ตอนที่ ๘ อาทิตย์อัสดง
.
.
“ พระธิดาทรงหิวหรือไม่เพคะ? ” พนาลีเอ่ยถามครุฑีน้อย เมื่อกษัตริย์อสุราออกจากห้องไปเพียงครู่
“ เหตุใดข้าถึงไปไกลจากตำหนักมิได้พนาลี? ” นิศามณีไม่ใช่แค่เพียงไม่ตอบ แต่กลับถามขึ้นเมื่อเกิดความสงสัยใคร่รู้
“......”
พนาลีถึงกับนิ่ง เมื่อได้ยินคำถามของนิศามณีก่อนจะถอนหายใจออกมา เมื่อไม่รู้จะตอบครุฑีน้อยยังไง
เมื่อนึกถึงคำพูดของมนทกผู้เป็นสามีที่บอกนางว่า พระสุวรรณเมฆามีใจให้แก่ครุฑีน้อยตนนี้ พนาลีก็รู้ในทันที ว่ากษัตริย์อสุราคงไม่อยากให้ครุฑีน้อยเจอกับพระสนมทั้ง 4 นางเป็นแน่
“ เพราะเหตุใดเล่าพนาลี? ” นิศามณีถามย้ำขึ้นอีกครั้ง
“ พระธิดาคงจักต้องถาม องค์เหนือหัว ด้วยองค์เองแล้วล่ะเพคะ ” พนาลีเลือกที่จะหลีกเลี่ยงตอบคำถาม
“.....” นิศามณีได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งเงียบไปในทันที
“ หม่อมฉันให้ต้นเครื่องยกเครื่องเสวยมาแล้ว พระธิดาจักทรงเสวยเดี๋ยวนี้เลยหรือไม่เพคะ? ” พนาลีรีบเอ่ยถามขึ้นเนื่องจากเกรงว่าครุฑีน้อยจะคิดคำถามใหม่ขึ้นมาอีก
“.....” ครุฑีน้อย พยักหน้าตอบ
“ เช่นนั้นไปกันเถอะเพคะ หม่อมฉันจัดโต๊ะเสวยในสวนข้างตำหนักนี่เองเพคะ ” พนาลีบอก
“ ในสวน อย่างนั้นหรือพนาลี ” ครุฑีน้อยกลับมีคำถามเกิดขึ้นมาใหม่อีกแล้ว
“ เพคะ สวนดอกไม้ข้างตำหนักเพคะ ” พนาลีรีบตอบขึ้นมาทันใด เมื่อคาดเดาได้ว่าครุฑีน้อยจะถามอะไร
“ เช่นนั้นเร่งพาข้าไปเถิด ข้าใคร่จักเห็นดอกไม้ของเมืองยักษ์แล้วว่าจักสวยงามเหมือนเมืองครุฑของข้าหรือไม่ ”
นิศามณีรีบพูดขึ้นพร้อมกับดวงตาเป็นประกายเมื่อได้ยินว่าเป็นสวนดอกไม้ เนื่องจากนางชอบดอกไม้มาตั้งแต่เยาว์วัย พระตำหนักที่เมืองครุฑก็เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์
“ เพคะ ” พนาลีรีบพานิศามณีไปโดยเร็ว
ดูเหมือนว่านิศามณีจะคลายความหมองเศร้าไปมาก เมื่อรู้ว่าพระสุวรรณเมฆาจะไปช่วยบิดาและมารดาของนาง
.
.
.
เครื่องเสวยที่อยู่บนโต๊ะ มีทั้งของดิบและสุกให้ครุฑีน้อยได้เลือก เนื้อกวางสดที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำและเนื้อกวางที่ทำสุกแล้ว
ยังมีเนื้อปลาสดที่แร่อย่างสวยงามจัดลงในจานใบสวย รวมทั้งผลไม้แปลกตา ที่ได้แกะสลักเป็นลวดลายสวยงามจัดวางไว้ในจานใบใหญ่
แต่เดิมมาไม่ว่าจะเป็นครุฑีหรือครุฑาจะสามารถกินได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเนื้อหรือพืชผลไม้ ยกเว้นสิ่งเดียวที่ครุฑกินไม่ได้คือ พราหมณ์
ครุฑีน้อยเสวยลิ้มรสอาหารทุกจานอย่างละน้อย ๆ แต่กลับเลือกที่จะเสวยผลไม้มากกว่าจานไหน ๆ
เมื่อครุฑีน้อยเสวยจนอิ่มท้อง ก็ออกเดินเล่นในสวนดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไม่แพ้ดอกไม้เมืองครุฑเลย หรืออาจจะหอมกว่าด้วยซ้ำ
“ ช่างหอมชื่นใจเสียจริง ” นิศามณีหลับตาพริ้มก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ สูดกลิ่นดอกไม้หอมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
‘ ดอกไม้เมืองยักษ์มีกลิ่นหอมได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ’
.
.
.
ดวงตาสีนิลจ้องมองครุฑีน้อยที่กำลังผ่อนคลายกับกลิ่นดอกไม้ ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทีของครุฑีน้อย
“ ดูเหมือนว่าพระธิดาจักชอบดอกไม้ที่นี่นะพะยะค่ะ องค์เหนือหัว ” อินสูรย์พูดขึ้นเมื่อเห็นกษัตริย์ของตนเอาแต่จ้องมองครุฑีน้อยไม่ละสายตา แล้วยังยิ้มอยู่พระองค์เดียวอีกด้วย
“ เรามิได้ใคร่ให้นางชอบเพียงดอกไม้อย่างเดียวดอกหนา ” กษัตริย์อสุราพูดขึ้น
“ แล้วพระองค์ใคร่ให้พระธิดาชอบสิ่งใดอีกหรือพะยะค่ะ ” อินสูรย์พูดขึ้นพร้อมกับสายตาชำเรืองขึ้นมองใบหน้าของกษัตริย์อสุรานิ่ง ก่อนจะฉีกยิ้มให้กษัตริย์ของตน
“ เจ้านี่ ช่างใคร่รู้ใคร่เห็นไปเสียทุกเรื่องจริงหนา อินสูรย์ ” พระสุวรรณเมฆาหันไปทางอินสูรย์ก่อนจะพูดออกมาพร้อมกับสายตาค้อน
“ เอ่อ....เช่นนั้น กระหม่อมไม่ใคร่รู้แล้วพะยะค่ะ ” อินสูรย์รีบพูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาของกษัตริย์อสุราจ้องมองมาที่ตนก่อนจะยิ้มเจื่อนให้กษัตริย์อสุรา
“.....”
“ เหตุใด เมื่อครู่พระองค์มิไถ่ถามพระธิดาเล่าพะยะค่ะ? ” ยังไม่ทันไรอินสูรย์ก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกอย่างใคร่รู้
“ ไถ่ถาม...ไถ่ถามอันใดกันอินสูรย์? ” กษัตริย์อสุราเอ่ยถามกลับ
“ โธ่! พระองค์ลืมไปแล้วหรือพะยะค่ะ ว่าจักถาม ว่าพระอนุชาหวาดกลัวอันใดถึงต้องเอาชีวิตพระธิดา อย่างไรเล่าพะยะค่ะ ” อินสูรย์รีบตอบกษัตริย์อสุรา
“ เอาไว้เราจักถามนางในวันหลัง เจ้าจงไปเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเถิดอินสูรย์ ราตรีนี้เราจักขึ้นไปคีรีลอยฟ้า เมืองเวหาศกัน ” กษัตริย์อสุราตอบ ก่อนจะรับสั่งต่อ
“ พะยะค่ะองค์เหนือหัว ” อินสูรย์รีบขานรับพระบัญชา
.
.
.
“ มีโดมครอบเมืองไว้ กระนั้นหรือ? ” พระสุบินพูดพร้อมกับพระขนงขมวดชนกันเมื่อทหารครุฑานำข่าวมาแจ้ง
“ พะยะค่ะ โดมมหาเวทในตำนานที่เคยได้ยิน แลเล่าขานกันมานาน บัดนี้เมืองยักษ์เบื้องล่าง มีโดมมหาเวทนั้นครอบเอาไว้พะยะค่ะองค์เหนือหัว ” ทหารครุฑาตอบ
“ เหตุใดกัน เหล่ายักษาถึงได้ปกป้องนิศามณี? ” พระสุบินพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ แล้วพระองค์ จักให้กระหม่อมทำเช่นไรต่อพะยะค่ะ ” ทหารครุฑาเอ่ยถาม
“ เจ้าจงกลับไปจับตาคอยเฝ้าสังเกตเฉกเช่นเดิมเถิด หากมีสิ่งใดผิดแปลกเจ้าจงเร่งกลับมาบอกข้า ” พระสุบินรับสั่งให้เหล่าทหารครุฑากลับไปสอดแนมเมืองพนาราพณ์เช่นเดิม
“ พะยะค่ะองค์เหนือหัว ” ทหารครุฑารีบขานรับพระบัญชาก่อนจะเร่งกลับไปเฝ้าดูเมืองพนาราพณ์ตามเดิม
.
.
.
.
ยามเย็น เมื่ออาทิตย์อัสดง แสงสว่างสีเหลืองส้มอำพันที่แสนจะงดงามกำลังเริ่มจะจางหาย ก่อนจะมีแสงจากดวงประทีป เรืองแสงส่องสว่างให้เห็นไปทั่วทั้งเมืองพนาราพณ์ แสงของดวงประทีปกระทบกับเพชรพลอยที่ประดับประดาพระตำหนักต่าง ๆ ทำให้เกิดแสงสะท้อนระยิบระยับพร่างพราวตา งดงามอย่างน่าอัศจรรย์
“ ช่างงดงามเหลือเกิน ข้ามิเคยเห็นที่ใดงดงามเฉกเช่นที่นี่มาก่อนเลย ” ครุฑีตัวน้อยชะโงกใบหน้าออกไปนอกหน้าต่างของตำหนักก่อนจะพูดออกมาพร้อมกับท่าทางตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
“.....”
“ ข้าจักออกไปเดินเล่นได้หรือไม่พนาลี? ” ครุฑีน้อยพูดขึ้นอีกครั้งด้วยดวงตาเป็นประกาย เมื่ออยากจะออกไปชมเมืองที่มีแสงเรืองรองสวยงามนั่น
“ พระธิดาจักต้องทูลขอประทานอนุญาตจากองค์เหนือหัวก่อนเพคะ ” พนาลีตอบเช่นนั้นเนื่องจากไม่กล้าตัดสินใจ
“ แล้วเพลานี้พระองค์อยู่ที่ใดเล่า? ”
“.....”
“ พาข้าไปพบองค์เหนือหัวของเจ้า ประเดี๋ยวนี้ ได้หรือไม่พนาลี ” นิศามณีเอ่ยถามทันที เมื่อใคร่จักออกไปเดินเล่นข้างนอก
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
