลพร้อมๆ กับกินอาหารที่พึ่งถือมาอย่างเอร็ดอร่อย
และนี่คือชีวิตประจำวันของเขาที่บ้าน
หลังจากกินเสร็จก็เดินเอากล่องอาหารไปทิ้งลงถังขยะ แล้วผูกถุงขยะทันทีเพราะมันเต็ม จากนั้นก็เดินไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง ซึ่งมันยังมีอีกสามเครื่องอยู่ติดๆ กัน
ภูผาลงมือเสิร์ชหาชื่อจักราชและตรีสมร นั่งอ่านประวัติคร่าวๆ เสร็จก็รีบปริ้นรูปของสองผัวเมียคู่นั้นออกมา ก่อนจะเอาไปปักไว้ที่บอร์ดตรงฝาผนัง ซึ่งบนบอร์ดนั้นมีรูปของคนที่อยู่ในอุบัติเหตุเมื่อยี่สิบปีก่อน รวมถึงผู้ที่น่าจะเกี่ยวข้อง มีทั้งรูปเหยื่อและรูปคนที่คาดว่าน่าจะเป็นคนร้าย ซึ่งก็ยังฟันธงอะไรไม่ได้เพราะหลักฐานยังไม่เพียงพอให้ชี้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนั้น
ดวงตาคมจ้องมองรูปชายหญิงคู่หนึ่งด้วยแววตาห่วงหา ก่อนที่แววตานั้นจะเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น พร้อมกับมือหนาที่กำแน่น
"ผมจะต้องหาตัวคนที่ฆ่าพ่อกับแม่ให้ได้...ผมสัญญา!"
วันต่อมา
นิ้วแกร่งกระตุกอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่ร่างสูงบนเตียงจะค่อยๆ ขยับตัวตื่น ภูผาปรือตาขึ้นมาท่ามกลางแสงสว่างบนหน้าจอแอลอีดีขนาดใหญ่ที่ติดอยู่กับฝาผนัง ซึ่งภาพในจอคือแดดยามเช้าที่ส่องผ่านกล้องที่เขาติดเอาไว้ตรงแม่น้ำ ซึ่งเห็นวิวด้านนอกทั้งหมด เสมือนเราเปิดหน้าต่างบานใหญ่ไว้จริงๆ
คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อถูกแสงนั้นส่องดวงตาที่ปิดสนิทอยู่พลางงัวเงียนึกในใจ ...แดดจ้าขนาดนี้ทำไมนาฬิกาเขาถึงไม่ปลุก? คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นควานหามือถือ และก็พบว่ามันอยู่ใต้หมอน
"เชี่ย!! กูลืมชาร์จแบตเหรอวะ?" ภูผาเหวี่ยงมือถือทิ้งแล้วรีบคลานลงจากเตียงขนาดคิงไซส์ไปดูนาฬิกาตั้งโต๊ะข้างทีวี จึงพบว่ามันเกือบจะสายแล้ว เลยรีบวิ่งไปคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป
40 นาทีต่อมา
รถสีดำคันหรูเลี้ยวเข้าบ้านเกษมนิลแล้วไปจอดหน้าประตูใหญ่ แต่กลับไม่เห็นคนที่นัดไว้เมื่อวานแม้แต่เงา ทำให้ชายหนุ่มต้องลงไปถามแม่บ้านที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่
"ขอโทษนะครับ น้องแพรยังไม่ลงมาเหรอครับ?"
"อ๋อ คุณหนูให้ตาสง่าพาไปห้างใกล้ๆ เนี่ยค่ะ เห็นบอกว่าจะไปซื้อของใช้ส่วนตัว"
"ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มเดินกลับมาขึ้นรถหลังได้คำตอบ ก่อนจะมานั่งถอนหายใจนึกคาดโทษเด็กดื้อที่หนีไปชอปปิ้งคนเดียว
...เธอคงยังไม่รู้สินะว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายและพร้อมจะมีภัยเข้าหาตัวตลอดเวลา คงต้องดุให้เกรงกลัวกันจริงๆ แล้วสินะถึงจะเชื่อฟัง