ตอนที่ 5
ห้องเสื้อที่นี่ก็สวยดีเหมือนกันนะเนี่ย ซื้อไปใส่ดีกว่าเสื้อผ้าแบรนด์เนมด้วย อิอิ หลังจากที่เราทานข้าวเสร็จเนี่ยต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป จริง ๆ ฉันก็อยากช็อปปิงกับเพื่อน แต่ว่ายัยมีนต้องเข้าไปเช็กของที่จะต้องส่งลูกค้าน่ะสิ
ส่วนยัยปรางค์ฉันให้มันตามเรื่องหนอนบ่อนไส้ที่อยู่เมืองไทย เพราะหลังจากที่ปีเตอร์ส่งข่าวมาบอกว่าในองค์กรของเรามีหนอนบ่อนไส้จริง ๆ แต่ว่าหนอนตัวนี้มันอยู่ที่เมืองไทยซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ยัยปรางค์จึงต้องคอยจับตาดูคนในองค์กรที่ฐานในเมืองไทยเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงเหลือฉันแค่คนเดียวที่ว่างงานออกมาช็อปปิงคนเดียว
เฮ้อออ
ไม่ชอบเลยช็อปคนเดียว เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนะฉันรู้สึกเหมือนมีคนตามมาด้วยแหละ แต่พอหันไปก็ไม่เห็นใคร
หึ อยากตามก็ตามไปไม่สนหรอก เจอก็แค่เชือดเท่านั้นเอง จากที่คิดได้ดังนั้นฉันจึงเข้าไปเลือกชุดต่อ เมื่อเลือกชุดได้ตามต้องการแล้วฉันก็เอาชุดที่เลือกทั้งหมดนั้นเตรียมเข้าไปลองในห้องลองชุดทันที
ตอนนี้ฉันก็อยู่ข้างในห้องลองชุดแล้วละค่ะ ฉันถอดเสื้อคลุมออก ตามด้วยเสื้อสายเดี่ยว ซึ่งตอนนี้ทั้งตัวของฉันเหลือแค่บราเซียร์กับกางเกงที่ยังไม่ได้ถอดเท่านั้นเอง
แกร๊ก!
“เฮ้ย กรี๊ดด.......อุ๊บ”
ฉันรู้แล้วค่ะว่าใครตามฉันมา อีตาพี่มาร์ทนี่เอง และตอนนี้เขาก็เข้ามาในห้องลองชุด ซึ่งสภาพของฉันเนี่ยมันล่อแหลมและฉันก็อายมาก ๆ ด้วย ฉันจึงกรี๊ดทันทีด้วยความตกใจ แต่เสียงกรี๊ดยังไม่ทันจะออกจากปากเลยพี่มาร์ทเขาก็ประชิดถึงตัวพร้อมเอามือปิดปากฉันแน่นเลย
“อี่ อ่อยอันอะ อี่ อ่อยอิ อ่อยยยย” เสียงฉันร้องบอกให้เขาปล่อย แต่เขาสิมองฉันด้วยสายตาแพรวพราวเลย ก่อนจะมองหน้าฉันยิ้ม ๆ
“อะไรนะ อ่อยเหรอ แคนี้ก็จะหลงอยู่แล้ว ไม่ต้องอ่อยหรอกน่า”
ดู ดูเขาตอบฉันสิ
“ไอ้อ้า อ่อย อัน เอี๋ยว อี้” ฉันบอกมันทีละคำด้วยสีหน้าโกรธ
“โอเคไม่แกล้งแล้ว แต่สัญญากับพี่นะว่าถ้าพี่ปล่อยเราจะเงียบ”
ฉันมองตามันก็จะพยักหน้าในที่สุดมันก็ปล่อยฉัน ทันทีที่มันปล่อยฉันถอยหนีมันทันทีพร้อมกับเอาเสื้อปิดหน้าอกไว้
“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต แอบตามเข้ามาในห้องลองเสื้อ ไอ้”
“นี่ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่ใช่เห็นพี่ดีด้วยจะมาว่าพี่ได้นะ พี่เป็นพี่เธอเพราะฉะนั้นให้เกียรติพี่ด้วย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจริงจังนักแต่ก็แฝงไปด้วยความความกดดันฉันสัมผัสความรู้สึกนั้นได้เลย
“อ้าว แล้วนี่จะลองเสื้อไม่ใช่เหรอ ลองสิ พี่จะได้ช่วยดูว่ามันเข้ากับเราไหม” ฉันมองเขาอย่างระแวงก่อนที่จะพูด
“ฉันไม่โง่หรอก ออกไปก่อนสิฉันจะได้ลอง” ฉันต่อรองยังไงก็ช่าง ฉันไม่ไว้ใจเขา
“นี่! จะลองเองหรือจะให้พี่ลองให้ เลือกเอา ถ้ากลัวพี่มองก็หันหลังมาหาพี่แล้วหันหน้าไปทางด้านโน้นพี่จะได้ไม่เห็นอะไร ๆ ของเธอ เอ้า เลือกเอา”
ดู ดูมันพูด ฮึ่ย หงุดหงิดทำอะไรไม่ได้ ฉันตัดสินใจเลยว่าจะหันหลังให้มันแล้วรีบลองเสื้อที่เอามาทั้งหมดจะได้เสร็จไว ๆ สักที แล้วเสื้อตัวแรกที่ลองก็คือเสื้อกล้าม ที่ดูเซ็กซี่นิด ๆ เว้า ช่วงอกเล็กน้อย สีดำ ทำให้ดูน่าค้นหา ซึ่งฉันชอบ แต่
“ไม่เอา เปลี่ยนใหม่ มันโป๊ไป” เขาบอกฉันให้ไปเปลี่ยนใหม่ ฉันก็เอาชุดที่นำมาด้วยไปลองอีก แต่ก็เหมือนเดิม
“ไปเปลี่ยนใหม่ จะโชว์ไรนักหนาฮะ!” ฉันก็หงุดหงิดแล้วนะ ฉันก็เปลี่ยนมาถึงตัวสุดท้ายที่ฉันเลือกมาละ
“ไม่เอา ไม่ให้ใส่ ไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้” ฮึ่ม ลินจะไม่ทน
“นี่จะอะไรกันนักกันหนาฮะ! เราไม่ได้เป็นอะไรกัน อย่าลืม คุณไม่มีสิทธ์มายุ่งวุ่นวายไลฟ์สไตล์ของฉัน ฉันชอบแบบนี้ และฉันจะซื้อทั้งหมดด้วย เพราะฉันชอบ ได้ยินไหมฮะว่าฉันชอบ” ฉันไม่ทนแล้ว บอกเปลี่ยน ๆ ๆอยู่นั่นละ ฉันไม่ยอมหรอกไม่ได้เป็นไรกันสักหน่อย เชอะ
“แน่ใจเหรอ เธอเป็นคู่หมั้นฉันลลิน” นั่นไงน้ำเสียงเริ่มเปลี่ยนและ
“หมั้นกันโดยที่เราไม่รู้เรื่อง เป็นการหมั้นระหว่างผู้ใหญ่ซึ่งมันไม่ได้เกิดจากความรักเพราะฉะนั้นไม่ต้องจริงจังกับมันก็ได้ เพราะสุดท้ายฉันจะยกเลิกงานหมั้นเองเข้าใจไหม เพราะฉันจะไม่แต่งงานกับคนที่ฉันไม่รัก”
พูดด้วยความสัตย์จริงฉันจะไม่แต่งกับเขาเด็ดขาดเลย
“หึ ไม่มีทางลลิน พี่ไม่มีทางให้เธอยกเลิกแน่ งั้นเอาแบบนี้นะ หลังจากวันนี้ไปพี่จะจีบเธออย่างจริงจัง เพื่อเอาเธอมาเป็นเมียพี่ให้ได้ และการจีบของพี่จะไม่อ่อนหวานมากหรอกนะ เพราะพี่ไม่ใช่คนโรแมนติก พี่จะจีบในแบบของพี่ ดังนั้นเราควรเริ่มจาก”
ตอนนี้เขาเดินเข้ามาใกล้จนฉันยืนชิดผนังห้องไปเลย ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องกลัว ทั้ง ๆ ที่ฉันสามารถสู้ได้ เขามองฉันอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะค่อย ๆ ลดหน้าลงมาฉันเบี่ยงหน้าหนี จนปากของเขาเฉียดแก้มของฉันเล็กน้อย และดูเหมือนเขาจะไม่หยุด เหมือนเขาจะพยายามจะจูบฉัน แต่เสียใจ ฉันผลักเขาออกพร้อมทั้งตีเข่าใส่เป้าทันที ฉันมองหน้าเขาอย่างท้าทายบวกเยาะเย้ยไปในตัว
“หึ มันจะไม่มีวันนั้น ไอ้หื่นนนน” พูดจบก็เดินออกไปทันที
“อุ๊บ โอ๊ยยยยยย ลิน นี่เธอ”
นี่เธอเล่นแทงเข่าใส่ลูกชายสุดที่รักของผมเลยเหรอ ได้ลลินเดี๋ยวรู้เลยว่าการทำให้ฉันเจ็บตัวเนี่ย ผลของมันจะเป็นยังไง หึ
แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว จุก ผู้หญิงบ้าอะไรวะมือเท้าหนักเป็นบ้าเลย ผมนี่เพลีย เฮ้อ แล้วก็นี่อีกนะ
ไอ้ชุดที่เธอเอาเข้ามาลองนะ โป๊ ๆ ทั้งนั้นไม่รู้จะใส่โป๊อะไรนักหนา ผมเลยบอกให้เธอไปเปลี่ยน แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะซื้อชุดที่ลองเมื่อกี้ทั้งหมด ซึ่งมันขัดกับความรู้สึกผมมาก แต่ไม่เป็นไรผมให้อภัยได้ เพราะตอนลองเสื้อผมให้เธอหันหลังให้ผม ผมนี่แทบคุมตัวเองไม่อยู่ น้องชายผมนี่เริ่มขยายในกางเกงเลยล่ะครับ แผ่นหลังของเธอขาวเนียนมาก ไหนจะเอวคอดนั่นอีก ถ้าเดาไม่ผิดเอวของเธอนะจะ 23-24 นิ้วมั้งครับ ไม่รู้สิ หึหึ
ทุกคนคงสงสัยใช่ไหมล่ะครับว่าผมมาอยู่ในห้องลองเสื้อกับเธอได้อย่างไร ก็เพราะว่าผมแอบตามเธอมาน่ะสิครับ
ตอนนั้นระหว่างรออาหารเพื่อนผมกับเพื่อนเธอก็มีจิกกัดกันเล็กน้อย จนผมคิดว่าเพื่อนสองตัวของผมเจอคู่ปรับเข้าให้แล้วล่ะ แต่เพื่อนเธอก็ร้ายไม่เบานะ พอทานข้าวไปสักพัก พวกเธอก็คุยอะไรกันสักอย่างผมได้ยินไม่ถนัดเหมือนพวกเธอระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ที่ผมได้ยินชัดเจนเลยก็คือ ลลิน ของผมนั้นจะไปเดินช็อปปิงซึ่งเพื่อนไม่ไปด้วย ผมก็คิดว่านี่เป็นโอกาสทองของผม ผมจึงตามเธอมาและมาอยู่ในห้องลองเสื้อกับเธอนั่นเอง ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผมเจ็บตัวอยู่นี่คงเป็นเพราะที่ผมพูดกับเธอว่า
“งั้นเอาแบบนี้นะ หลังจากวันนี้ไปพี่จะจีบเธออย่างจริงจัง เพื่อเอาเธอมาเป็นเมียพี่ให้ได้และการจีบของพี่จะไม่อ่อนหวานมากหรอกนะ เพราะพี่ไม่ใช่คนโรแมนติก พี่จะจีบในแบบของพี่ ดังนั้นเราควรเริ่มจาก”
ซึ่งผมก็เดินเข้าไปใกล้จนเธอยืนชิดผนังห้องไปเลย ผมใช้สายตามเจ้าเล่ห์มองเธอพร้อมยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มหน้าลงไปใกล้หน้าของเธอแต่เธอเบี่ยงหน้าหนี ทำให้ปากของผมเฉียดแก้มของฉันเล็กน้อย ผมจึงก้มลงไปหวังจะจูบเธอ จากตอนแรกที่ผมจะแกล้งเธอเล่น แต่บอกเลยผมไม่มีอารมณ์แกล้งแล้ว ยังไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรออกเธอก็ผลักผมออกพร้อมทั้งตีเข่าใส่เป้าทันที เธอมองหน้าผมอย่างท้าทายบวกเยาะเย้ยไปในตัว
“หึ มันจะไม่มีวันนั้น ไอ้หื่นนนน”
พอเธอพูดจบก็เดินออกไปทันทีเมื่อนึกถึงตรงนี้ผมก็ยิ่งแค้น นี่ถ้าเพื่อนสองตัวของผมมันรู้ มันคงเยาะเย้ยผมที่เสียท่าให้ลลินอย่างแน่นอน แต่กับเพื่อนยังไม่เท่าไหร่ถ้าพวกลูกน้องของผมมันรู้ว่า เจ้านายของมันที่เป็นถึงมาเฟียมีความโหดเป็นที่เล่าขานต้องมาหงอเมื่อเจอกับผู้หญิงที่ชื่อลลิน พวกมันคงไม่กลัวเกรงผมแล้วล่ะ
ฮึ่ย หงุดหงิด
“เตรียมรับมือการจีบฉบับของพี่ได้เลยลลิน รับรอง ถึงใจแน่”
ผมพูดออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากร้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และมุ่งหน้าไปบริษัททันที