บท
ตั้งค่า

ตอนที่ ๑๓ ฝาก

.

.

“ พระองค์กลับมาหลังจากพระธิดาบรรทมไปเพียงครู่เดียวเพคะ” พนาลีตอบ

“ เหตุใดเจ้ามิปลุกข้าเล่าพนาลี เจ้ามิรู้ลือ ว่าข้ารอฟังข่าวท่านพ่อท่านแม่อยู่ ” ครุฑีน้อยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตัดพ้อออกมาเล็กน้อย

“ รู้เพคะ แต่องค์เหนือหัวมิให้หม่อมฉันปลุกพระธิดานี่เพคะ”

“.....”

“ พระธิดาจักสรงน้ำหรือสรงพระพักตร์เพคะ” พนาลีเอ่ยถามครุฑีน้อยขึ้นอีกครั้ง

“ ข้าจักล้างหน้าพนาลี ข้าจักเร่งไปพบองค์เหนือหัวของเจ้า แลเพลาย่ำค่ำข้าค่อยอาบน้ำ ” ครุฑีน้อยรีบตอบทันใด

“ เช่นนั้น สรงพระพักตร์ก่อนนะเพคะ หม่อมฉันนำอ่างสรงพระพักตร์มาแล้ว”

“.....” ครุฑีน้อย พยักหน้าตอบก่อนจะเดินไปที่อ่างสรงพระพักตร์

“ พระธิดามิต้องไปพบองค์เหนือหัวที่ห้องหับนะเพคะ เพลานี้พระองค์รอพระธิดาอยู่ในสวนดอกไม้แล้วเพคะ” พนาลีพูดขึ้นในขณะที่กำลังแต่งกายให้ครุฑีน้อย

“ อย่างนั้นหรือ? ”

“ เพคะ พระองค์รอเสวยมื้อเช้าพร้อมพระธิดา เพคะ”

“ พร้อมข้า กระนั้นหรือ? ” นิศามณีเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“ เพคะ ทรงรอเสวยพร้อมพระธิดา ” พนาลีตอบ ก่อนที่นิศามณีจะเงียบไปไม่ได้ถามอะไรต่อ

.

.

.

เมื่อพนาลีแต่งกายให้ครุฑีตัวน้อยเสร็จสรรพก็นำพานางออกไปยังสวนดอกไม้ที่กษัตริย์อสุรารออยู่

เมื่อมาถึงสวนดอกไม้ ดวงตากลมคู่สวยก็เอาแต่จับจ้องใบหน้ากษัตริย์อสุราไม่วางตา ครุฑีน้อยเฝ้ารอฟังข่าวของพระบิดามารดาอย่างใจจดใจจ่อ

“ หึ... เราจักบอกเจ้า ก็ต่อเมื่อกินมื้อเช้าจนอิ่มท้องแล้วเท่านั้นหนานิศามณี ”

พระสุวรรณเมฆาหัวเราะเบาๆ ออกมาก่อนจะพูดขึ้น แม้ว่าพระองค์ยังอยากจะให้ครุฑีน้อยจ้องมองตนเช่นนั้นไปนานๆก็ตาม

“ เจ้าค่ะ” ครุฑีน้อยขานรับอย่างว่าง่าย ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มเสวยมื้อเช้าด้วยกัน

เป็นครั้งแรกที่นิศามณีเสวยร่วมกับผู้อื่นที่ไม่ใช่พระบิดามารดา และกษัตริย์อสุราก็เช่นกันที่ไม่เคยเสวยร่วมกับหญิงใดตามลำพังเช่นนี้มาก่อน

ในเจ็ดวันจะมีแค่เพียงสองวันเท่านั้น ที่พระองค์จะเสวยร่วมกับพระสนมทั้งสี่

.

.

“ เราได้พบกับพระอนันตะเวหาแลพระมเหสีสินิลตา บิดา มารดาของเจ้าแล้วหนา ” หลังจากที่ทั้งคู่ ได้เสวยมื้อเช้าจนอิ่มท้องแล้ว กษัตริย์อสุราก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ดวงตาสีนิลจ้องมองใบหน้าครุฑีน้อยนิ่ง

“ จริงหรือเจ้าคะ ท่านพ่อท่านแม่ของข้ายังมีชีวิตอยู่ ” ครุฑีน้อยยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

“........”

พระสุวรรณเมฆาโน้มพระเศียรเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนละมุน

กษัตริษ์อสุราบอกกับครุฑีน้อยเรื่องที่พระองค์ให้คำมั่นกับพระอนันตะเวหาว่าจะดูแลครุฑีน้อยจนกว่าพระองค์จะสะสางเรื่องในเมืองครุฑเสร็จสิ้น

“ ว่ากระไรนะเจ้าคะ? ท่านพ่อฝากให้พระองค์ดูแลข้า อย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”

“.....”

“ แล้วพระองค์ ก็รับฝากกระนั้นหรือ?” นิศามณีเปล่งเสียงถามออกมาด้วยสีหน้าแปลกใจและไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดพระบิดาของตนถึงได้ฝากตนไว้กับผู้อื่นเล่า

“ เราได้ให้คำมั่นกับพระอนันตะเวหาบิดาของเจ้าแล้ว เจ้าอยู่ที่นี่เถิดหนานิศามณี จักมิมีผู้ใดเข้ามาทำร้ายเจ้าได้ ”

กษัตริย์อสุราพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาดวงตาสีนิลจ้องมองครุฑีน้อยนิ่ง ก่อนที่นิศามณีจะก้มหลบสายตากษัตริย์อสุราทันทีเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างในดวงตาสีนิลคู่นั้น

.

.

.

.

“ เจ้าว่ากระไรนะศรีจันทร์ ท่านพี่ทรงเสวยมื้อเช้าพร้อมกับครุฑีตนนั้นอย่างนั้นหรือ?” กุสุมาลย์เอ่ยออกมาเสียงดังด้วยท่าทีที่ร้อนรน เมื่ออสุรีรับใช้ที่ตนให้ไปแอบดูที่พระตำหนักพระสุวรรณเมฆากลับมาแจ้งข่าว

“ เพคะ พระสนม ทรงเสวยมื้อเช้าพร้อมครุฑีตนนั้น แลยังเดินชมดอกไม้พูดคุยกันด้วยเพคะ ” ศรีจันทร์แจ้งตามที่ตนเห็น

เคล๊งงงง! กรี๊ดดด

ถาดที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสวยที่พึ่งจะเก็บมาถูกจับทุ่มลงกับพื้นกระจัดกระจาย ก่อนเสียงกรีดร้องจะดังตามมา

กุสุมาลย์ดวงตาแดงก่ำพร้อมกับสีหน้าที่โกรธเคือง ฝ่ามือกำไว้แน่น จนอสุรีรับใช้ต้องถอยไกลห่างไม่กล้าเข้าใกล้ ก่อนจะรีบเก็บดอกไม้ที่กระจัดกระจายเต็มพื้นลงในถาดดังเดิม

“ เกิดอันใดขึ้น เหตุใดเจ้าจักต้องทิ้งดอกไม้เต็มพื้นเช่นนี้ด้วยเล่า กุสุมาลย์?” มาณวิกาที่เดินมาถึงศาลาหน้าตำหนักพอดีก็เห็นสิ่งที่กุสุมาลย์ทำจึงได้เอ่ยถามขึ้น

กุสุมาลย์หันไปเหลือบตามองมาณวิกาก่อนจะสะบัดหน้าหนีแล้วนั่งกระแทกลงด้วยความแรงแต่ก็ไม่ตอบอันใดออกมา มาณวิกาจึงหันไปทางศรีจันทร์อสุรีรับใช้ของกุสุมาลย์แทน

“ มีอันใดศรีจันทร์ เหตุใดพระสนมของเจ้าถึงได้มีอารมณ์บ้าคลั่งเช่นนี้ ” มาณวิกาถามพร้อมกับหันหน้าไปมองกุสุมาลย์ที่ตอนนี้ยังคงมีสีหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จาอันใดออกมา

“ เอ่อ...พระสนมให้หม่อมฉันไปแอบดูที่พระตำหนักองค์เหนือหัวมาเพคะ ” ศรีจันทร์พูดออกมาเบาๆด้วยสายตาที่ยังเกรงกลัวกุสุมาลย์อยู่

“.....” มาณวิการู้ได้ในทันทีว่าคงต้องมีอันใดจึงส่งสายตาให้ศรีจันทร์เล่าต่อจนรู้เรื่องราวทั้งหมด

“ ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วใช่หรือไม่กุสุมาลย์ ว่าเราเป็นเพียงพระสนม หาใช่ชายาไม่ ”

“.....”

“ แลหากเจ้า...”

“ หยุด!! หยุดเอ่ยปากของเจ้าเสียที มาณวิกา ข้ามิอยากฟัง ” จู่ๆกุสุมาลย์ก็พูดตะหวาดเสียงดังสวนขึ้น ก่อนที่มาณวิกาจะได้พูดจบ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้าไปในพระตำหนัก กลับเข้าห้องหับของตนทันที โดยไม่สนใจมาณวิกา ที่มองตามอ้าปากค้างเมื่อตกใจที่ถูกนางตะหวาดใส่

“ เฮ่อ.. สุดแต่เจ้า จักใคร่ครวญเองเถิดหนากุสุมาลย์”

มาณวิกา ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะพึมพำออกมา พลางหันมาทางอสุรีรับใช้ของกุสุมาลย์ที่ยังอยู่

“ อ้าว! เจ้ามิตามพระสนมของเจ้าไปรึ ศรีจันทร์? ” มาณวิกาเอ่ยถาม

“ หม่อมฉันตามเข้าไปเพลานี้ มิดีแน่เพคะ รอให้พระสนมพระหทัยเย็นลงก่อนจักดีกว่าเพคะ ” ศรีจันทร์ตอบก่อนจะก้มลงเก็บดอกไม้ตรงพื้นต่อ

“ แล้วแต่เจ้าละกัน ข้าไปละ” มาณวิกาเอ่ยพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากศาลาหน้าพระตำหนักไป

‘ หากพระสนมกุสุมาลย์ ทรงพระหทัยเย็นได้ครึ่งของพระสนมมาณวิกาก็คงจักดีมิน้อยหนา ’ ศรีจันทร์มองตามหลังมาณวิกาที่เดินออกจากศาลาไป พลันในใจก็คิดขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

.

.

“ เหตุใดเช้านี้องค์เหนือหัวของเจ้า มิมาเสวยพร้อมข้าเช่นเคยเล่าพนาลี? ”

๐๐๐๐๐๐๐๐

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel