๒ ยิ่งเกลียดเธอยิ่งเจอกัน
๒
ยิ่งเกลียดเธอยิ่งเจอกัน
“อย่าเข้ามานะ”
วราลีพยายามจะวิ่งหนีสุดชีวิต แต่ก็ไม่ไวเท่ากับการเคลื่อนไหวของภีรวัจน์ที่จู่โจมเข้าถึงตัวเธออย่างรวดเร็ว
“จะหนีไปไหนสาวน้อย”
“ปล่อย” เธอพยายามดิ้นให้เป็นอิสระ แต่ก็ไม่สามารถพ้นไปจากวงแขนที่กอดเธอไว้แน่นในตอนนี้
“ไม่ปล่อย”
ร่างสูงของเขาไม่ได้ฟังคำของร้องของเธอแม้แต่น้อย เขามองเธออย่างมาดหมายราวกับสิงห์โตจ้องตะครุบเหยื่อก่อนที่วราลีจะถูกเขาดึงเข้าไปปะทะกับอกกว้างของเขา จมูกโด่งแตะลงที่แก้มของเธอ ปากร้อนๆ เคลื่อนที่เข้าไปหาและกดริมฝีปากนั้นลงบนริมฝีปากของเธอและบดจูบอย่างร้อนแรง มือซุกซนของเขาสำรวจไปทั่วร่างของเธอ โดยเฉพาะตรงสะโพกมนทั้งสองข้างก่อนจะดึงเธอมาชิดกับเขามากขึ้นจนเธอสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุของร่างกายเขา
ร่างบางของเธอถูกเขาบดเบียดจนแทบจะไม่มีที่ว่างให้เข็มผ่าน ภีรวัจน์ค่อยๆ ปลดสายเสื้อนอนของเธอลงทำให้ร่างกายเปลือยเปล่าของเธอเปิดเผยต่อหน้าเขาเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มโน้มร่างเธอลงบนที่นอนก่อนที่เขาจะทาบทับตามลงมา วราลีใช้แขนทั้งสองข้างปกปิดร่างกายส่วนบนไว้ให้พ้นจากสายตาที่มองมาราวกับจะกลืนกินของเขาแต่ไม่ว่าเธอจะปิดบังยังไงก็ยังไม่สามารถหยุดพ้นจากสายตาคมกริบคู่นั้นไปได้ หญิงสาวพยายามผลักไสเขาออกแต่ร่างแกร่งของเขาก็หนักอึ้งเกินกว่าจะที่แรงของเธอจะผลักเขาไปได้
ชายหนุ่มกดร่างบางของเธอจมลงไปกับที่นอนแล้วใช้มือทั้งสองข้างตรึงแขนบอบบางเอาไว้ก่อนที่จะค่อยๆ โน้มหน้าตรงลงมาหายอดอกสีชมพูที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้า
หญิงสาวผวาตื่นขึ้นในนาทีนั้น เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผากจนชื้น อาการร้อนวูบวาบยังแล่นไปทั่วร่างกาย เธอมองไปรอบๆ ห้องของตัวเองแล้วค่อยๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่มันเป็นแค่ความฝัน
วราลีค่อยๆ โน้มตัวลงนอนอีกครั้ง เธอพลิกไปหาหมอนข้างก่อนจะทุบกำปั้นลงบนหมอนหลายครั้งติดๆ กัน เธออยากจะตั๊นหน้าพี่ชายของเพื่อนรักมากเหลือเกิน เพราะนายพี่เคนบ้านั่นมาตามหลอกหลอนเธอแม้แต่ในฝัน คนบ้านั่นลวนลามเธอจนเธอแทบจะช้ำไปทั้งตัว หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงความวาบหวามที่เขาเป็นผู้จุดขึ้นแม้ว่าแค่ในความฝัน เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลยที่ลึกๆ แล้วเธอกลับรู้สึกว่าตัวเองชอบสัมผัสของเขา
“เป็นอะไรไปไหมเมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ” ภีรดาถามเมื่อเห็นวราลีมาเรียนด้วยท่าทางอิดโรยราวกับคนนอนไม่เต็มอิ่ม คำถามของเพื่อนรักทำเอาวราลีหน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เธอหลับได้ไม่เต็มตาเมื่อคืนนี้
“นอนแต่ฝันร้ายทั้งคืน”
“ฝันอะไร” ภีรดาถามต่อ
“ฝันถึงคนบ้าน่ะ” วราลีตอบเลี่ยงๆ
“ฝันถึงพี่เคนหรือเปล่า” ภีรดารีบถามทันทีก่อนจะหัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็น วราลีหน้าบึ้งไปทันทีที่เธอเอ่ยถึงพี่ชายของเธอ วราลีแทบสะดุ้งเมื่อเจอคำถามของ ภีรดา
“บ้าน่าพิม”
“พูดถึงพี่เคนทีไร ไหมต้องทำหน้าแบบนี้ทุกที” ภีรดาบ่นกลายๆ
“แบบไหน” เธอย้อนถาม
“ก็หน้าบึ้งๆ แบบไม่สบอารมณ์แบบนี้แหละ”
“ก็ไม่อยากให้พูดถึง”
“เมื่อไหร่จะใจอ่อน” คำถามของภีรดากำกวมเหมือนมีอะไรแอบแฝง
“ใจอ่อนเรื่องอะไร”
“เรื่องพี่เคนน่ะสิ เมื่อไหร่จะเลิกเกลียดพี่เคน”
“ก็ตอนที่พี่ชายพิมเลิกหาเรื่องไหมแล้วก็ตอนที่พี่ชายพิมเลิกเจ้าชู้” วราลีตอบโดยไม่ต้องคิดนาน
“เฮ้อกลุ้ม” ภีรดาถอนหายใจออกมาน้อยๆ
“เรื่องอะไรล่ะจ๊ะ”
“ก็เรื่องไหมกับพี่เคนนั่นแหละ ท่าทางจะไม่ดีกันง่ายๆ คนกลางอย่างพิมคงต้องลำบากใจไปอีกนาน”
“ไหมกับเขาก็ต่างคนต่างอยู่” เธอบอก
“แต่เจอกันทีไรเป็นต้องมีเรื่องทะเลาะกัน” ภีรดาพูดต่อ
เสียงออดสัญญาณดังขึ้นทำให้บทสนทนาของวราลีและภีรดาต้องจบลงแค่นั้น ทั้งสองเดินเข้าห้องเรียนไปก่อนที่จะตั้งใจเรียนกันต่อไปเพราะใกล้จะถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยเต็มทีแล้ว
ตอนเย็นหลังเลิกเรียนภีรดาและวราลีนั่งอยู่บนม้าหินอ่อนโดยอ่านหนังสือรอในระหว่างที่รอคนมารับ ภีรดารอพี่ชายของเธอในขณะที่วราลีเองก็รอภวินท์มารับเช่นกัน
ภีรวัจน์เดินเคียงข้างมากับพัชราวดีคู่ควงคนใหม่ของเขาที่สวยระดับดาวมหาวิทยาลัย เขาตั้งใจพาพัชราวดีมาที่นี่เพื่อให้ยัยเด็กแว่นนั้นเห็นว่าเขาไม่คิดจะสนใจผู้หญิงเชยๆ อย่างเธอสักนิด
“สวัสดีค่ะน้องพิม” พัชราวดีเดินเข้ามาทักพร้อมทั้งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร โดยมีภีรวัจน์เดินตามมาห่างๆ
“ค่ะพี่แพท” ภีรดายิ้มตอบตามมารยาทเพราะเธอเคยรู้จักกับพัชราวดีตามงานสังคมต่างๆ ที่เธอเคยไปกับครอบครัวของเธอ
พัชราวดีหันไปเกาะแขนของภีรวัจน์ไว้อย่างสนิทสนมเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ๆ วราลีแอบมองใบหน้าของพัชราวดีอย่างชื่นชมในความสวยแต่ในขณะเดียวกันก็นึกเกลียดคนที่เพิ่งจะเดินตามมาติดๆ ที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นเบื่อแล้วก็เปลี่ยนใหม่
ภีรวัจน์ก้มลงมามองในขณะที่วราลีกำลังเงยหน้าขึ้นไปทำให้สายตาสองคู่ประสานกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขามองเธอนิ่งๆ แต่สายตาที่มองเขาอย่าง ติเตียนและกล่าวหาของยัยแว่นนั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
เขาจ้องนิ่งๆ ที่ริมฝีปากบางๆ ของเธอทำให้วราลีหน้าร้อนผ่าว ขนาดอยู่ต่อหน้าคู่ควงคนใหม่ของเขายังจะกล้ามามองเธอด้วยสายตาแบบนี้อีก เธอเมินหน้าหลบสายตาของเขาและก้มลงอ่านหนังสือต่ออย่างไม่สนใจอะไรอีก
“พิมกลับก่อนนะไหม” ภีรดาหันมาบอกวราลี
“จ้ะ”
“ไหมอยู่คนเดียวได้นะ” ภีรดาถามต่ออย่างเป็นห่วง
“ได้สิจ๊ะ” เธอบอกพร้อมกับยิ้มให้ภีรดา
“งั้นพิมกลับก่อนนะ” วราลีพยักหน้า
ภีรดาเดินนำโดยมีพัชราวดีเดินตามไปที่รถของภีรภัจน์ที่จอดอยู่ โดยที่ภีรวัจน์ไม่ได้เดินตามไปในทันที เขาหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นทำให้วราลีขยับตัวอย่างอึดอัด ทำไมไม่ไปซะทีนะเธอนึกค่อนขอดเขาอยู่ในใจ
“รอแฟนมารับล่ะสิ” เขาพูดขึ้นมาทันทีเมื่ออยู่กับเธอตามลำพังสองคน
“คงงั้นมั้งคะ” วราลีตอบอย่างไม่ใยดี
“ไวไฟใช่เล่นนี่” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อมองหน้าบึ้งๆ ของเธอ
“มันเรื่องของไหม”
“สงสัยเราต้องทบทวนความจำอะไรบางอย่างกันแล้วมั้ง”
เขาเท้าแขนกับม้าหินอ่อนและก้มลงมาพูดใกล้ๆ วราลีรีบผงะหนี คนเจ้าเหล์จึงยิ้มมุมปากและจ้องที่ริมฝีปากเธอเหมือนกับจะเตือนอะไรบางอย่าง สายตาคมกล้าและคำพูดของเขาทำเอาวราลีหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“อย่ามายุ่งกับไหมนะ ไปหาสาวๆ ของพี่โน่น” เธอแหวกลับใส่เขา และรู้สึกหวาดหวั่นกับท่าทางของเขา
“ความอดทนของผมอาจจะหมดลงสักวันถ้าไหมยังไม่เลิกกวนโมโหผม” เขาพูดเหมือนกับจะข่มขู่เธอก่อนจะเดินกลับไปที่รถของเขา วราลีได้แต่ถอนหายใจเมื่อเธอรอดจากการคุกคามของเขาไปได้อีกครั้ง