บทที่ 4 เริ่มต้นชีวิตวัยเกษียณ
ผู้หญิงปล่อยมือ หนูน้อยก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น
“เซินเป่า เจ้าอายุสามขวบครึ่งแล้วนะ เลิกเล่นอะไรน่าเบื่อแบบนี้ได้แล้ว”
หญิงสาวพูดพลางหาวอย่างเกียจคร้าน น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาคู่งามยิ่งส่องประกายมากขึ้นเรื่อย ๆ
ใบหน้าของนางงดงามราวภาพวาด ผิวพรรณขาวผุดผ่อง เส้นผมดูราวกับเส้นไหมสีฟ้าที่ไหลลงมาเป็นน้ำตก ช่างเป็นความงดงามที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดจริง ๆ แม้กระทั่งท่าทางการหาวอย่างเกียจคร้าน กลับยังดูเย้ายวนใจยิ่งนัก
หนูน้อยลุกขึ้นจากพื้นในทันที แสดงให้เห็นว่าเคยชินกับการปฏิบัติเช่นนี้ จากนั้นจึงหัวเราะคิกคักแล้วเอนตัวเข้าไปหาผู้หญิง
“ท่านแม่ วันนี้ข้ากับเจ้าขาวไปหาน้องในภูเขามา ท่านดูสิ นี่พอใช้ได้หรือไม่ ?”
ขณะที่พูด หนูน้อยก็หยิบโสมคนสีม่วงสภาพสมบูรณ์ ที่มีอายุราวร้อยปีออกมา
ผู้หญิงนอนลงบนชิงช้าอีกครั้ง และเหลือบมองอย่างเกียจคร้าน : “ใช้ไม่ได้”
ผู้หญิงก็คือฉู่เชียนหลี
เมื่อห้าปีก่อน หลังจากนางถอนพิษแล้ว ก็เตรียมหาที่ฟื้นฟูพลังชีวิต แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหนึ่งเดือนให้หลังจะพบว่าตนเองนั้นตั้งท้อง
นางรู้สึกสับสนอยู่กว่าสองเดือน ในที่สุดตอนที่ตัดสินใจจะใช้ชีวิตในวัยเกษียณอย่างสงบโดยไม่ต้องการกาฝาก กลับรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทารกเป็นครั้งแรกโดยไม่คาดคิด ด้วยเหตุนี้จึงเก็บเขาเอาไว้โดยไม่รู้ตัว
นางดูแลร่างกายไปพร้อมกับการผดุงครรภ์ด้วยความพยายาม ผลสุดท้ายกลับพบว่าเจ้าปีศาจน้อยดูดซับพลังของยาและพลังชีวิตของนางอย่างกระหาย หากไม่ใช่เพราะกำไลหยกเลือดหงส์หล่นลงไปในน้ำทิพย์โดยไม่ได้ตั้งใจ เกรงว่านางคงต้องจบชีวิตลงไปนานแล้ว
เด็กที่ให้กำเนิดออกมาผู้นี้ ยังมีลักษณะเฉพาะของนาจา อยู่ในครรภ์ของนางเป็นเวลาสิบห้าเดือน จนนางแทบทนไม่ได้ คิดจะกรีดท้องตนเองอยู่หลายครั้ง
“ใช้ไม่ได้อีกแล้ว !”
เซินเป่าทอดถอนใจอย่างผิดหวัง โยนโสมคนสีม่วงลงบนพื้น แล้วปีนขึ้นไปบนชิงช้า เข้าไปขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของฉู่เชียนหลี
“ท่านแม่ หรือมีเพียงโสมคนที่ท่านเก็บได้เท่านั้น จึงจะกลายร่างเป็นเด็กได้ ?”
ฉู่เชียนหลีมุมปากกระตุกเล็กน้อย : “เอ่อ ก็อาจเป็นได้”
เฮ้อ ในตอนแรกที่วิญญาณของเด็กน้อยซักถามนางว่าตนเองนั้นเกิดมาได้อย่างไร นางไม่ควรจะพูดพล่อย บอกว่าเขาเป็นปีศาจโสมคนที่เก็บมาจากในภูเขา ผลสุดท้ายเด็กคนนี้จึงหลงเชื่อและเก็บน้องชายกลับมาให้ตนเองหนึ่งคน
“เช่นนั้นท่านแม่ ท่านไปเก็บน้องชายเป็นเพื่อนข้าอีกสักคนจะได้ไหม ?”
“ไม่ได้”
“เพราะอะไร ?” เซินเป่ามุ่ยปาก พยายามแสร้งทำเป็นร้องไห้
“เพราะขี้เกียจ”
ฉู่เชียนหลีตบก้นเล็ก ๆ ที่อวบอิ่มของเซินเป่าเบา ๆ : “แม่หิวแม่ อยากกินไก่ตุ๋นโสมคน”
“ได้ เซินเป่าจะไปจะไปเดี๋ยวนี้”
เซินเป่ารีบลุกขึ้นทันที และทำทีถอนหายใจ : น้องชาย ดูเหมือนต้องรอไปก่อน แล้วค่อยให้ท่านแม่ไปเก็บเจ้ากลับมาแล้ว
คิดพลางก็ลงจากชิงช้า ซ้ำยังช่วยฉู่เชียนหลีดึงขนจิ้งจอกอย่างบรรจง เพื่อให้นางนอนได้สบายยิ่งขึ้น
ฉู่เซียนหลีนอนอาบแดดอันอบอุ่น สูดกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกไม้ จากนั้นจึงคิดถึงไก่ตุ๋นโสมคนที่ชวนให้น้ำลายสอ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างพึงพอใจ
สบายจริง ๆ !
นี่ถึงจะเป็นชีวิตวัยเกษียณ !
ในเขาไร้เงา มีกลุ่มทหารม้ากำลังคุ้มกันผู้หญิงที่อยู่ตรงกลางซึ่งก็คือฉู่หลิงเซวียน
ฉู่หลิงเซวียนใบหน้าซีดเผือด แขนเต็มไปด้วยคราบเลือด กัดฟันแน่นแล้วพูดว่า :
“ ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใด ก็ต้องหาโสมคนมาช่วยองค์ชายสามให้ได้ !”
“ขอรับ”
ภายในลานเรือน เต็มไปด้วยควันลอยคละคลุ้งอยู่
กลิ่นหอมฟุ้งเตะจมูก ผสมผสานกับกลิ่นยาอันเป็นเอกลักษณ์ของโสมคน ยิ่งทำให้รู้สึกน้ำลายสอ
เซินเป่าอาศัยช่วงเวลาก่อนไก่ตุ๋นจะได้ที่ ถือถังใบเล็กใบที่ทุ่งหญ้านอกลานเรือน
ทุ่งหญ้าไม่ใหญ่นัก แต่กลับมีโสมคนปลูกเอาไว้อย่างแน่นหนา โสมคนทุกต้นล้วนอวบอ้วน มีใบเขียวชอุ่ม ล้วนมาจากการเก็บกลับมาด้วยความพยายามของเขา
เขากวาดสายตามองไปโดยรอบอย่างถี่ถ้วน สุดท้ายเขาก็ไม่เห็นว่าจะมีต้นไหนที่ดีเพียงพอจะพัฒนาเป็นน้องชายของเขาได้ จึงทำได้เพียงรดน้ำดูแลอย่างเท่าเทียมกันเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันนี้ ขบวนของฉู่หลิงเซวียนที่ไปยั่วโมโหกลุ่มมาป่าเข้า ก็รีบวิ่งเข้ามาในหุบเขาอย่างตื่นตระหนก
“คุณหนู ไปต่อไม่ไหวแล้วขอรับ !”
ฉู่หลิงเซวียนดูย่ำแย่ยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ กิ๊บติดผมมุกของนางสะเปะสะปะ ผมเผ้ารกรุงรัง ซ้ำยังมีคราบเลือดติดอยู่บนแก้มอีกด้วย
“เจ้าสัตว์เดรัจฉานพวกนี้ ทำไมถึงตามพวกเราไม่ปล่อย ?”
องครักษ์หวานอมขมกลืน ฝูงหมาป่านั้นเจ้าคิดเจ้าแค้น เป็นเพราะฉู่หลิงเสวียนหาโสมเสวียนม่วงไม่เจอ จึงฆ่าลูกหมาป่าตัวหนึ่งเพื่อระบายความโกรธ แน่นอนว่าย่อมต้องถูกทั้งฝูงโกรธแค้น
ประจวบเหมาะกับในเวลานี้ มีควันลอยคละคลุ้งขึ้นมา องครักษ์ที่ทั้งตัวเปียกโชกไปด้วยเลือดร้องอุทานออกมา
“คุณหนู ด้านหน้ามีควัน จะต้องมีคนแน่นอนขอรับ !”
มีคนก็หมายความว่าขอความช่วยเหลือได้ !
“รีบไปเร็ว !”
ฝูงหมาป่าวิ่งตามมา เมื่อผ่านหน้าผาเรียบก็หยุดนิ่งในทันที ยืนหงอไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีก จนสุดท้ายก็หอนใส่กันสองครั้ง แล้วค่อย ๆ ล่าถอยไป
เมื่อพวกของฉู่หลิงเซวียนสังเกตเห็นว่าฝูงหมาป่าไม่ได้ตามมา ก็ถอนหายใจยาว และมุ่งหน้าไปยังจุดที่มีควันลอยฟุ้งออกมา