ตอนที่ 4
ตืดดดด ตืดดดด ตืดดดดด
“ฮัลโหล อืม มีไรวะ คนจะนอน” ผมไม่ได้มองหรอกนะครับว่าใครโทรมา เพราะตอนนี้ผมง่วง ง่วงมาก ๆ เลย
“เฮ้ย ไอ้มาร์ท แกตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย แกลืมแล้วเหรอวะว่าวันนี้แกต้องเข้ามาเคลียร์ค่าใช้จ่ายเมื่อคืน”
อ้อ ผมรู้แล้วไอ้คนที่โทรมากวนผมตอนนี้มันคือใคร ไอ้คิมนี่เอง แต่ว่า เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันบอกว่า ค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายอะไร ผมนึกไม่ออก
“ค่าใช้จ่ายอะไรวะ มึงมั่วแล้ว”
ผมบอกอย่างไม่สบอารมณ์ คนยิ่งกำลังง่วง ๆ อยู่ ใครมันจะมีกะจิตกะใจไปไปฟังมันพล่ามกันล่ะ
“นี่ ค่าใช้จ่ายที่นางฟ้าคนเมื่อคืนบอกว่ามึงเลี้ยงยังไงล่ะ ผีเสื้อกลางคืนของกูไม่มีใครจ่ายเงินสักคน มึงต้องรับผิดชอบไอ้มาร์ท มึงต้องจ่ายเงินทั้งหมดให้กู เป็นเงิน 10,000,000 ล้านบาท ชัดไหม”
“ฮะ! อะไรนะ สิบล้านบาทเหรอ ฮึ่ม เออ ๆ ๆ เดี๋ยวกูจัดการให้ แค่นี้นะคนจะนอน” พอผมได้ยินไอ้คิมมันบอกว่าสิบล้านเท่านั้นแหละ จากที่ง่วง ๆ ตาผมนี่แจ้งขึ้นมาทันทีเลย
จริง ๆ แล้วไอ้เงินสิบล้านบาทขนหน้าแข้งผมไม่ร่วงหรอกครับ แต่ที่ตอนนี้ผมรู้สึกก็คือ ผมต้องเอาคืนยัยแสบของผมที่ทำให้ผมต้องจ่ายเงินสิบล้านโดยไม่จำเป็นนี่ต่างหาก
โว้ย คิดแล้วแค้น เจอกันแน่ยัยตัวแสบ
จากนั้นผมก็ลุกไปอาบน้ำและให้มือขวาคนสนิทไปจัดการเรื่องเงินสิบล้านบาทนั่นทันที ตอนนี้ก็ห้าโมงจะเที่ยงและผมว่าผมไปหาอะไรทานดีกว่า
ณ ห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพ
ครับ ตอนนี้ผมอยู่ห้างของไอ้ตินมัน ว่าจะมาหาอะไรทานสักหน่อย ผมเริ่มหิวละ แต่ผมไม่ทานคนเดียวหรอกครับ คนอย่างผมนะ ผมไม่ได้จะทานกับสาวนะครับ ผมจะทานกับไอ้เพื่อนสองตัวของผมต่างหากล่ะ
หึหึ วันนี้ผมจะให้ไอ้คิมเลี้ยง เพราะมันได้เงินจากผมไปเยอะเหมือนกัน
“เฮ้ย ไอ้มาร์ท ทางนี้เว้ย” นั่นไงครับ เสียงของไอ้ตินเจ้าของห้างมันมาแล้ว
“ว่าไงครับเฮียมาร์ท วันนี้จะเป็นป๋าเลี้ยงใช่ไหมครับ”
เสียงนี้ไม่ใช่ใครเลยนอกจากเสียงไอ้คิม พร้อมหน้าตากวนส้นของมัน ผมมองอย่างไม่สบอารมณ์นัก ก่อนที่จะยิ้มออกมา
“ใครบอกมึงว่ากูจะเลี้ยง วันนี้มึงต้องเลี้ยงกูสองคน เพราะเมื่อคืนมึงได้จากกูไปเยอะ” ผมบอกยิ้ม ๆ
“เฮ้ย อะไรวะ ก็เมื่อคืนเด็กมึงพูดเองนี่หว่าว่ามึงจะเลี้ยง คนเที่ยวมันก็ไม่จ่ายกันนะสิ แล้วถ้ากูไม่เก็บกับมึง กูจะเก็บกับใครล่ะ”
ไอ้คิมพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่หน้าตามันก็ยังกวนส้นเหมือนเดิม
“ไม่รู้แหละ ยังไงวันนี้มึงก็ต้องเลี้ยง เพราะไอ้มาร์ทมันจ่ายมึงไปเยอะ”
เสียงไอ้ตินพูดครับ
“เออ เออ ก็ได้วะ เห็นเป็นเพื่อนนะเว้ย ไม่งั้นกูไม่ยอมพวกมึงแน่” มันพูดอย่างจำนน
“ไปกินกันได้แล้ว กูหิว”
เสียงผมพูดเองครับเมื่อพวกผมตกลงกันได้แล้ว ก็รีบพากันเข้าไปในร้านอาหารทันที พวกผมกำลังจะเดินเข้าไปนั่งในโซนวีไอพีโซนหนึ่ง แต่สายตาของผมกลับเห็นลลินกับเพื่อนของเธอมาทานที่นี่เหมือนกัน และดูเหมือนเพิ่งจะมาถึง
ผมว่าผมไปทานกับพวกเธอดีกว่า น่าจะอร่อยกว่ากินกับเพื่อนตัวเองเยอะว่าไหมครับ ดังนั้นผมจึงชวนเพื่อน ๆ ของผมเดินไปยังโต๊ะเธอทันที
ตอนนี้ฉันกับเพื่อน ๆ ก็นั่งอยู่ในร้านอาหารโซนวีไอพีมุมหนึ่งค่ะ ฉันชอบมุมนี้ ฉันว่ามันดูสงบดี และตอนนี้ฉันก็หิวมาก ๆ พอฉันตื่นฉันก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว โทรชวนยัยเพื่อนสองตัวมาทานข้าวที่ห้างแห่งนี้ทันที
จริง ๆ เมื่อคืนฉันค่อนข้างจะมีความสุขเลยแหละค่ะ เพราะเมื่อคืนฉันสร้างวีรกรรมเอาไว้ให้เขา พี่มาร์ทนั่นแหละค่ะ ป่านนี้ฉันว่าเขาคงโกรธฉันแล้วแหละ ถ้าให้ฉันกะดูคร่าว ๆ ก็คงเจ็ดแปดล้าน เพราะผับนี้เป็นผับที่ค่อนข้างดี ดังนั้นฉันคิดว่าคงไม่ต่ำกว่านี้แน่นอน
แล้วไงล่ะ เขาเคยทำให้ฉันเจ็บก่อนนี่นา ฉันก็ต้องเอาคืนบ้างอะไรบ้าง จะได้ไม่ดูเสียเปรียบจนเกินไป อิอิ
อ้อ แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งฉันคิดว่าทุกคนคงอยากรู้เหมือนกันใช่ไหมล่ะคะว่ายัยนมโตที่โดนคนของยัยปรางค์ลากออกไปเมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เพราะฉันให้เด็ก ๆ ของพวกฉันสนองความต้องการให้เธอเบา ๆ เองนะคะ แบบสามต่อหนึ่งไรงี้ ไม่รู้สิคะ ฉันกลัวยัยนมโตไม่หายคัน เลยให้ไปแค่สาม อิอิ ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความสุข
แต่ไม่ทันจะมีความสุขนานเท่าไหร่ ฉันก็รู้สึกเหมือนว่าฉันเห็นอีตาพี่มาร์ท เดินมาทางนี้ด้วยค่ะ และในที่สุดก็มาถึงโต๊ะจนได้ นั่นไงฉันว่าแล้ว ฮึ่มม
“ไงครับ ตัวแสบ นั่งสบายเลยนะ” เอาแล้วไงทักด้วยน้ำเสียงแบบนี้ไม่ชอบเลยจริง ๆ
“ค่ะ ก็ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรนี่คะ สบายดี โดยเฉพาะกระเป๋า”
ฉันพูดแล้วยิ้มโดยเน้นคำว่ากระเป๋า แต่พี่เขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย ซึ่งมันทำให้ฉันอึดอัด
“อ๋อเหรอครับ ทำกับพี่ไว้แสบมากเลยนะ งั้นวันนี้พี่กับเพื่อนขอนั่งทานข้าวด้วยคนละกัน หวังว่าเธอคงไม่ว่าอะไรนะครับ”
ฉันได้แต่มองเขาอยากอึ้ง ๆ คนบ้าอะไรมาขอนั่งด้วยแต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้อนุญาตเลยเขากลับนั่งลงเฉย แถมยังนั่งตรงข้ามกับฉันด้วย จะไล่ก็ยังไง ๆ อยู่ เพราะเกรงใจเพื่อนของเขา ฮึ่ย
“เอ่อ น้องครับถ้าพี่จะนั่งด้วยคน คงไม่เป็นไรใช่ไหมครับ” พี่หล่อ ๆ คนหนึ่งพูดขึ้น แต่ฉันยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร ยัยปรางค์ก็พูดขึ้นซะก่อน และที่สำคัญพี่เขามองยัยปรางค์ด้วย
“ไม่เห็นต้องถามเลยนี่คะ เมื่อคุณนั่งลงไปแล้ว” ยัยปรางค์พูดกลับนิ่ง ๆ แต่สายบ่งบอกมากว่าไม่พอใจ
“แล้วไงล่ะครับ หรือน้องมีปัญหา หืม” พี่คนเดิมพูดอีกแล้ว
“หึ ใครจะกล้ามีปัญหากับคนโรคจิตอย่างนาย ขืนทำให้นายไม่พอใจ นายอาจจะสั่งคนมาอุ้มฉัน แล้วพาฉันไปข่มขืนก็ได้ ใครมันจะไปรู้เห็นหน้าตาดี ๆ เข้าหน่อยเดี๋ยวนี้ก็ไว้ใจไม่ได้หรอกนะคะ” ยัยปรางค์พูดจนพี่เขามองหน้ายัยปรางค์อย่างเคือง ๆ เลยละคะ
“เอ่อ น้องครับ พี่ว่าพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะครับ” พี่อีกคนพูด แต่ดูถ้าคนนี้จะกะล่อนไม่เบา
“แต่ฉันว่า ไม่เกินไปหรอกค่ะ โดยเฉพาะผู้ชายอย่างคุณ”
เสียงนี้เป็นเสียงของยัยมีนแล้วค่ะ จนพี่เขาหันหน้ามามองยัยมีนดูหงุดหงิดด้วย
“ทำไมครับน้อง ผู้ชายอย่างพี่นี่มันยังไงเหรอครับ หรือว่าน้องแอบชอบพี่เลยเรียกร้องความสนใจ จริง ๆ น้องก็ดูน่ารักหวาน ๆ ดีนะครับ พี่ชอบ”
พี่กะล่อน ๆ พูดอย่างอารมณ์ดี แต่ฉันว่าพี่เขาคิดผิดแล้วล่ะที่พูดแบบนี้กับยัยมีน เห็นมันหวาน ๆ อย่าให้ได้พูดเลย เพราะไม่รู้ว่ามันไปนึกคำพูดมาจากไหน พูดมาทีนี่ไม่เคยซ้ำสักที
“หึ ฝันไปเถอะยะ เพราะฉันไม่มีทางชอบผู้ชายแบบนายแน่ ๆ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ กลางวันเข้าบ่อน ตกเย็นก็เข้าบาร์ พอรอบมิดไนท์ก็มั่วเมาสุรานารีพาชีและกีฬาบัตร ครบสูตรเสเพลบอยชั้นนำ ซึ่งถ้าเหลือผู้ชายกะล่อน ๆ แบบนายคนเดียวในโลกเนี่ยนะ ฉันขอขึ้นคานดีกว่า”
นั่นไงฉันบอกแล้วว่าเขาคิดผิด มาซะยาวเลย
“นี่ เธอ” พี่เขาถึงกับพูดไม่ออก แต่ฉันว่าทั้งสี่คนนี้ต้องมีไรแน่ ๆ เพราะปกติเพื่อนฉันสองคนจะไม่ว่าใครอย่างนี้ ซึ่งฉันต้องรู้ให้ได้
“พอ ๆ เถอะครับ เลิกทะเลาะกันได้แล้วครับ พี่ต้องขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยก็แล้วกัน นี่ไอ้คิม ส่วนนี่ไอ้ตินครับ” เสียงพี่มาร์ทพูด ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่
“ลินก็ต้องขอโทษแทนเพื่อนลินด้วยนะคะ นั่นยัยปรางค์และนี่ยัยมีนค่ะ”
ดังนั้นฉันก็ต้องขอโทษพี่ ๆ เขาบ้างสิเดี๋ยวเขาจะหาว่าไม่มีมารยาท อิอิ
และก่อนที่จะมีสงครามเกิดขึ้นอีกรอบอาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟทันที เราทั้งหกคนนั่งทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ฉันรู้สึกอิ่มมาก ๆ เลย เพราะนอกจากจะอิ่มอาหารแล้ว ฉันรู้สึกสบายกระเป๋า เนื่องจากวันนี้พี่คิมขอเป็นคนเลี้ยงเอง ถือเป็นการขอโทษ ซึ่งนั่นหมายความว่า ฉันกับเพื่อนไม่ต้องจ่าย ซึ่งเป็นอะไรที่น่ายินดีมากเลยใช่ไหมล่ะคะ
หุหุ อิ่มจังตังค์อยู่ครบ สโลแกนนี้ฉันชอบ