๑ คู่ปรับแบบไม่มีเหตุผล
๑
คู่ปรับแบบไม่มีเหตุผล
“อื้อ เคนอย่าสิคะ”
เสียงร้องอย่างวาบหวิวดังแว่วๆ จากห้องรับแขกทำให้วราลีอดหันไปมองไม่ได้ เธอนึกอยากจะตีตัวเองนัก เพราะทั้งๆ ที่พอจะเดาออกว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของอะไร แต่สายตาเจ้ากรรมมันก็อดที่จะหันไปมองไม่ได้
หญิงสาวรีบเดินเลี่ยงหนีอย่างรวดเร็ว เพื่อไปให้พ้นจากภาพเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า…ภีรวัจน์กำลังคลอเคลียอยู่กับสาวสวยคนล่าสุดของเขาบนโซฟาห้องรับแขกที่เธอกำลังเดินผ่าน เธอไม่ได้ตั้งใจจะหันไปดูบทรักของเขาเลยสักนิด แต่คนบ้านั่นทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบไม่อายใครสักนิด
หากแต่พอวราลีเดินพ้นจากรัศมีสายตาไป ภีรวัจน์ก็ผละออกจากสาวสวยที่กำลังคลอเคลียอยู่ในทันที ทำเอาสาวผู้นั้นงุนงงกับปฏิกิริยาของเขา หากแต่ภีรวัจน์ไม่ใส่ใจที่จะอธิบายหรือไขข้อสงสัยนั้น เขารีบลุกขึ้นแล้วก้าวยาวๆ ตามหลัง ‘ยัยแว่น’ ออกมาติดๆ
“เดี๋ยวก่อน!”
วราลีสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเจ้าของเสียงที่บ่งบอกความเอาแต่ใจของเจ้าตัวดังขึ้น เธอคิดว่าจะหนีเขาพ้นแล้วเสียอีก ไม่คิดว่าภีรวัจน์จะตามมา
“มีอะไรคะ” สาวน้อยหันมาตามเสียงเรียกมองหน้าหล่อร้ายนั้นเพียงแวบเดียว ก่อนจะเมินหน้าหนีเขาอีกครั้ง
ภีรวัจน์หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อยัยแว่นเชิดใส่เขาอีกแล้ว เขารู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ยัยแว่นนี่ทำหน้าแบบนี้ใส่เขา เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมจะต้องปล่อยให้เด็กสาวรุ่นน้องคนนี้มีอิทธิพลกับเขาขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เธอก็แสนจะเฉิ่มๆ เชยๆ
“ทำไมต้องทำหน้าแบบนี้ใส่ผมด้วย”
“แบบไหนคะ” เธอยังคงรวนเขาคล้ายไม่อยากเสวนาด้วย
“ก็หน้าบึ้งๆ เชิดๆ แบบนี้นี่ไง” ภีรวัจน์ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อเห็นท่าทีไม่เดือดเนื้อร้อนใจของเธอ
“ไหมก็เป็นของไหมแบบนี้อยู่แล้วนี่คะ”
“เฉพาะกับผม” เขารุกถามต่อ
“จะคิดอย่างนั้นก็ช่าง”
“หึงเหรอ”
“ใครหึง เก็บคำพูดพวกนี้ไว้พูดกับสาวๆ ของพี่เถอะค่ะ” เธอหันไปพูดใส่หน้าเขา
“ไม่อยากลองเป็นสาวๆ ของผมบ้างเหรอ” เขายั่วเธอต่อ
“ไม่” เธอแหวใส่เขา
“แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมสาวๆ ถึงติดใจผมนักหนา”
เขาพูดพร้อมกับกวาดสายตามองเธอราวกับจะเปลื้องผ้า เธอเกลียดสายแบบนี้ของเขาที่สุด
“ไหมไม่คิดสั้นขนาดนั้นหรอก” เธอเริ่มเสียงดัง
“แต่อย่างว่าล่ะนะยัยเชยอย่างไหมจะไปรู้อะไร” เขาพูดกลั้วหัวเราะ แต่วราลีกลับเจ็บจี๊ดเข้าไปในหัวใจเพราะเสียงหัวเราะของเขาราวกับเข็มที่ทิ่มแทงตอกย้ำปมด้อยของเธอ
“ไหมเป็นยัยเชยแล้วไง ดีซะอีกจะได้ไม่เป็นเหยื่อของพี่เคน”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกสาวน้อย ไหมไม่ใช่สเปคผม” เขาพูดพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วร่างเธอราวกับจะประเมินสัดส่วน ทำเอาวราลีหน้าร้อนวูบ
“ถือเป็นความโชคดีของไหม” เธอเชิดใส่เขาอีกครั้ง
“แต่ก็ไม่แน่เพราะบางทีผมก็นึกอยากลองของแปลกเหมือนกัน”
“บ้า” วราลีหน้าแดง ก่อนจะรีบเดินหนีไป
“หึ หึ” ภีรวัจน์หัวเราะน้อยๆ ตามหลัง กับคนอื่นยัยนั่นจะทำดีพูดดีด้วยตลอด แต่กับเขาเธอจะกวนมากมิหนำซ้ำยังไม่เคยพูดดีกับเขา แต่ที่น่าหมั่นไส้ที่สุดคือเวลาที่เธอเชิดใส่และโดยเฉพาะตอนที่อยู่กับนายภวินท์
วราลีเดินกลับมาที่ม้านั่งหน้าบ้านอย่างหงุดหงิดใจ ภีรวัจน์พี่ชายของภีรดาเพื่อนรักของเธอ นอกจากจะเจ้าชู้แล้วยังปากร้าย เขาดูถูกเธอเพราะว่าเธอเป็นยัยเชยในสายตาเขา และเธอก็เกลียดเขาอย่างมากที่มักจะพาผู้หญิงสวยๆ มาให้เธอเห็น ราวกับจะเยาะเย้ยที่ผู้หญิงเหล่านั้นทั้งสวยทั้งน่ารักกว่าเธอ
“เป็นอะไรไปไหมหน้าบึ้งมาเชียว” ภีรดาถามเมื่อเห็นเพื่อนรักทำหน้าบึ้งตึงกลับมา
“ไม่มีอะไรหรอกพิม” วราลีไม่ยอมบอก
“ทะเลาะกับพี่เคนมาอีกแล้วใช่ไหม” ภีรดาถามอย่างรู้สาเหตุ
“ก็พี่ชายพิมชอบหาเรื่องไหม” เธอหันไปบอกเพื่อนสาว
ภีรดาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเพื่อนสาว คู่นี้เจอกันทีไรเป็นทะเลาะกันทุกที อีกคนก็พี่ชายอีกคนก็เพื่อนรักคนลำบากใจคือคนกลางอย่างเธอ
“ไม่เบื่อทะเลาะกันหรือไงจ๊ะ”
“ไหมไม่ได้อยากทะเลาะด้วยซักหน่อย”
“เกลียดพี่เคนขนาดนั้นเลยเหรอ” ภีรดาถามอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
“เกลียดคนเจ้าชู้” วราลีตอบตรงๆ
“ยังไม่ชินอีกเหรอ”
“ใครจะไปชิน”
ภีรดายอมรับว่าวราลีพูดถูก พี่ชายของเธอเข้าข่ายเจ้าชู้เพราะมีผู้หญิงมาเข้ามาพัวพันไม่ซ้ำหน้า นั่นเป็นเพราะคุณสมบัติที่เพียบพร้อมของภีรวัจน์ที่ทั้งหล่อและรวยมิหนำซ้ำยังเจ้าเสน่ห์ต่อผู้หญิงทุกคนที่ได้เห็นเขาที่ยกเว้นก็มีวราลีคนเดียวที่ตั้งป้อมเกลียดกันตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่เจอกัน
“พี่ไก่มารับแล้ว”
คำว่า ‘พี่ไก่’ ทำเอาภีรดาหัวใจเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล ภวินท์เดินเข้ามาในรั้วบ้านของภีรดาและเดินตรงมาบริเวณที่สองสาวกำลังนั่งอยู่
ภีรดาลอบมองใบหน้าเรียบเฉยของภวินท์พร้อมกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำแต่เขายังคงทำหน้านิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไรที่ถูกเธอมองแบบนั้น
“กลับหรือยังไหม” เขาพูดสั้นๆ โดยไม่คิดจะทักหรือมองมาทางภีรดาแม้แต่น้อยท่าทางนั้นทำเอาภีรดาหน้าชาก่อนที่รอยยิ้มของเธอจะค่อยๆ หุบลง
“กลับค่ะ”
“ไหมกลับก่อนนะ” วราลีหันไปบอกภีรดาในขณะที่ภีรดากำลังรู้สึกหมั่นไส้ท่าทางเย็นชาของพี่ไก่จอมหยิ่งของวราลี เชอะ! คอยดูเถอะเธอจะเอาคืนเสียให้เข็ดเลย
ภีรวัจน์ยืนอยู่บนระเบียงและมองลงมาเห็นที่ทั้งสองคนเดินเคียงคู่กันอย่างหงุดหงิด ยัยแว่นนั่นทำเป็นเรียบร้อยเฉยชา ที่แท้ก็แอบร้ายลึกมีผู้ชายมาตามรับตามส่งตั้งแต่ยังเรียนไม่ทันจะจบมอปลายด้วยซ้ำ เมื่อคิดเรื่องนี้อารมณ์ของภีรวัจน์ก็ยิ่งพลุ่งพล่าน
“ว่าไงเราเดินหน้ามุ่ยมาเลยนะ” ภีรวัจน์ทักน้องสาวขณะเดินเข้าบ้าน
“ก็ไม่มุ่ยยังไงไหวล่ะคะพิมเรียนไม่รู้เรื่องเลยจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว”
“เพื่อนเราก็มาติวให้อยู่ไม่ใช่เหรอ” เขาถามถึงใครอีกคน
“ก็ติวค่ะแต่พิมไม่อยากกวนไหมบ่อยๆ เพราะเขาก็ต้องอ่านหนังสือสอบเหมือนกัน”
“จะอ้อนเอาอะไรอีกล่ะเรา”
“พิมอยากได้ครูสอนพิเศษค่ะ พี่เคนช่วยพูดกับคุณพ่อคุณแม่ให้พิมหน่อยนะคะ” เธออ้อนพี่ชาย
“มีใครขัดใจเราได้ที่ไหน” เขาบอกก่อนจะขยี้ผมเธอเล่นอย่างเอ็นดู ภีรดาโผเข้ากอดพี่ชายก่อนจะแอบยิ้มอย่างมีความสุข
ภีรวัจน์เรียนอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังปีสุดท้าย ในขณะที่ภีรดาเพิ่งจะเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก ภีรดารักและหวงพี่ชายคนเดียวของเธอมาก เพราะเขาดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กและมักจะตามใจเธอทุกเรื่อง
กริ๊ง...ง
เสียงโทรศัพท์ของภีรวัจน์ดังขึ้นในตอนนั้น เขามองดูเบอร์และถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะกดทิ้งอย่างไม่ใยดี
“สาวโทรมาเหรอคะพี่เคน”
“น่าเบื่อ” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“วันนี้เป็นอะไรคะดูหงุดหงิดชอบกล ปกติเห็นพี่เคนไม่เคยปฏิเสธสาวๆ”
จะหงุดหงิดเรื่องอะไรล่ะนอกจากเรื่องยัยแว่นเขาตอบคำถามนั้นในใจ เด็กนั่นทำให้เขาหมดอารมณ์จะคุยกับใครโดยเฉพาะในยามที่สายตาเย็นชาของเธอมองมาที่เขา เขานึกอยากจะจับมาเขย่าตัวเพื่อให้น้ำแข็งที่มองผ่านสายตาของเธอละลายไปในทันที
เขานึกอยากจะรู้นักว่ายามที่ยัยนั่นอยู่ใต้ร่างเขาเธอจะร้อนแรงมากแค่ไหน หรือหากจะยังเย็นชาแบบนี้เขาจะเป็นปลุกไฟในตัวเธอขึ้นมาเอง ภีรวัจน์รีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองออกไปก่อนที่น้องสาวของเขาจะล่วงรู้
วราลีนั่งมาเงียบๆ ตลอดทางจนภวินท์อดสงสัยไม่ได้
“เป็นอะไรไปไหม”
“เปล่าค่ะ” เธอรู้สึกตัวตอนที่ภวินท์เรียก
“แล้วทำไมวันนี้เงียบจัง”
“ไหมกำลังคิดอะไรเพลินๆ น่ะค่ะ”
“คิดอะไร”
“พี่ไก่ไม่คิดจะทักทายยัยพิมบ้างหรือคะ” เธอหันมาถามเขา
“ไม่” เขาตอบสั้นๆ แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย
“แต่พิมเป็นเพื่อนไหมนะคะ” วราลีพูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้เขา เธอรู้ดีว่าภวินท์หยิ่งแค่ไหน เขาไม่เคยชอบและไม่เห็นด้วยสักนิดที่วราลีมีเพื่อนเป็นภีรดาคุณหนูไฮโซผู้เพียบพร้อม ทั้งนี้เพราะเขาไม่อยากให้ใครมาเปรียบเทียบและว่ากระแทกแดกดันน้องน้อยของเขาว่าอยากมีเพื่อนเป็นไฮโซ และนอกจากนี้เขาไม่ชอบที่ภีรดามักจะเอาเปรียบวราลีเสมอในเรื่องเรียน ยัยคุณหนูนั่นไม่เคยตั้งใจเรียนและมักจะรอให้วราลีเป็นผู้ติวให้ตลอดจนใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว
ภวินท์และวราลีเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กโดยที่ภวินท์อายุมากกว่าสองปี บ้านของทั้งสองคนเป็นบ้านสวนอยู่ติดกันทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างมาก เขาเป็นคนที่เงียบขรึมไม่ค่อยพูดแต่จะใจดีเสมอกับวราลีโดยภวินท์จะเป็นคนที่ดูแลเธอมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโตเขารักและเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ ในขณะที่วราลีก็รักภวินท์เหมือนพี่ชายมาตลอดเช่นกัน