๓ สงครามย่อยอีกแล้ว
๓
สงครามย่อยอีกแล้ว
เย็นวันนี้ภวินท์มีเรียนคาบสุดท้ายทำให้เขามารับวราลีช้ากว่าทุกวัน เขามาถึงโรงเรียนที่วราลีเรียนอยู่และมุ่งหน้าเดินไปหาวราลีตรงที่เธอนั่งอยู่
ภวินท์เดินสวนมาในขณะที่ภีรวัจน์และภีรดากำลังจะก้าวขึ้นรถ สายตาสองคู่มองตามขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปหาวราลีด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน...
ภีรวัจน์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อเห็นยัยแว่นยิ้มหวานให้กับภวินท์ เขานึกอยากจะสั่งสอนยัยเชยนั่นให้รู้บ้างว่าไม่ควรจะให้ท่าผู้ชายคนไหนต่อหน้าเขา
“เป็นอะไรไปคะเคน” พัชราวดีหันมาถามเมื่อเห็นภีรวัจน์เงียบไปขณะกำลังขับรถ
“เปล่าครับแพทพอดีผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ”
“เพลินจริงเหรอคะ แต่หน้าเคนเหมือนกำลังโกรธใครอยู่อย่างนั้นแหละ” พัชราวดีพูดตามที่เธอเห็น
“งั้นเหรอครับ” ภีรวัจน์หันมาหาพัชราวดีก่อนจะปรับสีหน้าของตัวเองใหม่
“ใช่ค่ะ” พัชราวดีหันมาทางเขา รู้สึกแปลกใจที่เห็นภีรวัจน์ทำท่าเครียดได้ขนาดนี้ทั้งๆ ที่ตอนมาเขาก็ยังเป็นปกติดีอยู่
“ผมไปส่งแพทที่บ้านเลยนะครับ”
เป็นอีกครั้งที่พัชราวดีรู้สึกผิดหวังเพราะเธอคิดว่าเขาอาจจะชวนเธอไปไหนต่อซะอีก แต่เมื่อเห็นสีหน้าเครียดๆ ของภีรวัจน์แล้วพัชราวดีก็ไม่อยากจะขัดใจและเซ้าซี้ เธอฉลาดพอที่จะรู้ว่าคนแบบเขาคงไม่ชอบให้ผู้หญิงมาแสดงอาการเอาแต่ใจกับเขา
“พี่เคนเป็นอะไรไปคะ” ภีรดาถามในตอนขากลับหลังจากที่ภีรวัจน์ขับรถมาส่งพัชราวดีกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว
“ถามอีกคนแล้วเหรอเรา”
“ก็มันน่าสงสัยนี่ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย” เธอถามอย่างอยากรู้
“ก็เหมือนเรานั่นแหละ ทำไมนั่งเงียบมาตลอดทาง” เขาย้อนถามน้องสาวบ้าง
“เปล่าซะหน่อยพิมไม่ได้เป็นอะไร” ภีรดารีบปฏิเสธ
“นึกว่าใจลอยไปถึงไหนซะอีก”
“เปล่าค่ะ ว่าแต่เมื่อกี้ทะเลาะอะไรกับไหมหรือเปล่า”ภีรดาถามทันทีที่ได้โอกาส
“รู้สึกจะคิดว่าพี่คอยแต่จะหาเรื่องเพื่อนเราอยู่ตลอดเลยนะ”
“มันจริงไหมล่ะคะ”
“เพื่อนเราชอบกวนประสาทพี่” เขารู้สึกหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อนึกถึงใบหน้าเชิดๆ ของคนที่กำลังถูกกล่าวถึง
“ไหมเค้าเกลียดคนเจ้าชู้” ภีรดาพร่ำบอกพี่ชายเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเธอก็จำไม่ได้
“กำลังจะบอกว่าเขาเกลียดพี่งั้นสิ”
“เอ้อ” ภีรดาอึกอัก
“ไม่ต้องบอกก็รู้เขาแสดงออกซะขนาดนั้น” เขาหัวเราะน้อยๆ และรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลแค่นึกว่ายัยแว่นนั่นว่าอย่างไรถ้าถูกผู้ชายอย่างเขาจูบ
เสียงออดสัญญาณดังยาวๆ บอกเวลาว่าการเรียนของวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว วราลีและภีรดาเดินคู่กันออกมาเหมือนเช่นทุกเย็นหลังเลิกเรียน
“ไหมกลับก่อนนะพิม” วราลีหันไปบอกภีรดา
“ไม่รอคนมารับเหรอ” ภีรดาหลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยชื่อภวินท์
“วันนี้พี่ไก่ไม่ว่างจ้ะ ไหมเลยต้องกลับเอง”
“เดี๋ยวพิมไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไร” วราลีรีบปฏิเสธเพราะเธอไม่อยากเผชิญหน้ากับพี่ชายขี้เก๊กของเพื่อนรัก
“เถอะน่าไหม พิมเป็นห่วง”
“พิมกลับเองได้จริงๆ”
“นั่นแน่ะ พี่เคนมาพอดี วันนี้แปลกแฮะ ไม่มีสาวๆ นั่งมาด้วย” เธอหันไปบอกวราลีเมื่อเห็นรถของพี่ชายวิ่งมาถึง
วราลีทำท่าท่าจะเดินเลี่ยงไปแต่ภีรดาไม่ยอมให้เธอหนีไปง่ายๆ ภีรวัจน์เปิดกระประตูรถลงมาในตอนนั้น เขามองทั้งสองคนแต่สายตาเขาเหมือนจะหยุดนิ่งอยู่ที่วราลีเป็นหลัก
“วันนี้ไปส่งไหมด้วยนะคะ” ภีรดาหันไปบอกพี่ชาย
“ขึ้นรถสิ” เขาพูดเรียบๆ
“ไหมกลับเองดีกว่าค่ะ” เธอไม่ได้หันไปมองหน้าเขาขณะตอบ
“กลัวเหรอ” เขาถามอย่างท้าทาย
“กลัวอะไรพูดดีๆ นะ” เธอหันไปหาเขา ในขณะที่ภีรดายืนดูสงครามย่อยที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างปลงๆ
“จะอะไรซะอีกล่ะ นอกจากกลัวแฟนจะเข้าใจผิด”
“นี่” เธอแหวใส่เขา
“เอ้อ...พิมว่าไปทะเลาะกันต่อในรถดีกว่านะคะ คนเค้าเริ่มมองกันแล้ว” ภีรดารีบห้ามทัพ
“ขึ้นรถ” เขาออกคำสั่งกลายๆ วราลีขัดใจนักที่เขาชอบวางอำนาจกับเธอ แต่เมื่อหันไปเห็นสีหน้าลำบากใจของภีรดาทำให้เธอต้องยอมก้าวขึ้นรถ
ภีรดานั่งข้างหน้าคู่กับพี่ชายในขณะที่วราลีขึ้นไปนั่งด้านหลัง
“วันนี้พี่แพทไม่มาด้วยเหรอคะ” ภีรดาหันไปถามพี่ชายอย่างแปลกใจ
“ไม่” เขาตอบสั้นๆ
ภีรดาพูดเจื้อยแจ้วกับพี่ชายตลอดทางในขณะที่อีกคนที่นั่งมาด้วยกลับเอาแต่เงียบไม่ส่งเสียงใดๆ ในขณะที่ภีรวัจน์แอบมองกระจกหลังบ่อยๆ และมีหลายครั้งที่ดวงตาสองดวงประสานกันผ่านกระจกบานนั้น
วราลีหน้าแดงขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นอะไรบางอย่างในสายตาคู่นั้น สายตาที่มองเธออย่างคุกคามและพลอยแต่จะเตือนให้นึกถึงอะไรบางอย่างระหว่างเธอกับเขาอยู่ตลอดเวลา
ภีรวัจน์แอบชำเลืองมองเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ และเขากลับหงุดหงิดตัวเองที่เห็นว่าเวลายัยนั่นแก้มแดง น่าจูบชะมัด
เขาเกิดอารมณ์ปรารถนาในตัวเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า ถึงแม้เธอจะใส่แว่นและแต่งตัวเฉิ่มๆ เชยๆ แต่ใบหน้าและดวงตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นอันนั้นกลับมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้เขาอยากสัมผัสมัน
วราลีเมินหลบสายตาไปจากกระจกบานนั้น เธอขยับตัวอย่างอึดอัดและทำหน้าเครียดๆ ใส่เขา เขานึกอยากรู้ว่าเธอเครียดเรื่องอะไร
ถ้าเธอเครียดเรื่องเขาก็คงดี เธอจะได้รู้สึกบ้าง คนอื่นพากันสยบเขา แต่ยัยแว่นนั่นกลับท้าทายโดยเวลาที่ยัยนั่นเชิดใส่เขารู้สึกร้อนรุ่ม จนรู้สึกอยากจะกระชากมาจูบสั่งสอนทุกครั้ง
วราลีเตรียมเปิดประตูรถทันทีเมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านของเธอแล้ว แต่ประตูรถกลับเปิดไม่ออกเพราะมันถูกล็อคจากฝั่งคนขับ
หญิงสาวหันไปมองเขาและเขาก็มองเธอมาผ่านกระจกหลังอีกครั้ง เขายิ้มที่มุมปากนิดๆ เหมือนอย่างที่เขาเคยยิ้ม
“เปิดประตูด้วยค่ะไหมจะลง” เธอหันไปบอกเขาเมื่อรู้ว่าเขาจงใจแกล้งเธอ
“พูดได้ด้วยเหรอ” เขาพูดโดยไม่หันมามองเธอ
“ไหมไม่ได้เป็นใบ้นี่”
“งั้นเหรอ” เขาบอกก่อนจะปลดล็อคและเดินลงมาเปิดประตูรถให้เธอ วราลีรีบก้าวลงก่อนที่เขาจะปิดประตูรถเพื่อให้รอดพ้นจากสายตาของภีรดาที่กำลังมองมาอย่างสงสัย ภีรวัจน์ไม่ยอมขยับจากที่เขายืนอยู่ทำให้วราลีกับเขายืนห่างกันไม่มาก ภีรวัจน์ก้มลงมองริมฝีปากเธอราวกับอยากจะทำอะไรบางอย่างกับริมฝีปากบางๆ นั้นทำเอาวราลีหน้าร้อนผ่าว
“ถอยด้วยค่ะไหมจะเข้าบ้าน”
“เก่งจังเลยนะเรื่องที่จะหลบหน้าผม” เขายังไม่ยอมถอย
“อย่ามาหาเรื่องไหม”
“หรือไม่จริง”
“ไม่อยากเถียงด้วย”
“งั้นทำเลยดีไหม” เขาพูดเป็นนัยๆ
“อย่ามาทำอะไรบ้าๆ นะ” เธอมองเขาอย่างหวาดระแวง
“นึกว่าไหมอยากจะทบทวนความจำ”
“ไหมไม่บ้าไปกับพี่หรอก”
“หึๆ นึกว่า”เขาพูดพร้อมกับมองริมฝีปากของเธออย่างไม่วางตา
“หยุดนะ” เธอรีบห้ามเขาก่อนที่เขาจะหลุดคำพูดบางอย่างออกมา
“อย่าดื้อกับผมให้มันมากนักนะไหม” เขาเริ่มขู่เธออย่างจริงจัง
“ไหมทำอะไร ไหมก็อยู่ส่วนไหม ไหมไม่เคยไปยุ่งอะไรกับเรื่องของพี่เลยสักนิด”
“แล้วเรื่องเมื่อวานนี้ล่ะ”
“ทำไม”
“ที่ทำแบบนั้นกับนายภวินท์ ไหมกำลังท้าทายผม” เขาบอกอย่างคาดโทษ และเดินเข้าใกล้เธอมากกว่าเดิม
วราลีรีบผลักเขาก่อนจะเดินผ่านเขาไป เขาได้แต่มองตามก่อนจะยิ้มนิดๆ และอารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาด