ตอนที่ ๗ ใคร่รู้
.
.
“ เกิดอันใดขึ้น แลนั่นมันคืออะไร?ทิศา ” วัจณาเอ่ยถามอสุรีรับใช้ของตน เมื่อจู่ๆก็เห็นแสงเรืองรองสีรุ้งครอบเมืองขณะที่ตนกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้
“ !! นะ นั่นเป็นโดมมหาเวทเพคะพระสนม ต้องเกิดเหตุอันใดขึ้นเป็นแน่ มิเช่นนั้นองค์เหนือหัวคงจักมิร่ายคาถานี้ ” ทิศาตอบวัจณาด้วยท่าทีที่ตกใจ
“ เหตุ....เหตุอันใดงั้นหรือทิศา ” วัจณายังเอ่ยถามต่อ เนื่องจากยังไม่คลายความสงสัย
“ พระสนมรีบกับตำหนักก่อนเถอะเพคะ ” อสุรีรับใช้ไม่ยอมตอบคำถามของวัจณา แต่กลับเร่งให้วัจณารีบกลับตำหนักด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก
แม้จะยังไม่รู้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น แต่เมื่อวัจณาเห็นสีหน้าของอสุรีรับใช้ ก็พลอยตื่นตระหนกไปด้วย จึงยอมกลับตำหนักแต่โดยดี
ครั้งเมื่อตอนที่ทิศายังเยาว์วัย ได้เกิดสงครามระหว่างเมืองยักษ์ 3 เมือง เมืองยักษ์ 2เมืองร่วมมือกันแอบซุ่มโจมตีเมืองพนาราพณ์ เพลานั้นพระสุวรรณเมฆายังเป็นพระราชโอรส อสุราหนุ่มน้อย แต่ทว่าพระองค์กลับมีวิชาอาคมแก่กล้า เมื่อเห็นว่าเหล่าอสุรีน้อยใหญ่ที่ไม่มีทางสู้ ถูกเข่นฆ่ามากมาย
พระองค์จึงร่ายคาถาโดมมหาเวทครอบเมืองเอาไว้ เพื่อปกป้องเหล่าอสุรีน้อยใหญ่ไว้ และได้สังหารเหล่าศัตรูที่ติดอยู่ในโดมมหาเวทจนสิ้น ก่อนจะออกไปรบด้านนอกโดมจนเกิดชัยชนะ
นับแต่นั้นมาไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรกับพระองค์อีกเลย ทิศายังคงจดจำเหตุการณ์นั้นได้ดี เนื่องจากพ่อและแม่ถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา ทิศาจึงยังคงหวาดกลัวไม่หาย
.
.
.
.
“ เจ้าจักตอบข้าได้แล้วใช่หรือไม่พนาลี ว่าโดมมหาเวทคืออะไร? ” นิศามณีเอ่ยทวงคำตอบ ในขณะที่พนาลีกำลังแต่งกายให้
“.....”
“ เจ้าบอกว่า ถ้าข้าเข้าห้องแล้ว เจ้าจักตอบเรื่องโดมมหาเวทอย่างไรเล่า ” ครุฑีตัวน้อยรีบทวนคำถามของตน เมื่อเห็นว่าพนาลีเงียบไป
“ โดมมหาเวทคือโดมครอบเมือง ป้องกันเมืองจากภายนอก ที่องค์เหนือหัวร่ายคาถาครอบเมืองเอาไว้เพคะ ”
“.....”
“ เพื่อมิให้ผู้ใดที่อยู่ด้านนอกเข้ามาภายในเมืองได้เพคะ ” พนาลีตอบ
“ แล้วเหตุใด ถึงมิให้เข้ามาภายในเล่าพนาลี? ” ดูเหมือนว่าครุฑีน้อยจะช่างใคร่รู้ไปทุกเรื่องและยังเอ่ยถามพนาลีต่ออีก
“ ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เพลานั้นองค์เหนือหัวร่ายคาถาโดมมหาเวทครอบเมืองไว้ เพราะปกป้องเมืองจากสงครามเพคะ ”
“......”
“ แต่เพลานี้หม่อมฉันยังมิทราบได้ เพคะ ” พนาลีตอบตามความจริงเนื่องจากยังไม่มีการแจ้งเหตุจากองค์เหนือหัว
“ จักเกิดสงครามอย่างนั้นหรือ?พนาลี แล้วถ้าข้าจักออกไปข้างนอก จักได้หรือไม่เล่า? ”
“.....”
พนาลีถึงกับถอนหายใจออกมา เมื่อแม่ครุฑีน้อยมีคำถามออกมาไม่หยุดหย่อน ‘ ช่างเป็นครุฑรีที่ช่างสงสัยใคร่รู้เสียจริง ’
“ ว่าอย่างไรเล่าพนาลี ข้าจักออกไปได้หรือไม่? ”
“ เพลานี้ เจ้าจักออกไปข้างนอก มิได้ดอกหนา นิศามณี” ทันใดนั้นเอง เสียงของพระสุวรรณเมฆาก็ดังขึ้น กษัตริย์อสุราเอ่ยตอบคำถามของครุฑีน้อย
พระองค์ยืนอยู่ตรงประตูมาครู่ใหญ่แล้ว เมื่อเห็นท่าทางของครุฑีตัวน้อย ที่ดูช่างสงสัยใคร่รู้ไปเสียทุกเรื่อง พระองค์จึงได้รีบเดินเข้ามาตอบนาง
“เพราะเหตุใดเจ้าคะ เหตุใดข้าถึงจักออกไปข้างนอกมิได้? ” ครุฑีน้อยถามขึ้นทันทีเมื่อไม่เข้าใจที่กษัตริย์อสุราพูด
“ เพราะเพลานี้ ทหารครุฑาของพระสุบิน อาของเจ้า บินอยู่เหนือเมืองพนาราพณ์ มากกว่าร้อยตนอย่างไรเล่า ” พระสุวรรณเมฆาตอบด้วยใบหน้านิ่ง
“......”
“ เช่นนั้น เราถึงต้องร่ายคาถาโดมมหาเวท เพื่อครอบเมืองเอาไว้ เพื่อมิให้ผู้ใดเข้ามาได้ แลมิให้ผู้ใดออกไปเช่นกัน นิศามณี ” กษัตริย์อสุราพูดต่อเมื่อเห็นครุฑีน้อยนิ่งไป
“ นี่ท่านอา จักเอาชีวิตข้าจริง ๆ หรือ? แล้วท่านพ่อท่านแม่ของข้าเล่า จักเป็นเยี่ยงไรหนา ” นิศามณีพึงพำออกมาเบาๆพลันดวงตาคู่สวยก็เริ่มมีม่านน้ำตาก่อตัวขึ้น
“ กษัตริย์เมืองเวหาศ พระบิดาแลพระมารดาของเจ้าอาจจักยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้ เจ้าอย่าได้เป็นกังวลเลยหนา เราจักขึ้นไปสอดแนมที่เมืองเวหาศให้ ”
เมื่อเห็นครุฑีน้อยกำลังจะร้องไห้ กษัตริย์อสุราก็ไม่อาจทนเห็นได้จึงรีบพูดออกไปหวังจะให้ครุฑีน้อยได้สบายใจขึ้น
“ จริงหรือเจ้าคะ? ” ดวงตากลมเบิกกว้างก่อนจะถามขึ้น
พระสุวรรณเมฆาเดินไปยืนตรงหน้าครุฑีน้อย ก่อนฝ่ามือใหญ่จะเอื้อมขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาที่กำลังจะหยดรินลงมาจากขอบตาคู่สวย
“ จริง....แลเราจักขึ้นไปด้วยตนเอง ” กษัตริย์อสุรา พยักหน้าก่อนจะตอบ
ดวงตาเฉียบคมจ้องมองใบหน้าเนียนนิ่ง ดั่งต้องมนต์สะกด ก่อนที่สายตาจะเลื่อนลงต่ำไปเห็นร่องพระถันงามอวบอิ่มที่เด่นชัด ทำให้พระสุวรรณเมฆาเกิดความกระสันขึ้นมาทันใด
หากแต่ครุฑีน้อยนั้นก้มใบหน้าอยู่ จึงไม่อาจจะเห็นสายตาของกษัตริย์อสุรา ก่อนที่พระองค์จะรีบควบคุมความกระสันของตนเองแล้วหันไปทางพนาลี
“ พนาลี เจ้าจงปกป้องนิศามณีให้ดี อย่าให้คราดสายตา แลอย่าออกไปไกลจากตำหนักมากนัก ” กษัตริย์อสุราขานเรียกอสุรีรับใช้ก่อนจะรับสั่งออกมา
“ เพคะองค์เหนือหัว ” พนาลีรีบขานรับพระบัญชาทันใด
“ หากเราพบบิดาแลมารดาของเจ้า เราจักช่วยพระองค์ออกมา ” พระสุวรรณเมฆาหันมาเอ่ยกับนิศามณี ก่อนจะหันหลังเพื่อเดินออกจากห้องไป
“ เหตุใด?....” ไม่ทันที่พระสุวรรณเมฆาจะได้ออกจากห้องหับ จู่ๆครุฑีน้อยก็พูดขึ้น
“.....”
กษัตริย์อสุราหยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับมาเพื่อรอให้ครุฑีน้อยได้พูดต่อ
“ เหตุใด พระองค์ถึงได้ช่วยชีวิตข้า ยังจักช่วยพระบิดาแลพระมารดาของข้าอีก ”
“.....”
“ แลบุญคุณนี้ ข้าจักชดใช้พระองค์ได้เยี่ยงไรเล่า?พระสุวรรณเมฆา ” ครุฑีน้อยจ้องมองกษัตริย์อสุราดวงตาใสแป๋วก่อนจะพูดออกมาด้วยความสงสัย เนื่องจากไม่มีเหตุผลใดเลยที่กษัตริย์อสุราจะช่วยเหลือนาง
“ เหตุใดอย่างนั้นหรือ? ”
“.....”
“ เราจักบอกเจ้าว่าเพราะเหตุใด เมื่อถึงเพลานั้น แลเราก็ยังมิรู้เช่นกัน ว่าจักให้เจ้าชดใช้เยี่ยงไร นิศามณี ”
“.....”
สุวรรณเมฆาบอกกับครุฑีตัวน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องหับไป
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
