

ตอนที่ 2 เฮียโซ่คนโหด
ตอนที่ 2
เฮียโซ่คนโหด
มหาวิทยาลัย M คณะวิศวกรรมศาสตร์
“หมอบลงไป!!!” เสียงร้องตะโกนดังลั่นบริเวณลานเกียร์แห่งนี้ พร้อมกับเหล่ารุ่นน้องปีหนึ่งที่พร้อมใจกันนอนราบลงไปกับพื้นตามคำสั่ง ของ โซ่ เฮดว้ากสุดโหดของคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งนี้
“ผมจะพูดกับพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย อยากได้ไหมรุ่นน่ะ!” โซ่ร้องตะโกนขึ้นอีกครั้ง
“อยากครับ/ค่ะ” ซึ่งรุ่นน้องปีหนึ่งที่นอนหมอบกันอยู่ก็พร้อมใจกันตอบมาเสียงดัง
“ผมให้เวลาพวกคุณอีกวันเดียว ล่าลายเซ็นรุ่นพี่มาให้ครบ ไม่อย่างนั้นรับน้องมหา’ลัย วิศวะก็ไม่ต้องเข้าร่วม!”
“เข้าใจที่พูดกันไหม?” ลีออน พี่ว้ากอีกคนตะโกนถามขึ้นหลังจากที่โซ่พูดจบแล้ว
“เข้าใจครับ/ค่ะ”
“ดี ตั้งใจทำกิจกรรม อย่าทำให้พวกผมผิดหวังล่ะ” ไลอ้อน แฝดพี่ของลีออนพูดทิ้งท้ายไว้แล้วก็เดินออกไป ตามด้วยกลุ่มพี่ว้ากอีก 4 คนที่เดินตามไป
“มีอะไรก็ไปบอกกูที่ห้องกิจการ” โซ่เดินมาที่หน้าประตูแล้วแวะบอกหัวหน้าสตาฟที่ยืนรอคุมน้องกิจกรรมอยู่
“ครับพี่”
เมื่อคุยกับรุ่นน้องเสร็จแล้วโซ่ก็เดินออกมาสมทบกับกลุ่มเพื่อนของเขาที่กำลังยืนรออยู่ที่ด้านข้างลานเกียร์
“ไปไหนต่อวะ?” เรย์ เอ่ยถามขึ้น ทำให้เพื่อนทุกคนหันไปมองที่โซ่เป็นตาเดียว
“กูมีงานที่ห้องกิจการ” โซ่เห็นสายตาของเพื่อนมองมาจึงเอ่ยปากขึ้น
“งานอะไร?”
“สรุปการรับน้องก่อนจะขอจัดวันชิงธงไง” เป็นลีออนที่ตอบแทนโซ่ เพราะเขาเองก็มีงานที่ต้องดูช่วยโซ่เช่นกัน
“อ๋อ” เมื่อได้ยินอย่างนั้น เพื่อนอีก 3 คนก็พยักหน้าเข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้นกูไปนั่งเล่นที่ห้องกิจการก็แล้วกัน”
ไลอ้อนพูดขึ้น เพราะแม้ว่าเขาจะไม่มีงานอะไรต้องทำ แต่เมื่อเช้านี้เขามาพร้อมกับลีออน น้องชายฝาแฝดของเขา อย่างไรก็ต้องรอกลับพร้อมกับลีออนอยู่แล้ว
“เออ รอไอ้โซ่ทำงานเสร็จแล้วค่อยไปหาอะไรกิน” เวคิณจึงสรุปให้แล้วหันไปถามโซ่
“ตกลงไหม?”
“อื้ม” โซ่พยักหน้ารับแล้วก็เดินนำเพื่อนไปที่ห้องกิจการ
โซ่ ศิรวิทย์ ไพศาลกุล ทายาทเจ้าของบริษัทนำเข้ารถยนต์และอะไหล่ อายุ 21 ปี เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมยานยนต์ ปี 3 เฮดว้ากสุดโหดของคณะ และยังเป็นถึงหลานเจ้าของมหาวิทยาลัย โซ่มีเพื่อน 4 คน
ไลอ้อน ลีออน แฝดนรกรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งนิสัยทั้งคู่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไลอ้อนจะเจ้าชู้และขี้เล่น ส่วนลีออนจะนิ่ง ๆ นิสัยคล้าย ๆ กับโซ่ จึงทำให้ทั้งคู่สนิทกันมาก
ต่อมาคือพายัพ รู้จักกันตอนมาเรียนที่นี่ นิสัยจะคล้าย ๆ กับไลอ้อน ทั้งคู่จึงค่อนข้างจะสนิทกัน
อีกคนคือเรย์ ลูกครึ่งไทย-เกาหลี นิสัยจะค่อนข้างกลาง ๆ ไม่นิ่งและขี้เล่นจนเกินไป มารู้จักกับกลุ่มโซ่ตอนมาเรียนที่นี่เหมือนกันกับพายัพ
ห้องกิจการนักศึกษา
ทั้ง 5 คนเดินเข้ามานั่งตามมุมของตนเอง โซ่และลีออนก็นั่งอ่านเอกสารกันอยู่ ส่วนไลอ้อนและพายัพก็สุ่มหัวกันหาส่องรุ่นน้องเฟรชชี่ของปีนี้
“ปีหนึ่งบัญชีแม่งมีแต่คนเด็ด ๆ” ไลอ้อนพูดขึ้นในขณะที่กำลังส่องเพจปีหนึ่งงานดี ซึ่งเป็นเพจที่รวมรุ่นน้องปีหนึ่งที่น่ารัก ๆ เอาไว้
“ไหนวะ?” พายัพจึงหันมาหยิบเอาโทรศัพท์ในมือของไลอ้อนไปดูอย่างถือวิสาสะ
“เออ น้องมีนา แม่งสวยฉิบหาย” เมื่อเห็นรูปแล้วก็เห็นด้วยกับเพื่อนสนิท เขาเลื่อนดูชื่อของรุ่นน้องแล้วก็พูดขึ้น
“เบา ๆ หน่อย” เรย์หันมามองสองคนที่สุมหัวกันส่องสาวอยู่แล้วปรามเบา ๆ เพราะเพื่อนอีกสองคนกำลังทำงานกันอยู่
“ไอ้โซ่” ลีออนลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินมาหาโซ่ที่นั่งทำงานอยู่
“???” โซ่เงยหน้าขึ้นมองลีออนอย่างตั้งคำถาม ซึ่งลีออนไม่ได้ตอบ แต่ยื่นเอกสารไปตรงหน้าของเพื่อนสนิทแทน
โซ่อ่านเอกสารแล้วขมวดคิ้วงุ่น
“มีอะไรวะ?” ทำให้เรย์สงสัย ลุกขึ้นมาแล้วชะโงกไปดูเอกสารในมือของโซ่
“ทำไมได้มาแค่นี้?” โซ่เงยหน้าขึ้นถามลีออน
“ไม่รู้”
“เดี๋ยวกูมา” เมื่อได้รับคำตอบแบบนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกจากห้องไป
ไลอ้อนและพายัพเห็นว่าสถานการณ์ไม่ปกติจึงเดินไปหยิบเอกสารที่โซ่วางทิ้งไว้บนโต๊ะขึ้นมาดู
“งบอะไร? อย่าบอกนะว่างบกิจกรรมวันชิงธง” เมื่อเห็นแล้วไลอ้อนก็เงยหน้าขึ้นมาถามน้องชายตนเองทันที
“ไม่ใช่” ลีออนส่ายหน้านิ่ง
“มึงคงไม่ได้หมายความว่านี่คืองบกิจกรรมรับน้องรวมนะ” เรย์จึงพูดขึ้นบ้าง
“ไม่ใช่แค่กิจกรรมรับน้องรวม แต่รวมทุกกิจกรรมที่คณะเราทำ”
เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น ไลอ้อน พายัพ และเรย์จึงหันมามองหน้ากันทันที
“ไอ้ฉิบหาย ตามไปเร็ว” ไลอ้อนพูดขึ้นแล้วรีบวิ่งตามโซ่ไป โดยถือเอกสารงบประมาณติดมือไปด้วย
“โซ่ ๆ มึงใจเย็น ๆ ก่อนเพื่อน” เมื่อวิ่งตามมาทันโซ่ที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสาม ซึ่งเป็นชั้นห้องทำงานของอาจารย์ในคณะ ไลอ้อนก็พยายามพูดให้เพื่อนของตนใจเย็น
“หลีกไป” โซ่เอ่ยขึ้นเสียงนิ่ง
“ใจเย็น ๆ มีอะไรค่อยพูดกัน” พายัพจึงเข้ามาดักหน้าด้วย
“กูก็จะไปพูดนี่ไง”
“หลบ!” โซ่ผลักเพื่อนทั้งสองออกแล้วเดินต่อ
“เอาไงดีวะ?” ไลอ้อนหันมาถามความเห็นของเพื่อนที่เหลือ
“ตามสิไอ้สัส” ลีออนจึงพูดขึ้นแล้วเดินตามโซ่ไปเงียบ ๆ
โซ่เดินหน้านิ่งมาที่หน้าห้องของอาจารย์ที่รับผิดชอบกิจกรรมรับน้องของคณะแล้วเปิดประตูเข้าไปทันที
พรึบ
“นี่!!” ทำให้อาจารย์ชัยวัฒน์ที่กำลังนั่งดูหนังอยู่เงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่พอใจ เพราะโซ่เข้ามาโดยที่ไม่ได้เคาะประตู
“อ้าว ศิรวิทย์มีอะไร?” เขาพยายามปล่อยผ่านไปแล้วถามขึ้น
“ผมจะมาคุยกับอาจารย์เรื่องงบประมาณรับน้องครับ” โซ่จึงเดินมาที่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของอาจารย์แล้วเอ่ยเข้าเรื่องทันที
“อ๋อ ว่ามาสิ” อาจารย์จึงพยักหน้ารับแล้วถามขึ้น
“อาจารย์ไม่คิดว่ามันน้อยไปเหรอครับ? งบที่อาจารย์จัดสรรมา”
“อาจารย์ไม่ได้เป็นคนจัดสรรเอง แต่เป็นทางคณบดีและกรรมการให้มาเท่านี้”
อาจารย์ไม่ได้สนใจสีหน้าของโซ่ที่กำลังหงุดหงิดอยู่ เขาตอบไปอย่างสบาย ๆ เหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“ให้มาเท่านี้?” คนอื่น ๆ ที่ตามมาได้ยินอย่างนั้นก็พูดขึ้นพร้อมกันทันที
“ใช่ อาจารย์แย้งแล้วนะว่ามันน้อยไป แต่ทางนั้นบอกว่ากิจกรรมรับน้อง ทำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร” อาจารย์จึงพูดขึ้นแล้วทำหน้าจนใจ
“เหรอครับ?” โซ่กัดฟันแล้วถามขึ้นเสียงนิ่ง
“ใช่น่ะสิ” อาจารย์ก็พยักหน้ายืนยัน
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปร้องเรียนเรื่องนี้กับอธิการบดีเองครับ” โซ่จึงพูดขึ้นบ้าง
“อะไรนะ!” ทำให้อาจารย์ร้องขึ้นอย่างตกใจ
“ถ้าอาจารย์ยืนยันว่าทางคณบดีให้งบมาเท่านี้ เดี๋ยวผมจะไปคุยกับอธิการบดีเองครับ”
โซ่ปรายตามองอาจารย์ตรงหน้าเล็กน้อยแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไป โดยเขาหยิบเอกสารในมือของไลอ้อนไปด้วย
“ดะ เดี๋ยว” ทำเอาอาจารย์ร้องห้ามไว้ไม่ทัน
“ไม่ต้องห่วงนะครับอาจารย์ พอดีไอ้โซ่มันเป็นหลานท่านอธิการน่ะครับ”
ไลอ้อนมองสีหน้าซีดของอาจารย์และแสยะยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นเพื่อให้อาจารย์สบายใจ
“วะ ว่าไงนะ!!” แต่ไม่รู้ทำไม อาจารย์ถึงได้ดูช็อกยิ่งกว่าเดิม
“นี่อาจารย์ไม่รู้เรื่องนี้เหรอครับ? ก็คงไม่แปลกหรอกครับ เพราะว่าอาจารย์เพิ่งย้ายมานี่นา”
พายัพจึงพูดเสริมและมองอจารย์ด้วยความสะใจ เพราะไม่แปลกที่คนตรงหน้าจะไม่รู้ว่าโซ่คือหลานชายของท่านอธิการบดี เพราะอาจารย์คนนี้เพิ่งย้ายมา และก็ได้มารับผิดชอบตรงนี้เลย
“ปะ ไปตามศิรวิทย์มา!” อาจารย์พยายามตั้งสติและสั่งให้เพื่อนของโซ่ไปตามโซ่กลับมา
“คงไม่ทันแล้วล่ะครับ ป่านนี้มันคงเดินไปถึงรถแล้วมั้ง”
“มะ ไม่ได้นะ” ได้ยินอย่างนั้นก็ทำให้อาจารย์รู้สึกแข้งขาอ่อนขึ้นมาทันที
จากนั้นเขาก็พยายามตั้งสติแล้ววิ่งออกจากห้องไปเพื่อห้ามโซ่
“มาถึงก็เหยียบหางเจ้าถิ่นเลยว่ะ” พายัพพูดขึ้นแล้วหัวเราะอย่างสะใจ
“มึงว่าไอ้โซ่เป็นหมาเหรอ?” ไลอ้อนได้ยินอย่างนั้นจึงหันขวับมามองพายัพทันที
“กูไม่ได้พูดนะ มึงพูดเอง” พายัพยักไหล่แล้วก็โยนงานให้ไลอ้อน
“เออ มึงพูด เดี๋ยวไอ้โซ่มากูจะฟ้องมัน” เรย์จึงพูดขึ้นเสริม
“อะ อ้าว ไอ้ลีนช่วยกูด้วย ไอ้พายมันใส่ร้ายกู”
เมื่อโดนรุม ไลอ้อนจึงหันไปหาน้องชายตนเองแล้วพูดขึ้นเสียงอ้อน
“ปัญญาอ่อน”
ลีออนปรายตามองพี่ชายตนเองอย่างเอือมระอา เขาพูดเสียงนิ่งแล้วเดินนำออกไป ตามด้วยเรย์
“ถามจริงนะ ชีวิตนี้มึงมีคนรักบ้างไหมวะ?”
พายัพหันมากอดคอไลอ้อนแล้วถามขึ้นติดตลก
“ไอ้สัส”
