Chapter 5
สรุปแล้วร้านอาหารไทยในย่านการค้าต้องปิดให้บริการหนึ่งวันด้วยสภาพแบบนั้น
หลังจากเก็บข้าวของในร้านเสร็จ มารีน่าจึงถือโอกาสนี้ออกไปองค์กรจัดหางานเพื่อกรอกประวัติหางานทิ้งไว้ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าการหางานในช่วงนี้ค่อนข้างยากสำหรับเธอที่เพิ่งเรียนจบใหม่ แต่เธอก็จะพยายามด้วยตัวเองก่อนที่จะพึ่งพาคนอื่น
หญิงสาวเสียเวลาในองค์กรจัดหางานจนถึงบ่ายโมง ก่อนจะเดินทางกลับบ้านด้วยการเดินเท้าเช่นเดียวกับตอนมา
ตอนที่มารีน่าเดินบนฟุตบาทจนมาถึงสี่แยก เธอเพิ่งรู้สึกตัวเอาเดี๋ยวนี้เองว่ามีใครบางคนกำลังเดินตามเธออยู่ ตอนแรกเธอเข้าใจว่าอาจเป็นความรู้สึกที่คิดไปเอง เพราะคนส่วนมากเลือกเดินเท้า หากแต่ลางสังหรณ์ของเธอร้องเตือนว่ามีคนกำลังเดินตามเธอ ไม่ว่าเธอจะเดินเลี้ยวไปทางไหน เงาร่างสูงใหญ่นั้นจะตามหลังมาติดๆ
มารีน่าก้าวเดินให้เร็วขึ้น หัวใจก็เต้นโครมคราม ทว่าจังหวะที่เธอกำลังจะก้าวข้ามถนน ด้านหลังเหมือนถูกแรงมหาศาลผลักจนเธอตัวลอย
หญิงสาวใจหล่นวูบ พลางคิดว่าเธอต้องถูกรถชนตายแน่ คนที่สะกดตามเธอต้องวางแผนให้เธอตายแน่ๆ!
ทว่าตอนนั้นเอง มือแข็งแรงคู่หนึ่งยื่นออกมาคว้าเอวบอบบางของเธอไว้ และดึงตัวเธอกลับเข้ามายืนบนฟุตปาธอย่างง่ายดาย
และด้วยเพราะทุกอย่างกะทันหันเกินไป แผ่นหลังของมารีน่าจึงกระแทกบนหน้าอกที่แข็งหนั่นแน่น ต่อเมื่อเธอยืนได้อย่างมั่นคงและสติกลับมา เธอหันหลังไปมองด้วยความสงสัย เพื่อพบว่าเธออยู่ในอ้อมอกของชายหนุ่ม ด้วยความสูงและรูปร่างของเขาจึงเหมือนว่าเธอนั้นตัวเล็กกระจ้อยไปในทันที
“ระวังหน่อย” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบนิ่งจนเกือบเหมือนเย็นชา ทว่าน้ำเสียงทุ้มลึกนี้กลับทำให้หญิงสาวคลั่งไคล้ได้ไม่ยากเลย
มารีน่าแทบไม่ได้สนใจว่าเขาพูดอะไร เพราะเธอกำลังตะลึงอยู่กับใบหน้าอันหล่อเหลาและรูปร่างสูงกำยำแสนเซ็กซี่ของชายที่ช่วยเธอไว้
เดี๋ยวนะ! นี่เธอคิดว่าเขาเซ็กซี่อย่างนั้นเหรอ
มารีน หล่อนบ้าไปแล้วสินะ ตลอดยี่สิบสองปีที่มีชีวิต หล่อนไม่เคยมองผู้ชายคนไหนเซ็กซี่มาก่อนไม่ใช่เหรอ
“คุณ เฮ้! คุณผู้หญิง”
เสียงของเขาฉุดดึงเธอกลับมายังปัจจุบันอีกครั้ง และเธอต้องรีบร้อนขอบคุณเขาทันที “ค่ะ ขอบคุณค่ะ และเออ... ขอโทษที่เสียมารยาทด้วยการเหม่อ ฉันไม่ได้ตั้งใจเสียมารยาทกับคุณจริงๆ นะคะ ขอโทษด้วยค่ะ”
“ไม่เป็นไร” เขาพูดเสียงห้วน แล้วกวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างจาบจ้วง เมื่อมองเธอจนพอใจแล้ว เขาก็ก้าวเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร
ถึงแม้มารีน่าจะงุนงงกับสายตาของเขา แต่เธอก็ส่งเสียงขึ้นอย่างไม่ลังเลเพื่อให้เขาหันกลับมา “เดี๋ยวก่อนค่ะคุณ”
เขาหันหลังกลับมามองเธอ สายตาคมเฉียบ
“คือ... ชื่อของคุณ ฉันอยากรู้ชื่อของคุณค่ะ เผื่อมีโอกาสฉันจะได้ตอบแทนคุณบ้าง”
ชายหนุ่มใช้ดวงตาสีฟ้ามองเธอด้วยความเย็นชา ก่อนพูดขึ้นว่า “ไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไรทั้งนั้น”
“ถ้าอย่างนั้น หากสะดวก เชิญแวะร้านอาหารไทยในย่านการค้า ตรงถนนฝั่งนั้นนะคะ ฉันอยากเลี้ยงข้าวคุณจริงๆ นะคะ”
ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่ยักไหล่เหมือนว่าการสนทนาระหว่างเขากับเธอควรจบแค่นี้ ก่อนจะหมุนตัวหันหลังให้เธอ และเดินจากไปจริงๆ
มารีน่ายิ้มตามหลัง พูดเสียงผิดหวัง “...ค... ค่ะ”
ริชแมน โอดินสันยิ้มบนมุมปากหลังจากเดินห่างออกมาไกลจากหญิงสาวลูกครึ่งไทยนอร์เวย์คนนั้นได้ระยะทางหนึ่ง
เธอตัวเล็ก... อาจเพราะเธอมีเชื้อสายของผู้หญิงไทยครึ่งหนึ่ง เธอจึงบอบบางและน่าทะนุถนอมกว่าผู้หญิงคนอื่น แต่สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นจุดขายของเธอที่ใช้กับลูเซียโน่ ทว่าสำหรับเขาแน่นอนว่าไม่ใช่ เขาไม่เคยหลงเสน่ห์ผู้หญิงบอบบางตัวเล็ก ความคิดนั้นไม่เคยเกิดในหัวของเขาด้วยซ้ำ ดังนั้นถึงเขาช่วยเธอจากอุบัติเหตุที่เขาเป็นคนสร้างขึ้น แต่เขากลับไม่ได้ใจอ่อนกับท่าทีของเธออย่างที่ควรจะเป็น เพราะมันก็แค่ละครตบตาเท่านั้นเอง
และใช่แล้ว การที่เธอเกือบพลาดถูกรถชนเป็นเพราะเขาผลักเธอออกไป จากนั้นค่อยแกล้งช่วยฉุดดึงเธอกลับมา เพื่อที่จะเรียนรู้ว่าเธอมีกมลสันดานเป็นอย่างไร และตอนนี้เขารู้แล้ว...
ฉากหน้าเรียบร้อย มากมารยาท แต่เนื้อแท้ของเธอคือผู้หญิงที่แย่งสามีของคนอื่น
คิดมาถึงตรงนี้ ริชแมนกระดกมุมปากยิ้มขณะที่สายตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย
คิดหรือว่าแค่นี้จะจบ ไม่หรอก ยังไม่จบแค่นี้หรอก ทูนหัว...
สองวันมานี้มารีน่ายังคงชะเง้อคอมองที่หน้าประตูร้านโดยหวังใจว่าผู้ชายคนที่ช่วยเธอวันนั้นจะแวะมา แต่แล้วเธอก็ต้องผิดหวังเมื่อประตูร้านไม่มีร่างสูงกำยำก้าวเข้ามาแม้แต่คนเดียว
บอกตามตรง เธอไม่ได้ผิดหวังเรื่องที่เขาปฏิเสธหรือไม่บอกชื่อ แต่เธอรู้สึกเหมือนติดค้าง เธออยากตอบแทนบุญคุณเขา อะไรก็ได้ที่เธอสามารถทำได้เพื่อตอบแทนเขาจริงๆ นะ
“มารีน ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า นั่งเงียบนานแล้วนะนั่น” พ่อที่เดินออกมาจากหลังร้านเอ่ยถาม และหญิงสาวต้องสะดุ้ง
เธอหันกลับไปยิ้มให้พ่อ พร้อมตอบว่า “เปล่าค่ะพ่อ มารีนไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
“อ้อ” พ่อพยักหน้า และยุ่งง่วนกับกล่องอาหาร ไม่นานพ่อก็พูดขึ้นอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นช่วยเอาอาหารไปส่งร้านเสื้อคุณฟอสเดอร์ทีนะ เขาโทรมาบอกว่าวันนี้คนเยอะ ออกมาทานข้าวที่ร้านเราไม่ได้น่ะ แถมยังมีลูกค้าที่มาดูชุดต้องการอยู่ทานอาหารที่ร้านคุณฟอสเดอร์ด้วย”
“ได้ค่ะพ่อ” หญิงสาวตอบรับทันที จากนั้นรับกล่องอาหาร ก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากร้าน
ร้านเสื้อคุณฟอสเดอร์ห่างจากร้านอาหารไทยไปไม่กี่ช่วงตึกเท่านั้น มารีน่าจึงเลือกเดินเท้ามากกว่าขับสกู๊ตเตอร์ของร้านออกมาส่งอาหาร
ระหว่างที่เธอกำลังก้าวเดินไปข้างหน้านั้น จู่ๆ เธอก็ถูกแรงฉุดจากด้านหลังจนถลาและเกือบล้ม หากไม่ใช่เพราะมีบางสิ่งบางอย่างประคองไหล่ทั้งสองข้างเธอไว้ เธอคงล้มก้นจ้ำเบ้าแน่ๆ
และวินาทีถัดมา อาจจะเพียงแค่อึดใจเท่านั้น เสียงเพล้ง! ดังขึ้นตรงหน้า
มารีน่ายืนมองกระถางที่เพิ่งตกลงมาแตกตรงหน้าด้วยความอึ้ง ซึ่งตรงตำแหน่งนั้นเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนเธอยืนอยู่ แต่หากไม่ใช่เพราะถูกดึงให้ถอยหลัง เธอคงถูกกระถางนั้นตกใส่หัวตายไปแล้วแหงๆ
เมื่อหญิงสาวพอตั้งสติได้ เธอเงยหน้าขึ้นมองด้านบนซึ่งไม่มีใครอยู่บนนั้น แน่ละ เพราะตึกนี้เป็นตึกที่ยังไม่มีเจ้าของรายใหม่มาซื้อหรือเช่า
แต่กระถางนี้มันอะไรกัน...
มันมาจากไหน!
“ระวังหน่อย” น้ำเสียงทุ้มเหมือนไม่พอใจของชายคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของเธอ หญิงสาวอึ้งไปครู่หนึ่งเพราะน้ำเสียงนี้จะว่าคุ้นก็คุ้นอยู่หรอก แต่เพื่อความแน่ใจ เธอจึงหันกลับไปมองด้านหลัง เป็นอย่างที่หวังไว้ ผู้ชายที่ช่วยเธอวันนี้คือคนเดียวกับคนเมื่อสองวันก่อน
มารีน่าอยากดีใจกับการพบกันครั้งนี้อยู่หรอก แต่เมื่อครู่เธอเพิ่งผ่านสถานการณ์เฉียดตาย เธอจึงไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรกับเขาก่อนดี
“อุบัติเหตุสองครั้งติดๆ ไม่น่าจะใช่แค่ความโชคร้ายธรรมดา” ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน และยังจ้องมองกระถางแตกตรงหน้าด้วยสายตาสงสัย
“บางทีฉันอาจจะโชคร้ายกว่าที่คุณคิดก็ได้ค่ะ” มารีน่ากล่าว และจงใจหลีกเลี่ยงสาเหตุของความโชคร้ายด้วยการรีบขอบคุณเขา “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ คุณช่วยฉันไว้อีกครั้งแล้ว”
“จะใช่แบบนั้นจริงๆ หรือคุณ” ชายหนุ่มยังคงไม่ลดละ เอ่ยคำแทงใจเธอเหมือนไม่เจตนา “ไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า อุบัติเหตุสองครั้ง นี่มันการฆาตกรรมเลยนะ”
พอมารีน่าได้คิดตามในสิ่งที่เขาพูดเธอก็ยิ้มไม่ออกเช่นกัน เธออาจกำลังถูกปองร้ายจริงๆ หากแต่เธอก็ไม่กล้าดึงคนนอกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะปิดบังเรื่องนี้ด้วยการตีหน้าซื่อ
“ฉัน... ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” ถึงจะตอบออกไปอย่างนั้น แต่มารีน่าพอเดาได้ว่าคนที่ไม่พอใจเธอก็คือฮันนา ฝ่ายนั้นหวังให้เธอหย่ากับลูเซียโน่ ตอนนี้ก็อาจจะใช้วิธีรุนแรงมาข่มขู่
ชายหนุ่มมองหน้าเธอนิ่ง คราวนี้เขาไม่ได้รีบร้อนเดินไปไหน ซึ่งเธอก็หวังว่าเขาจะให้เธอตอบแทนเขาคืนบ้าง
“เอ่อ ตอนนี้คุณว่างไหมคะ”
เขามองรอบๆ ก่อนจะหันมามองเธอและตอบว่า “ว่าง”
ได้ยินคำตอบน่าพึงพอใจ หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานอย่างบริสุทธิ์ใจ และบอกเขาอย่างกระตือรือร้นว่า “ฉันอยากเชิญคุณแวะทานอาหารไทยที่ร้านของพ่อฉันก่อน ฉันอยากตอบแทนบุญคุณของคุณบ้างน่ะค่ะ”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบคางเงียบๆ อาจเพื่อหยุดคิด วิเคราะห์ หรืออะไรสักอย่าง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น มารีน่าก็ยังยืนรอคำตอบจากเขาด้วยสายตาจดจ่อ
ในที่สุด เขาก็ตอบเธอว่า “ตกลง”
หญิงสาวยิ้มกว้างขึ้นเมื่อความตั้งใจของเธอได้รับการตอบสนอง แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีอีกอย่างที่เธอต้องทำก่อน เธอจึงรีบร้อนบอกเขาว่า “อ้อ จริงสิ คุณรอฉันตรงนี้สักครู่นะคะ ฉันขอไปส่งอาหารที่ร้านเสื้อตรงนั้นก่อนนะ เดี๋ยวฉันกลับมา”
ชายหนุ่มยิ้มบนมุมปาก จากนั้นพยักหน้า
หญิงสาวหันหลังวิ่งตรงไปยังตึกถัดไปทันที
ลับหลัง เธอไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มมีเสน่ห์ของชายหนุ่มได้แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มน่าเกรงขาม และเกือบจะกลายเป็นเย้ยหยันเมื่อมองตามหลังเธอ
มารีน่า เรื่องนี้คงสนุกขึ้นเยอะหากคุณรู้ว่าผมเป็นใคร!