ตอนที่ ๑๔ โบยบิน
.
.
เป็นเพลา 7 ราตรีแล้ว ที่ครุฑีน้อยพลัดถิ่นของตนมาอยู่ในอาณาจักรยักษ์แห่งนี้ ครุฑีน้อยแทบจะไม่ได้ออกไปไหนไกลจากพระตำหนัก เพราะพระสุวรรณเมฆาจะเดินมาเจอก่อนทุกครั้งที่นางคิดจะเดินออกนอกบริเวรพระตำหนัก
กษัตริย์อสุราจะเสวยมื้อเช้าพร้อมกับครุฑีน้อยทุกวัน เพื่อไม่ให้ครุฑีตัวน้อยต้องรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย เมื่ออยู่ไกลถิ่นของตน แต่ทว่าที่จริงแล้ว พระองค์ต่างหากที่ใคร่จักอยู่ใกล้ชิดกับครุฑีน้อย
“ เหตุใดเช้านี้องค์เหนือหัวของเจ้า มิมาเสวยพร้อมข้าเช่นเคยเล่าพนาลี?” ครุฑีน้อยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย เมื่อไม่เห็นกษัตริย์อสุรามาเสวยมื้อเช้าด้วยเหมือนทุกครั้ง
“ วันนี้องค์เหนือหัว ทรงออกไปล่าสัตว์ตั้งแต่เพลาย่ำรุ่งแล้วเพคะ ”
“ ออกล่าสัตว์ อย่างนั้นหรือ”
“ เพคะ”
“ แล้วพระองค์ จักกลับมาเพลาใดหรือพนาลี?” ดวงตากลมคู่สวยลุกวาวทันใด เมื่อรู้ว่ากษัตริย์อสุราไม่อยู่ ก่อนครุฑีน้อยจะถามพนาลีออกไป
“ มิแน่นอนดอกเพคะ บางครั้งก็กลับเพลาย่ำรุ่งของอีกวัน แต่บางครั้งก็กลับเพลาเย็นเพคะ”
“ ข้าอิ่มท้องแล้ว จักเดินเล่นในสวนสักครู่หนา เจ้าจักไปทำอันใดก็ไปเถิด ” ครุฑีน้อยเอ่ยขึ้นมาน้ำเสียงเรียบ
“ มิได้ดอกเพคะ องค์เหนือหัวรับสั่ง ให้หม่อมฉันอยู่กับพระธิดาเพคะ” พนาลีรีบเอ่ยขึ้นทันใด เนื่องจากกษัตริย์อสุรากำชับนักกำชับหนา ว่าอย่าให้ครุฑีน้อยคลาดสายตาเป็นอันขาด
“ ข้าแค่จักเดินเล่นในสวนดอกไม้เพียงเท่านั้น เจ้ามิต้องตามข้าก็ได้หนาพนาลี”
“ มิได้เพคะ องค์เหนือหัวรับสั่งไว้” พนาลีเอ่ยตอบเสียงแข็ง
“ ก็ได้ ๆ ข้ายอมแพ้เจ้าแล้วพนาลี จักอยู่กับข้าก็ตามใจเจ้าเถิดหนา ” เมื่อพนาลียืนกรานจะไม่ไปไหน ครุฑีน้อยถอนลมหายใจออกมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะพูดขึ้น
ดวงตากลมคู่สวยเหลือบมองไปยังพระราชวังสีไพลินที่อยู่อีกฟากกระนู้น ที่นางมักจะจ้องมองเวลายืนตรงหน้าต่างพระตำหนัก ก่อนจะเดินตรงไปทางนั้น
“ ทางนั้นไปมิได้นะเพคะพระธิดา” พนาลีรีบเอ่ยห้ามทันทีเมื่อเห็นว่าครุฑีน้อยกำลังเดินออกจากเขตพระตำหนัก
“ ข้าไปมิไกลดอกพนาลี..” นิศามณีพูดขึ้นเพียงแค่นั้นก่อนจะรีบวิ่งเร็วออกไปทันทีโดยไม่ฟังคำห้ามของพนาลี
“ พระธิดา!! ไปไม่ได้นะเพคะ พระธิดา...ไฉนถึงดื้อเช่นนี้นะเพคะ ข้าหลังขาดแน่ครานี้ ”
พนาลีรีบวิ่งตามหลังครุฑีน้อยไปทันที อีกทั้งยังพยายามเอ่ยห้ามนางไม่หยุดปาก ทว่าครุฑีน้อยก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดวิ่งแม้แต่น้อย
.
.
.
.
ครุฑีน้อยวิ่งมาจนถึงอุทยานดอกไม้ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงก่อนจะหยุดชะงัก
“ สวนดอกไม้หรือ? ช่างงดงามยิ่งนัก ” ครุฑีน้อยเอ่ยพึมพำออกมา
ดวงตาคู่สวยฉายเป็นประกายออกมาทันใด เมื่อเห็นดอกไม้สวยสีสันงามตามากมายหลากหลายพันธุ์อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ทำให้ครุฑีตัวน้อยลืมความตั้งใจที่จะไปพระตำหนักสีไพลินนั้นเสียสิ้น ก่อนจะเดินชมดอกไม้สีสวยแปลกตาด้วยท่าทีที่ตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
“ ดอกไม้ในเมืองยักษ์ สวยงามกว่าดอกไม้ในเมืองครุฑของข้าเสียอีก แลยังมีมากมายหลายพันธุ์ หากนำไปปลุกที่เมืองครุฑ คงจักงามนัก ” ครุฑีน้อยพึมพำเบาๆก่อนจะยิ้มออกมา
“ โธ่ พระธิดารีบกลับพระตำหนักเถิดเพคะ ” เมื่อวิ่งมาถึงตัวครุฑีน้อย พนาลีก็รีบเอ่ยขึ้นทันที
“ ประเดี๋ยวค่อยกลับมิได้หรือพนาลี ข้ายังชมดอกไม้มิทั่วเลยหนา ”
“ หากองค์เหนือหัวรู้ว่าหม่อมฉัน ปล่อยให้พระธิดาออกมา หม่อมฉันหลังขาดแน่เพคะ” พนาลีพูดขึ้นด้วยสีหน้าวิตก เมื่อภาพเวลากษัตริย์อสุราของตนทรงกริ้วปรากฏขึ้นมาในหัว
“ เจ้าก็อย่าให้รู้สิ ข้ามิพูด เจ้ามิพูด พระองค์จักรู้ได้อย่างไรเล่า จริงหรือไม่พนาลี? ”
“....”
“ นั่นผลไม้ใช่หรือไม่ กินได้หรือไม่พนาลี ” ครุฑีน้อยชี้นิ้วไปทางต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีผลเต็มต้นก่อนจะเอ่ยถาม
“ ได้เพคะ ลูกสุกสีม่วงทรงเสวยได้ ส่วนลูกสีเขียวยังดิบอยู่ เสวยมิได้เพคะ ”
“ เช่นนั้น ข้าจักเก็บไปกินที่ห้องหับได้หรือไม่ ”
“ เพคะ หม่อมฉันจักไปเก็บมาให้เองเพคะ”
“ ข้าเก็บเองพนาลี ”
ครุฑีน้อยพูดขึ้นก่อนจะหลับตาลง เพียงครู่เดียวปีกสวยสีมณีราคก็ปรากฏขึ้น ก่อนจะสยายสวยงาม ครุฑีน้อยโบยบินขึ้นไปทันที ก่อนจะเอื้อมมือเก็บผลไม้ ..พนาลีจ้องมองครุฑีน้อย ก่อนร่ายคาถาให้ร่างสูงใหญ่พอๆกับความสูงของต้นผลไม้นั้นก่อนจะเอื้อมฝ่ามือไปทางครุฑีตัวน้อย
“ ทรงเก็บใส่มือหม่อมฉันนะเพคะ” พนาลีเอ่ยขึ้น
กรี๊ดดด!!
เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อครุฑีน้อยตกใจที่เห็นร่างอสุรีใหญ่โตเอื้อมมือมาหาตน ที่กำลังบินเก็บผลไม้ ก่อนจะลืมตัวหุบปีกคลุมกายตนเองตามสัญชาตญาณก่อนจะร่วงสู่พื้น
หมับ!!
“ หม่อมฉันเองเพคะพระธิดา พนาลีเพคะ ” พนาลีคว้าร่างครุฑีน้อยไว้ทันก่อนจะรีบพูดขึ้น เมื่อเห็นว่านางกำลังตกใจกลัวตน
“ ข้าตกใจหมดเลยพนาลี จักแปลงกายใยมิบอกข้าก่อนเล่า ” ครุฑีรีบเอ่ยตำหนิพนาลี ก่อนจะพ่นลมออกจากปากอย่างโล่งใจ คิดอยู่ในใจ ‘ นึกว่าจักถูกยักษ์จับกินเสียแล้ว ’ก่อนกระพือปีกโบยบินขึ้นอีกครั้ง
“ แฮ่.. ทรงประทานอภัยด้วยเพคะ หม่อมฉันมิคิดว่าพระธิดาจะตกใจเช่นนี้เพคะ” พนาลีตอบพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อน
“ เราควรจักกลับพระตำหนักกันได้แล้วเพคะพระธิดา ” เมื่อเก็บผลไม้ได้เยอะแล้วพนาลีรีบชวนครุฑีน้อยกลับทันที
“ ขออีกเดี๋ยวเดียวมีได้หรือพนาลี ข้ามิได้โบยบินมาหลายวันแล้วหนา ”
“.....”
“ สวนดอกไม้นี้ช่างกว้างใหญ่ แลงดงามนัก ข้าใคร่จักโบยบินชมดอกไม้เพียงครู่เดียวเท่านั้นหนา ” ครุฑีน้อยเอื้อนเอื่อยกับพนาลีด้วยวาจาท่าทางที่ออดอ้อน
“ เพียงแค่โบยบินชมดอกไม้เท่านั้น แลมิออกไปนอกสวนดอกไม้นะเพคะ”
พนาลีเอ่ยออกมา เมื่อเห็นวาจาท่าทางที่ออดอ้อนของครุฑีน้อย ก็ใจอ่อน เกิดความรู้สึกเอ็นดูนางขึ้นมา
ครุฑีน้อยยิ้มก่อนจะรีบพยักหน้างึก ๆ ตอบทันทีก่อนจะโบยบินชมดอกไม้สวยที่บานสะพรั่งเต็มสวน
๐๐๐๐๐๐๐
