ตอนที่ ๙ สิ่งจูงใจ
.
.
“ แล้วเพลานี้พระองค์อยู่ที่ใดเล่า? ”
“.....”
“ พาข้าไปพบองค์เหนือหัวของเจ้า ประเดี๋ยวนี้ ได้หรือไม่พนาลี ” นิศามณีเอ่ยถามทันที เมื่อใคร่จักออกไปเดินเล่นข้างนอก
“ เพลานี้องค์เหนือหัวอยู่ห้องหับอีกห้อง แลอยู่ในพระตำหนักนี้เช่นเดียวกันเพคะพระธิดา ” พนาลีตอบ
“ เช่นนั้น พาข้าไปห้องหับองค์เหนือหัวของเจ้า ประเดี๋ยวนี้พนาลี ” ครุฑีน้อยบอกพนาลีทันที
“ เพคะ ” พนาลีขานรับก่อนจะรีบนำพาครุฑีน้อยไป
.
.
.
“ ท่านพี่เจ้าคะ เหตุใด ท่านถึงให้ครุฑีตนนั้นพักพิงที่ห้องบรรทมของท่านพี่เจ้าคะ ” กุสุมาลย์เอ่ยถามกษัตริย์อสุราอย่างคับข้องใจ หลังการร่วมรักอันเร่าร้อนได้เสร็จสิ้นลง
เนื่องจากกษัตริย์อสุรายังไม่คลายความกระสัน ที่เกิดขึ้นตอนกลางวัน เมื่อครั้งที่แอบดูครุฑีน้อยอาบน้ำและยังเห็นร่องเนินพระถันของนางอีก จนเกิดกำหนัดที่ไม่อาจทนได้ จำต้องเรียกสนมนางใดนางหนึ่งเพื่อสนองตอบกำหนัดของตน และกุสุมาลย์ คือตัวเลือกแรกที่กษัตริย์อสุราเรียกมา
“ เจ้าเป็นเพียงพระสนม มิใช่พระชายา เรามิจำเป็นจักต้องตอบเจ้า! ”
“.....”
“ แลเจ้าก็มิควรที่จักถามเราเช่นนี้ มิเช่นนั้นเราจักลงทัณฑ์เจ้า เข้าใจหรือไม่ กุสุมาลย์? ” กษัตริย์อสุราตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นดวงตาดุดัน
“ เจ้าค่ะท่านพี่ น้องขอประทานโทษเจ้าค่ะ ต่อไปน้องจักมิถามเช่นนี้อีกเจ้าค่ะ ” กุสุมาลย์รู้ตัวในทันทีว่ากำลังทำให้กษัตริย์อสุราทรงกริ้วจึงรีบที่จะขอโทษ ก่อนจะเข้าโอบกอดด้านหลังของกษัตริย์อสุราด้วยท่าทางออดอ้อน
“.....”
“ ท่านพี่ ทรงอภัยให้น้องนะเจ้าคะ ”
“ ครั้งนี้เราจักละเว้นให้ แต่อย่าได้มีครั้งหน้าอีก เข้าใจหรือไม่? ” กษัตริย์อสุราตอบพร้อมกับดันกุสุมาลย์ออกจากกายตนเบา ๆ
“เจ้าค่ะ...”
กรุ้งกริ้ง...กรุ้งกริ้ง
เสียงกำไลข้อเท้าส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ และอยู่ไม่ไกลจากห้องหับนี้ ดวงตาสีนิลเบิกโพรง พระสุวรรณเมฆารับรู้ได้ในทันที ว่าเสียงนั่นคือเสียงกำไลข้อเท้าของครุฑีตัวน้อย
“ ไปสวมเครื่องแต่งกายของเจ้าประเดี๋ยวนี้ แลอยู่เงียบๆ อย่าได้ส่งเสียงเป็นอันขาด!! ” กษัตริย์อสุรารีบเอ่ยกับกุสุมาลย์ก่อนจะรีบแต่งฉลองพระองค์โดยเร็ว
“ เจ้าค่ะ ” กุสุมาลย์ขานรับพร้อมกับใบหน้าที่หมองเศร้า
‘ พวกเจ้าอย่าลืม ว่าเราเป็นเครื่องบรรณาการจากท่านพ่อท่านแม่ แลมิใช่เมียตบเมียแต่งหนา ’
จู่ ๆ คำพูดของมาณวิกาที่เคยเตือนสติตนก็ปรากฏขึ้นมาในหัวอย่างชัดเจน
ประตูห้องหับของกษัตริย์อสุราได้เปิดออกในขณะที่ครุฑีน้อยและพนาลีเดินมาถึงหน้าประตูพอดี
“ มีเหตุอันใดพนาลี เจ้าถึงได้พานิศามณีมาพบเราถึงที่นี่ ” พระสุวรรณเมฆาเอ่ยถามทันทีที่นิศามณีและพนาลีมายืนอยู่ตรงหน้าของตน
“เอ่อพระธิ.....” พนาลีได้เอ่ยเพียงเท่านั้น
“ ขะ ข้ามาทำให้พระองค์รำคาญพระหทัยหรือไม่เจ้าคะ? ”
“.....”
พนาลีไม่ทันได้ตอบ ครุฑีน้อยก็พูดขึ้นเสียก่อน เมื่อดวงตากลมจ้องมองไปด้านหลังของพระสุวรรณเมฆา ครุฑีน้อยจึงเหลือบไปเห็นกุสุมาลย์ที่อยู่ในห้องหับ เนื่องจากประตูยังไม่ทันจะได้ปิด
กษัตริย์อสุรามองตามสายตาครุฑีน้อยก็รู้ได้ ว่าครุฑีน้อยเห็นกุสุมาลย์เข้าแล้ว จึงถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดประตูแล้วก้าวเท้าออกมาจากห้องหับ
“ เอ่อ ...ข้าว่า ข้าควรจักกลับห้องหับดีหรือไม่พนาลี? ” นิศามณีเอียงกายไปหาพนาลีเล็กน้อยก่อนจะกระซิบถาม
“.....”
พนาลีไม่ตอบอันใดกลับมา เมื่อกำลังหวาดกลัวสายตาของพระสุวรรณเมฆาที่จ้องมาอย่างคาดโทษ คิดอยู่ในใจว่าไม่น่าพาครุฑีน้อยมาหาพระองค์เลย
“ มิรำคาญใจดอกหนา เจ้ามีเรื่องอันใด ถึงให้พนาลีพามาหาเราถึงที่นี่เล่า ” พระสุวรรณเมฆาเอ่ยถามเมื่อเห็นทีท่าของครุฑีน้อยที่ใคร่จักกลับห้องหับของตน
“ เอ่อ มิมีอันใดเจ้าค่ะ ขะ ข้าจักกลับห้องหับแล้วเจ้าค่ะ ”
เมื่อนิศามณีรู้สึกได้ว่าตนคงจะมาผิดเวลา กษัตริย์อสุราอาจจะกำลังคลอเคลียอยู่กับพระชายาหรือพระสนมอยู่ก็เป็นได้
ครุฑีน้อยจึงคิดว่าควรจะกลับห้องก่อนจะดีกว่า ค่อยมาขอประทานอนุญาตเดินชมเมืองภายหลังก็ได้
“.....” พระสุวรรณเมฆาพระขนงขมวดชนกันทันทีเมื่อเห็นท่าทีครุฑีน้อย ก่อนจะจ้องมองใบหน้าสวยนิ่ง
“ ขะ ข้า กะ กลับห้องหับก่อนนะเจ้าคะ ” นิศามณีเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบหันหลังเดินกลับห้องหับในทันที เมื่อรู้สึกเกรงสายตาของกษัตริย์อสุราที่จ้องมองมายังตน
“ เราจักขึ้นไปคีรีลอยฟ้า เมืองเวหาศ ในราตรีนี้หนา ” พระสุวรรณเมฆารีบเอ่ยขึ้นทันที
เมื่อเห็นว่าครุฑีน้อยกำลังมีท่าทีหนีห่างจากตน จึงต้องมีสิ่งจูงใจสักหน่อย ก่อนกษัตริย์อสุราจะยกยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นครุฑีน้อยหยุดเดินในทันใด
ครุฑีน้อยหยุดชะงักไป ก่อนจะหันกลับและเดินตรงมาหากษัตริย์อสุราอย่างไม่รีรอ
“ ราตรีนี้?หรือเจ้าคะ? ” คำถามของครุฑีน้อยมาพร้อมกับดวงตาเป็นประกายแห่งความหวัง
“ ราตรีนี้ ” กษัตริย์อสุรา พยักหน้าก่อนเอ่ยตอบ
“.....”
“ ครานี้เราจักไปสอดแนม เพียงเท่านั้น ยังคงมิได้ช่วยผู้ใดกลับมาดอกหนา ”
“.....”
“ แลเจ้า จงกลับไปรอที่ห้องหับก่อนเถิดหนา มิต้องออกไปที่ใด เราคงจักไปมินานดอก ” กษัตริย์อสุราเอ่ยกับครุฑีน้อยด้วยใบหน้านิ่ง
“ เจ้าค่ะ ข้าจักอยู่รอที่ห้องหับ จักมิไปที่ใดแล้วเจ้าค่ะ” ครุฑีน้อยขานรับอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องหับของตน
ดวงตาสีนิลจ้องมองตามหลังครุฑีน้อย ที่เดินกลับไปจนลับสายตา ก่อนที่กษัตริย์อสุราจะฉีกยิ้มพรายออกมา
.
.
เมื่อครุฑีตัวน้อยเข้ามาถึงในห้องหับแล้ว ก็ตรงไปยังหน้าต่างทันใด ในเมื่อยังออกไปเดินชมเมืองยังไม่ได้ ครุฑีน้อยจำต้องยืนชมเมืองตรงหน้าต่างแทนไปก่อน
และด้วยความที่เป็นครุฑีช่างสงสัยใคร่รู้ พลันภาพอสุรีสาวตนนั้นที่อยู่ในห้องหับพระสุวรรณเมฆาปรากฏขึ้นมาในหัว ‘ นางคือผู้ใดกัน ’ นิศามณีคิดในใจ
“ นางคือผู้ใดกันพนาลี ข้าจักถามเจ้าได้หรือไม่? ”
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
