ตอนที่ ๑๐ มนต์จำแลง
.
.
“ นางคือผู้ใดกันพนาลี ข้าจักถามเจ้าได้หรือไม่? ”
“.....”
“ นาง ที่อยู่ในห้องหับ ขององค์เหนือหัวของเจ้า แลเจ้าจักตอบข้าได้หรือไม่พนาลี? ”
“.....”
“ นางคือพระสนม พระชายา หรือ พระมเหสีกันเล่า พนาลี? ” เมื่อครุฑีน้อยเห็นว่าพนาลียังคงจ้องมาที่ตนนิ่งและไม่ตอบอันใด ความช่างสงสัยใคร่รู้ ทำให้ครุฑีน้อยจำต้องเอ่ยสิ่งที่ตนคิดออกมา
“.....” พนาลีเอื้อมมือขึ้นมาทาบหน้าอกของตนพร้อมกับสีหน้าตื่นตกใจ เมื่อได้ยินครุฑีน้อยเอ่ยถามออกมาเช่นนั้น
“ เหตุใดเจ้าจักต้องทำหน้าเช่นนั้นเล่าพนาลี ข้าเพียงใคร่รู้ ...มิได้หรือ? ” ครุฑีน้อยเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของพนาลี
“ ก็ใช่ว่าจักใคร่รู้ ไปเสียทุกเรื่องได้ดอกหนา เพคะพระธิดา ” พนาลีตอบ
“ แล้วเจ้า จักตอบเรามิได้เชียวหรือ ” ครุฑีน้อยถามย้ำอีกครั้ง พนาลีถึงกับถอนหายใจออกมา
“ หม่อมฉัน จักไม่ตอบคำถามของพระธิดานะเพคะ เพราะองค์เหนือหัวอาจจักลงทัณฑ์หม่อมฉันก็เป็นได้ ”
“.....”
“ แต่หม่อมฉันจักบอกพระธิดาเพียงว่า องค์เหนือหัวยังมิมีพระชายาหรือพระมเหสีเพคะ ” พนาลีตอบมายาวเหยียด
“ ถ้าเช่นนั้น......”
“ พระธิดาเพคะ อย่าได้ทวงถามในสิ่งที่หม่อมฉันอาจจักถูกองค์เหนือหัวลงทัณฑ์อีกเลยหนา ” พนาลีรีบพูดสวนขึ้นก่อนที่นิศามณีจะได้เอ่ยถามขึ้นมาอีก
“......” ครุฑีน้อยจำต้องเงียบพร้อมกับใบหน้าที่เบื่อหน่าย
.
.
.
.
ค่ำคืนอันเงียบสงัด ท้องฟ้าที่ประดับด้วยแสงดาวและแสงจันทร์ คือมนต์เสน่ห์ของฟ้ายามค่ำคืน ความงดงามของราตรีกาลนำพาความสงบเข้ามาเยือน
เป็นเพลาที่มนุษย์ และอมนุษย์ ทั่วหล้ากำลังหลับไหล แต่ทว่ามิใช่พระสุวรรณเมฆาและทหารอสุราคู่กายอีกสองตน ที่เพลานี้เป็นเพลานัดหมายที่จะขึ้นไปบนคีรีลอยฟ้า
“ พวกเจ้าพร้อมแล้ว ใช่หรือไม่ อินสูรย์ มนทก ” กษัตริย์อสุราเอ่ยถามทหารอสุราคู่กายทั้งสองตน
“ พร้อมแล้วพะยะค่ะ องค์เหนือหัว ” มนทกและอินสูรย์ขานตอบพร้อมกัน
“ แล้วเราจักขึ้นไปอย่างไรพะยะค่ะ ในเมื่อทหารครุฑาบินว่อนเหนือเมืองเช่นนี้ แลมิยอมหลับไหล ” อินสูรย์เอ่ยถามกษัตริย์อสุรา
“ เช่นนี้แล้วเราจักเหาะผ่านเหล่าทหารครุฑาขึ้นไปได้อย่างไรพะยะค่ะ องค์เหนือหัว ” มนทกเอ่ยถามขึ้น
“ เช่นนั้น เราคงจักต้องจำแลงกาย เป็นแมลงหรือนกตัวน้อย เพื่อบินผ่านเหล่าทหารครุฑาขึ้นไป ” พระสุวรรณเมฆาตอบ
“ แต่กระหม่อมกับมนทก มิมีมนต์จำแลงกายนะพะยะค่ะ องค์เหนือหัว ” อินสูรย์รีบพูดขึ้น
เนื่องจากอินสูรย์และมนทก เป็นเพียงยักษ์ชั้นกลาง นอกจากเหาะเหินเดินอากาศได้แล้ว จะมีอาคมเพียงขั้นพื้นฐานเท่านั้น
“ เรารู้อินสูรย์...ว่าพวกเจ้ามิมีมนต์จำแลงกาย เช่นนั้น เราจักจำแลงกายให้เอง พวกเจ้ามานั่งลงตรงหน้าเราประเดี๋ยวนี้ ” กษัตริย์อสุราเอ่ยก่อนจะรับสั่ง
“ พะยะค่ะ”
มนทกและอินสูรย์ขานรับพระบัญชาก่อนจะนั่งคุกเข่าตรงหน้ากษัตริย์อสุราทันที พระสุวรรณเมฆายกพระหัสต์ขึ้นพนมก่อนจะร่ายคาถา
เพียงครู่เดียวอสุราทั้งสาม ก็กลายร่างเป็นนกน้อยสามตัว ก่อนจะโบยบินออกจากเมืองพนาราพณ์ ผ่านม่านโดมมหาเวทไป
นกน้อยจำแลงทั้งสาม โบยบินผ่านฝูงทหารครุฑาไปอย่างง่ายดายก่อนจะมุ่งตรงขึ้นไปยังคีรีลอยฟ้าทันที
.
.
.
.
“ ท่านพี่ บรรทมเถิดเจ้าค่ะ ท่านพี่มิได้นอนมาหลายราตรีแล้วหนา ” มเหสีสินิลตาเอ่ยกับพระอนันตะเวหาพระสวามีของตนด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นพระองค์เอาแต่จ้องมองไปนอกหน้าต่างของพระตำหนัก
พระอนันตะเวหาและมเหสีสินิลตา มิได้ถูกจองจำในห้องขังแต่อย่างใด เนื่องจากดาราจันทร์ ทูลขอพระสุบินเอาไว้ เพราะอย่างไรเสียพระอนันตะเวหาก็เป็นกษัตริย์
พระสุบิน จองจำพระอนันตะเวหาในพระตำหนักเดิม และได้ร่ายคาถากักกันเอาไว้ ไม่ให้ออกไปไหนได้ มีดาราจันทร์เพียงเท่านั้น ที่เข้าออกได้เพียงผู้เดียว
“ จักให้พี่ข่มตาหลับลงได้อย่างไรเล่า เพลานี้พี่ห่วงลูกเหลือเกิน ”
“.....”
“ มิรู้ว่านิศามณีจักเป็นเช่นไรบ้าง แลเพลานี้ยังจักอยู่กับเหล่ายักษ์อีก นางยังเยาว์วัยนักสินิลตา ” พระอนันตะเวหาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง
“ โธ่ ท่านพี่ ลูกของเราโตเต็มไวแล้วเจ้าค่ะ แลนางยังมีนะเมตตามาตั้งแต่เกิด ”
“.....”
“ มิว่าผู้ใดที่ได้อยู่ใกล้ ก็จักรักแลเมตตาเอ็นดู น้องเชื่อมั่นเช่นนั้นเจ้าค่ะ ” เมื่อเห็นผู้เป็นพระสวามีหม่นหมองสินิลตาจำต้องพูดเพื่อให้พระองค์จักได้คลายความหม่นหมอง
“ เจ้าทำให้พี่คลายความกังวลใจสินิลตา เจ้าคิดแต่สิ่งที่ดีเสมอ แลมิเคยให้ร้ายผู้ใด เพราะเหตุนี้พี่ถึงได้รักเจ้าเพียงผู้เดียว แลมิมีผู้ใดอีก ”
พระอนันตะเวหาหันหน้าเข้าหาสินิลตา มือหนาเอื้อมเชยแก้มนวลชายาของตน แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนโน้มกายเข้าหอมพวงแก้มนวลอย่างแผ่วเบา
จิ๊บ ๆ จิ๊บ ๆ
เสียงจิ๊บจั๊บดังขึ้นตรงนอกหน้าต่าง นกน้อยสามตัว กำลังพูดคุยกัน
“ นั่นจักใช่กษัตริย์เมืองเวหาศกับพระมเหสีหรือไม่พะยะค่ะ? ” อินสูรย์เอ่ยถามกษัตริย์ของตน
หมายเหตุ : ยักษ์มีหลายระดับ ตั้งแต่ยักษ์ชั้นสูง ยักษ์ชั้นกลาง ยักษ์ชั้นต่ำ มีความละเอียดประณีตแตกต่างกันตามกำลังบุญ
• ยักษ์ชั้นสูง มีรูปร่างสวยงาม มีเครื่องประดับ มีรัศมี มีอาหารทิพย์ มีบริวารคอยรับใช้ ปกติไม่เห็นเขี้ยว เวลาโกรธจึงจะมีเขี้ยวงอกออกมา
• ยักษ์ชั้นกลาง ส่วนใหญ่จะเป็นบริวารคอยรับใช้ของยักษ์ชั้นสูง
• ยักษ์ชั้นต่ำ ที่บุญน้อยก็จะมีรูปร่างน่าเกลียด ผมหยิก ตัวดำ ตาโปน ผิวหยาบ เหมือนกระดาษทราย นิสัยดุร้าย
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
