ตอนที่ 5 ไม่ให้โอกาสอธิบายบ้างเลย
สนามบินสุวรรณภูมิ
"ถึงแล้วก็คอลมาหาแม่นะ อย่าลืมที่อยู่ล่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะลูก"
"แม่ ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะดูแลตัวเอง"
"คุณน้าไม่ต้องห่วงนะครับ ที่พักของผมอยู่ใกล้ออแกน ผมดูแลน้องได้"
"วุฒิ น้าฝากน้องด้วยนะ"
"ออแกน พ่อจะจัดการปัญหาทางนี้ให้ ลูกตั้งใจเรียน รีบกลับมานะ"
"พ่อก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะคะ"
"เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว วุฒิ ลุงฝากน้องด้วยนะ"
"ออแกน ชั้นจะไปหาแกบ่อย ๆนะ คิดถึงแกนะ ไปถึงอย่าลืมโทรหาด้วย"
"โอเค พิมพ์ ดูแลตัวเองนะ ไม่ร้องแล้ว เดี๋ยวฉันก็กลับมา ไปนะเพื่อนรัก"
สองสาวกอดกัน ก่อนที่ออแกนจะกอดคุณแม่ และพ่อเธอก่อนจะขึ้นเครื่องกับปฏิวุฒิไป.........
Chebet Cafe' 7 โมงเช้า
หมอรุตเดินเข้ามาในร้านกาแฟที่ดูจะเงียบเหงากว่าเดิม เขามองไปที่โต๊ะประจำ ที่ปกติออแกนจะนั่งไม่ถูมือถือเล่น ก็จะกางโน้ตบุ๊กเพื่อพิมพ์อะไรสักอย่างในนั้น แต่วันนี้ไม่เห็นเธอเลย เขาตั้งใจออกมาเช้ากว่าเดิม เพื่อจะรอเจอเธอ หรือว่าวันนี้เธอไม่มา เขาเดินมาสั่งกาแฟเช่นเดิม แต่กลับพบว่าเป็นพนักงานหนุ่มน้อยที่เดินมารับออเดอร์เขา
"คุณพิมพ์ไม่มาเหรอครับวันนี้"
"อ๋อ พี่พิมพ์จะเข้าช่วงเที่ยงครับ"
"ออ ครับ"
"คุณลูกค้ามีอะไรจะฝากไว้มั้ยครับ ผมจะได้แจ้งพี่พิมพ์ให้"
"ไม่ครับ ไม่เป็นไร แล้วทำไมวันนี้ ..."
เขามองไปที่โต๊ะ พนักงานจึงทราบทันทีว่าหมอรุตจะถามทำไม
"อ๋อ พี่ออแกนเหรอครับ พี่เขาบินไปเมืองนอกวันนี้ พี่พิมพ์เลยไปส่งที่สนามบินครับ"
กาแฟในมือแทบจะตกพื้น ใจเขาดิ่งวูบเหมือนตกจากที่สูงอย่างกะทันหัน เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ ไปเมืองนอกงั้นเหรอ
"หมายถึง คุณออแกน ไปเมืองนอกเหรอครับ"
พนักงานร้านกาแฟมองเขาอย่างประหลาดใจ สงสัยพวกเขาจะรู้จักกัน แต่ทำไมไม่รู้ว่าวันนี้ออแกนจะเดินทางล่ะ
"ใช่ครับ พี่ออแกนบินไปเรียนต่อที่อเมริกา กำหนดเดินทางวันนี้ ป่านนี้น่าจะขึ้นเครื่องไปแล้ว เอ่อ คุณลูกค้า... ลืมทิชชูครับ...ไปแล้ว..."
หมอรุตเดินออกมาจากร้านกาแฟอย่างรวดเร็ว อเมริกางั้นเหรอ ทำไมกะทันหันแบบนี้ เขาไม่รู้อะไรเลย เขายังไม่ทันได้อธิบายเรื่องที่ออแกนเห็นเมื่อวาน
วันนี้เขาตั้งใจจะมานั่งคุยกับเธอก่อนเข้าเวรเช้า แต่กลับพบว่าเธอจะบินไปเมืองนอก เขาทิ้งกาแฟในมือ และกดลิฟต์ขึ้นชั้นบนสุดทันที เขาเดินขึ้นไปอีกสองชั้น ถึงดาดฟ้าโรงพยาบาล กว้างและโล่ง ส่วนใหญ่จะเอาไว้สำหรับจอดเฮลิคอปเตอร์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน
หมอรุตเดินใจลอยไปยืนที่ริมดาดฟ้า ที่จริง ตั้งแต่วันนั้น ที่ส่งเธอขึ้นรถไปกับพิมพ์ลดา เขาก็แทบจะไม่ได้คุยกับเธอเลย มาเจออีกทีก็...เขามองไปยังเครื่องบินลำเล็ก ๆ ที่ค่อยๆบินผ่านสายตาเขาไป
"ไปไม่ลาเลยสักคำ คุณใจร้ายมากนะออแกน"
เขานึกถึงวันที่เดินเข้าไปในร้านกาแฟ และเจอเธอนั่งอยู่ที่มุมของร้านนั้นเป็นประจำ เขามักจะแอบมองเธอโดยที่เธอไม่รู้ตัว ที่บางทีก็เล่นโทรศัพท์บ้าง หรือบางที เธอก็มัวแต่กดพิมพ์บางอย่างลงโน้ตบุ๊กโดยไม่ทันสนใจคนรอบข้าง เป็นภาพที่เขามักจะชินตาอยู่เสมอที่ไปที่ร้านกาแฟ
แต่วันนี้ วันที่โต๊ะประจำนั้นว่างเปล่า ใจเขาก็รู้สึกว่างเปล่าลงไปด้วย ไม่รู้เพราะอะไร หรืออาจจะเป็นเพราะเห็นเธอที่ยืนถือแก้วกาแฟ หน้าซีดเซียว ปากสั่น วางกาแฟแล้วเธอก็วิ่งไป ไม่ฟังแม้แต่เขาจะอธิบายสักคำ พอเขาจะไปอธิบาย เธอก็ไม่อยู่รับฟังอีกแล้ว ช่องทางติดต่อก็ไม่เคยขอเอาไว้
"โง่จริง ๆ ใจเย็นไปสินะ ไม่มีโอกาสแล้ว"
เขาสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดเพื่อล้างบางอย่างออก ก่อนจะมีเสียงเดินด้วยส้นสูงดังมาจากด้านหลัง เมื่อเขาหันไป....
"มิว คุณขึ้นมาทำอะไรที่นี่"
"รุต คือเรื่องเมื่อวาน"
"ผมหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก ผมพูดชัดเจนไปแล้วว่าผมคิดกับคุณแค่เพื่อน ไม่ว่าเมื่อก่อน ตอนนี้ และต่อจากนี้ตลอดไป"
"ทำไมล่ะ คุณก็ไม่ได้ชอบใครนี่ หรือว่า เด็กส่งกาแฟนั่น คุณคงไม่ตาต่ำขนาดนั้นหรอกมั้งคะ"
เขาไม่ตอบเธอ ทำให้หมอมิวรู้สึกแปลกๆ เธอเริ่มชักสีหน้า
"รุต คุณจะบ้าเหรอ ไปชอบเด็กกะโปโลแบบนั้นน่ะ"
"ผมจะชอบใคร หรือไม่ชอบใคร มันเรื่องส่วนตัวของผม ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ มิว ขอล่ะ ผมไม่อยากทำเรื่องย้ายแผนกให้คุณ คุณเป็นศัลยแพทย์มือดี อย่าบังคับให้ผมต้องทำ ต่อไปหลังจากนี้ ผมจะเกี่ยวข้องกับคุณแค่เรื่องงานเท่านั้น หวังว่าคุณจะเข้าใจที่ผมพูดนะ ขอตัวก่อน"
"ก็แค่ยังไม่รู้ใจตัวเอง หมอรุต คนที่เหมาะกับคุณ มีอยู่ไม่กี่คนนักหรอก นอกจากฉันแล้ว ใครก็อย่าได้มาแย่งคุณไป"
หมอสาวหันไปมองแผ่นหลังของหมอรุตที่เดินลงไปจากดาดฟ้า ก่อนที่เธอจะเดินตามลงไปเงียบๆ เธอไม่มีวันยอมแพ้ ตราบใดที่หมอหนุ่มยังอยู่ในสายตาเธอ และยังไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามายุ่งวุ่นวาย หรือถ้ามี เธอก็จะเป็นคนกำจัดออกไปเอง
"กาแฟมาแล้วค่าพี่หวานคนสวยย"
หมอรุตลุกขึ้นอย่างลืมตัวเพื่อเปิดประตูออกมาจากห้องพักส่วนตัว เมื่อได้ยินเสียงคนมาส่งกาแฟ แต่เขาลืมไปสนิทเลย ว่าคนคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ก่อนที่คนส่ง จะเดินเอากาแฟของเขาเดินมาส่งให้
"คุณหมอ อเมริกาโน่ร้อนของคุณค่ะ"
เด็กส่งกาแฟคนใหม่ยื่นกาแฟให้เขา ก่อนจะกลับไปหยิบกาแฟไปส่งที่ห้องตรวจสามของหมอชล นี่ก็เกือบสองสัปดาห์แล้วที่เธอจากไป เขาไปซื้อกาแฟทุกเช้า โต๊ะนั้นยังคงว่างเปล่า และทุกครั้งที่มีคนมาส่งกาแฟ เขาก็มักจะตื่นเต้น และตกใจจนต้องรีบออกมาดูทุกครั้งอย่างลืมตัว
"จะเป็นแบบนี้อีกนานมั้ยนะ ไปขอเบอร์ที่เพื่อนเธอก็จบแล้ว ทำไมถึงไม่กล้ากันนะ"
หมอหนุ่มคิดไม่ตก จนสุดท้าย เรื่องนี้ก็ค่อย ๆ ผ่านไปในความทรงจำของเขา
อีกหกเดือนถัดมา ที่ร้านก็จัดโต๊ะชุดใหม่เข้ามา เป็นเก้าอี้หวายมีเบาะรองนั่งแทน โต๊ะชุดเก่าก็ถูกย้ายไปที่เรือนแยกที่สอง เป็นร้านเดียวกัน แต่ทำคล้ายๆห้องส่วนตัว เพราะตอนนี้ลูกค้านิยมมาเช่าเพื่อทำการประชุมนอกสถานที่มากขึ้น
พิมพ์จึงได้จัดสรรพื้นที่ใหม่ ขยายห้องส่วนตัวเพิ่ม เพื่อรองรับลูกค้าได้มากขึ้น ความทรงจำบางอย่าง ก็ไม่ได้หายไปเพียงเพราะบางสิ่งถูกเปลี่ยนไป ....
"เอี๊ยดดด........โครมม......"
เสียงไซเรนรถพยาบาลดังสนั่น ที่จริงก็เป็นเรื่องปกติของโรงพยาบาลอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้ เป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ เพราะคนที่ประสบอุบัติเหตุ คือภรรยาของท่านประธานของโรงพยาบาลแห่งนี้นั่นเอง
เตียงฉุกเฉินถูกลากลงพร้อมกับเข็นเข้าห้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เนื่องจากคนไข้ติดอยู่ภายในรถ กะโหลกศีรษะเปิดเพราะเศษกระจกบาด หมอวิศรุตและหมอชลธีร์เป็นผู้รับผิดชอบในเคสนี้เพราะพวกเขาอยู่ในช่วงเวลานี้พอดี
การผ่าตัดผ่านไปด้วยความยากเย็น พวกเขาใช้เวลาเกือบเจ็ดชั่วโมงในการผ่าตัด ก่อนที่หมอวิศรุตจะออกมาแจ้งอาการกับท่านประธานศตวรรษ
"หมอรุต ภรรยาผมเป็นยังไงบ้าง"
มือของเขาสั่นจนเห็นได้ชัด หมอรุตทำได้เพียงปลอบใจท่านประธานอย่างใจเย็น
"อาการของคุณผู้หญิงยังคงทรงตัวอยู่ เราเอาเลือดที่คลั่งอยู่ในสมองออกหมดแล้ว และเย็บกะโหลกศีรษะกลับเข้าไปได้แล้ว ตอนนี้เหลือแต่ รอดูอาการว่าเลือดจะออกอีกหรือไม่ ตอนนี้ยังอยู่ในภาวะเสี่ยงอยู่นะครับ"
ศตวรรษทรุดตัวลงกับโซฟานุ่มในห้องรับรองของโรงพยาบาล
"ท่านประธานครับ พยาบาล เร็วเข้า"
"หมอรุต โอกาสรอดของเธอ มีซักเท่าไหร่"
"ท่านครับ ผมจะรักษาคุณผู้หญิงอย่างสุดความสามารถของผม"
เขาอยู่กับคนไข้มาก็มาก ผ่านความเป็นความตายกับญาติคนไข้มาก็เยอะ แต่ไม่มีครั้งไหนที่รู้สึกว่าอยากให้คนไข้รอดเท่าครั้งนี้เลย เขารู้สึกคุ้นหน้าคุณผู้หญิงอย่างประหลาด แต่ก็ไม่มีเวลาจะนึก เพราะต้องรีบทำหน้าที่ของเขาก่อน
ผ่านมาสามวันที่เขาเฝ้าดูอาการของภรรยาท่านประธาน ถือว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จมาก ตอนนี้เหลือเพียงเช็คอาการ และดูการตอบสนองของคนไข้ เขาหมั่นไปแจ้งความคืบหน้านี้เสมอ เพื่อให้ท่านประธานคลายกังวล.....