บทที่ 1 (2)
“เพลิงอยู่นี่ครับ ไม่ได้ดื่มวิสกี้แบบที่เจ้าไฟพูดเลยครับ แม่เลี้ยงอย่าเชื่อมันนะครับ” เอ่ยแก้ตัวไปแล้ว อัคนีก็กระทุ้งศอกใส่น้องชายตัวดี ถลึงตาใส่ด้วยความโมโหที่อีกฝ่ายแกล้งเขาทีเผลอ
ทางด้านของแม่เลี้ยงรดาซึ่งโทรมาเฉ่งลูกชายทั้งสอง ได้แต่หันไปมองพ่อเลี้ยงธิปรกผู้เป็นสามี ซึ่งเอาแต่หัวเราะขบขำกับความเจ่าเล่ห์ของลูกชายทั้งสอง โดยไม่เอ่ยพูดอะไรสักคำ พอสามีพยักพเยิดให้พูดกับลูกชายต่อ ก็เอ่ยบอกให้ฝาแฝดทั้งสองต้องสะดุ้งโหยงไปตามๆ กัน
“ที่แม่เลี้ยงโทร.มาวันนี้รู้ใช่ไหมว่าแม่จะยื่นคำขาดให้ทั้งสองกลับบ้าน เดี๋ยวเริ่มจากไฟก่อน ลุงหมอกำลังจะขายฟาร์ม ถ้าไฟอยากได้ฟาร์มเลี้ยงม้าของลุงหมอ ต้องกลับ
มาเจรจาซื้อขายกันเอง”
อัคคีขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าลุงหมอหรือลุงประวิทย์ ซึ่งเป็นสัตว์แพทย์และเป็นเพื่อนรักของบิดาตน จะขายฟาร์มเลี้ยงม้าที่ท่านรักหนักหนา
“ทำไมลุงหมอตัดสินใจขายฟาร์มล่ะครับ”
“ลุงหมอไม่ค่อยสบาย เลยอยากหยุดทำฟาร์มและเที่ยวพักผ่อนรักษาร่างกาย ลุงหมอรู้ว่าไฟอยากได้ฟาร์มและม้าที่ลุงหมอได้เลี้ยงไว้ จึงรอการตัดสินใจจากไฟ แต่ถ้าไฟไม่อยากได้ ลุงหมอก็จะขายให้คนอื่น”
“อยากได้ครับ”
อัคคีรีบเอ่ยบอกมารดา ดวงตาลุกวาวในทุกนาทีเมื่อนึกถึงเจ้าอาชาไนยสวยสง่าที่ลุงประวิทย์ได้เลี้ยงไว้นับสิบๆ ตัว
“แม่เลี้ยงบอกลุงหมอเลยครับว่าผมซื้อฟาร์มของลุงหมอ...ลุงหมอจะขายเท่าไรผมไม่เกี่ยงราคาครับ เดี๋ยวให้พ่อเลี้ยงเซ็นเช็คจ่ายเงินให้ครับ”
“อ้าว! เจ้าไฟ ทำไมมาตกอยู่ที่พ่อล่ะ”
คราวนี้พ่อเลี้ยงธิปรก ผู้เป็นบิดาก็ร้องโวยวายกลั้วเสียงหัวเราะร่วน เมื่อจู่ๆ ก็ถูกลูกชายโยนหน้าที่จ่ายเงินให้
อัคคีหัวเราะกับคำโวยวายของบิดา พลางเอ่ยตอบหน้าตายว่า “ก็พ่อเลี้ยงมีเงินเยอะว่าไฟนี่ครับ และไฟขอกราบขอบพระคุณไว้ล่วงหน้าด้วยครับ”
ถูกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมัดมือชก พ่อเลี้ยงธิปรกก็โวยวายเสียงหลงอีกรอบ “เฮ้ย! เจ้าไฟ พ่อยังไม่ตอบตกลงเลยว่าจะซื้อฟาร์มให้”
“ยังไม่ตกลงตอนนี้ แต่อีกเดี๋ยวก็ใจอ่อนและเซ็นเช็คให้ เพราะไฟรู้ว่าพ่อเลี้ยงรักลูกชายสุดหล่อคนนี้และยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ไฟมีความสุข”
“เลี่ยนกับคำประจบว่ะ ไอ้ไฟ”
คราวนี้เป็นเสียงของอัคนีที่แขวะน้องชายด้วยความหมั่นไส้ ทว่าไม่มีความอิจฉาที่บิดาจะซื้อฟาร์มมูลค่านับสิบๆ ล้านให้กับน้องชาย เพราะแน่นอนว่าถ้าหากตัวเขาอยากได้อะไร บุพการีทั้งสองก็พร้อมจะมอบให้เช่นเดียวกัน
อัคคีหัวเราะร่วนหันมาเลิกคิ้วใส่พี่ชาย ขณะเอ่ยตอบกลั้วเสียงหัวเราะ
“เอาน่า...ขอประจบไว้ก่อน เผื่อพ่อเลี้ยงจะซื้อให้จริงๆ เราจะได้ไม่ต้องเอาเงินของเราจ่ายยังไงล่ะ”
แม่เลี้ยงรดาและพ่อเลี้ยงธิปรกได้ยินคำพูดของฝาแฝดทั้งสองที่โต้เถียงกัน ก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ แม้จะงัดข้อกันบ่อยๆ แต่ฝาแฝดทั้งสองก็รักกันมาก ถึงขั้นสามารถตายแทนกันได้เลยทีเดียว
“เอาล่ะ...ไฟ เดี๋ยวพ่อจะไปบอกลุงหมอว่าไฟตกลงซื้อฟาร์มของลุงหมอ”
พ่อเลี้ยงธิปรกบอกลูกชายคนเล็ก ก่อนจะโยนหน้าที่ต่อไปให้กับผู้เป็นภรรยา โดยไม่ลืมโยนระเบิดเวลาใส่ลูกชายคนโตด้วย
“เพลิง...ขยับมาใกล้ๆ โทรศัพท์หน่อย แม่เลี้ยงมีเรื่องจะฉะกับเพลิงอยู่หลายเรื่องเลย”
คนที่ถูกบิดาเรียกได้แต่ทำหน้าเจื่อนร้องโอดครวญว่า “โธ่...พ่อเลี้ยงก็ช่างขู่ลูกซะจริงๆ”
พ่อเลี้ยงธิปรกหัวเราะร่วนเสียงดัง มีความสุขที่ได้แกล้งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอีกคน จากนั้นก็รอให้ภรรยาเล่นงานลูกชายคนโตบ้าง
“เพลิง ถ้าไม่กลับบ้านภายในสัปดาห์นี้ แม่เลี้ยงจะรับขันหมากจากเศรษฐีในตัวจังหวัด ที่ได้มาทาบทามหมามุ่ยให้กับลูกชายของเขา”
“ได้ยังไงครับ แม่เลี้ยงจะยกน้องหมาให้คนอื่นได้ยังไง น้องหมาเป็นเจ้าสาวของผมนะครับ ผมจองหมามุ่ยไว้ตั้งแต่เด็กแล้ว”
แม่เลี้ยงรดาและพ่อเลี้ยงธิปรกถึงกับสำลักน้ำลาย ต่างก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้กับชื่อเล่นของ ‘ธีราดา’ ที่มีชื่อเล่นว่า ‘หมามุ่ย’ แต่อัคนีมักจะเรียกสั้นๆ ว่า ‘น้องหมา’
ธีราดาเป็นลูกสาวของรามและอักษราภัค ซึ่งรามเป็นหัวหน้าคนงานและเป็นลูกน้องคนสนิทของพ่อเลี้ยงธิปรก ส่วนอักษราภัคก็เป็นเพื่อนรักของแม่เลี้ยงรดา
ในวันที่ธีราดาลืมตาดูโลก อัคนีได้หอมแก้มหนูน้อย พร้อมกับบอกว่าตนได้จับจองให้ธีราดาเป็นเจ้าสาวของเขา และพ่อเลี้ยงธิปรกก็ได้หมั้นหมายหนูน้อยไว้ให้กับอัคนีด้วยการมอบสร้อยคอทองคำให้กับหนูน้อยด้วย รอให้ทั้งอัคนีและธีราดาเติบโตเป็นหนุ่มสาวและถึงเวลาอันสมควรค่อยจัดงานแต่งให้ถูกต้องตามประเพณี
“นี่นายเพลิง น้องชื่อเล่นหมามุ่ย ทำไมไม่เรียกให้เต็มๆ ชื่อล่ะ”
“ก็ผมชอบเรียกแบบนี้นี่ครับ น้องหมาของนายเพลิง”
อัคนีเอ่ยเสียงหวาน ดวงตาเต็มไปด้วยความรักเมื่อนึกถึงสาวน้อยที่ตนได้จับจองให้เป็นเจ้าสาวของเขาตั้งแต่วันแรกเกิดของเธอแล้ว
“หนีมาอยู่ลอสแอนเจลิสตั้งสามปีแล้ว ไม่ใช่ป่านนี้สุนัขคาบหมามุ่ยไปรับ
ประทานแล้วหรือ คุณพี่เพลิง” อัคคีแซวพี่ชาย ทำเอาคนที่กำลังหวั่นๆ อยู่ถึงกับหันมาถลึงตาใส่ ด่ากลับในทันควัน
“ไอ้ไฟ ไอ้ปากหมา”
“ก็มันจริงนี่หว่า...ไม่ได้ยินที่แม่เลี้ยงบอกหรือว่ามีเถ้าแก่มาสู่ขอหมามุ่ย”
อัคคีรู้ว่าพี่ชายรักและหวงธีราดามาก ก็ยิ่งเทน้ำมันลงในกองไฟให้อัคนีได้คิดตามและหวาดหวั่น
และอัคนีก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ใบหน้าคมเข้มเริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดีขณะเอ่ยบอก
มารดาเสียงหลง “แม่เลี้ยงห้ามยกหมามุ่ยให้ใครนะครับ”
“ไม่รู้แหละ เพลิงไม่ยอมกลับบ้าน มาสู่ขอหมามุ่ยแต่งงานกับน้องให้เป็นเรื่องเป็นราว แม่ก็จะยกหมามุ่ยให้กับคนอื่นที่เขาสามารถดูแลหมามุ่ยได้”
แม่เลี้ยงรดาขู่ลูกชาย มั่นใจเกินร้อยว่าตอนนี้อัคนีอยู่ไม่เป็นสุขแน่
“ไม่ได้นะครับ แม่เลี้ยงจะยกหมามุ่ยให้ใครไม่ได้ นั่นเจ้าสาวของผม!”
อัคนียืนกรานเสียงดัง ยกมือเสยผมให้ยุ่งเหยิงไปหมด
“เจ้าสาวที่ถูกว่าที่เจ้าบ่าวทอดทิ้ง หนีมาเรียนไกลถึงลอสแอนเจลิสแล้วไม่ยอมกลับบ้านสักที หมามุ่ยรอเพลิงหลายปีแล้วน่ะ แม่ไม่อยากให้หมามุ่ยขึ้นคาน ตอนนี้ใครมาสู่ขอหมามุ่ย แม่จะยกหมามุ่ยให้กับเขาทันที”
“แล้วลุงราม ไม่คัดค้านหรือครับ”
อัคนียิงคำถามรัวเป็นชุด ซึ่งลุงรามที่เขาพูดถึง ก็คือบิดาของธีราดานั่นเอง
“เพลิงก็รู้ว่าลุงรามยกหมามุ่ยให้เป็นลูกสาวบุญธรรมของแม่ การตัดสินใจทุกอย่างอยู่ที่แม่กับพ่อเลี้ยง หากแม่เห็นว่าสิ่งที่เสนอให้กับหมามุ่ยเป็นสิ่งที่ดีและทำให้หมามุ่ยมีความสุข ลุงรามก็ไม่ขัดข้อง”
“แล้วหมามุ่ยก็ยอมแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รัก”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามเริ่มบ่งบอกถึงอาการไม่พอใจและโกรธเป็นอย่างมาก ทว่าหาได้โกรธมารดาไม่! แต่อัคนีกำลังโกรธคนที่ตกเป็นหัวข้อการสนทนาต่างหาก
“หมามุ่ยบอกว่าแล้วแต่แม่เลี้ยง ถ้าแม่เลี้ยงให้แต่งงานกับใคร หมามุ่ยก็ตกลงตามนั้น”
“บ้าชะมัด แต่งงานกับคนอื่นได้ยังไงกัน มีเจ้าบ่าวอยู่นี่ทั้งคน” อัคนีสถบอย่างลืมตัว ก่อนจะเอ่ยตอบมารดารัวเร็ว “เพลิงจะกลับประเทศไทยในทันทีที่ซื้อตั๋วเครื่องบินได้ แม่เลี้ยงห้ามให้ใครยกขันหมากมาสู่ขอหมามุ่ยนะครับ ไม่ยังงั้นผมจะทำตัวเป็นมหาโจรไปฉุดหมามุ่ยมาทำเมียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“เฮ้ย! เจ้าเพลิง หมามุ่ยเขามีพ่อมีแม่นะ นายจะทำแบบนั้นได้ยังไง”
คราวนี้พ่อเลี้ยงธิปรกตะโกนต่อว่าลูกชาย อดขำไม่ได้เมื่ออัคนีจะเล่นบทโหดขึ้นมา
“ไม่รู้ล่ะครับ หมามุ่ยเป็นของผม...ใครก็ห้ามแตะเจ้าสาวของนายเพลิง”
อัคนีตอบเสียงเข้ม ก่อนจะตัดบทการสนทนาเมื่อเกิดอาการร้อนรนอยู่ไม่ได้แล้ว
“แค่นี้ก่อนนะครับแม่เลี้ยง เพลิงจะโทร.ซื้อตั๋วเครื่องบิน ไม่เกินสามวัน แม่เลี้ยงกับพ่อเลี้ยงได้กอดลูกชายสุดหล่อทั้งสองคนแน่นอนครับ”
อัคนีกดวางสายการสนทนา ก่อนจะหันมามองหน้าน้องชาย ซึ่งอัคคีรีบยิงคำ
ถามใส่ในทันที
“จะกลับประเทศไทยภายในสามวันเลยหรือว่ะ ไอ้พี่ชาย”
“เอ่อสิว่ะ ขืนช้ากว่านี้ หมามุ่ยถูกสุนัขคาบไปรับประทานแน่ และนายก็อาจจะชวดได้ฟาร์มของลุงหมอเช่นเดียวกัน”
“โอเค ถ้ายังงั้นรีบโทร.จองตั๋วเครื่องบินเลย” อัคคีเร่งเร้าพี่ชาย
“เดี๋ยวนี้เลย ไอ้น้อง นายจัดกระเป๋ารอได้เลย” อัคนีไม่รอช้า รีบโทร.หาสายการบิน เพื่อจัดการซื้อตั๋วกลับประเทศไทยเป็นการเร่งด่วน
ฝาแฝดทั้งสองไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังตกหลุมพรางที่มารดาและบิดาได้ขุดล่อไว้ แม่เลี้ยงรดาชาญฉลาดยิ่งนัก รู้ว่าอัคนีรักและหวงธีราดาหนักหนา ก็ยกเรื่องที่มีมหาเศรษฐีมาสู่ขอธีราดา มาเอ่ยบอกให้อัคนีนั่งไม่ติดเก้าอี้
ส่วนอัคคีชื่นชอบและรักม้าเป็นชีวิตจิตใจ ก็คงอยู่ไม่ได้แน่ เมื่อรู้ว่าลุงหมอได้ประกาศขายฟาร์มม้า เขาต้องรีบแจ้นกลับประเทศไทยเพื่อขอซื้อฟาร์มของลุงหมอก่อนจะตกไปอยู่ในมือของคนอื่น
และไม่ว่าฝาแฝดสุดแสบทั้งสองจะฉลาดเป็นกรดมากเพียงใด ก็ไม่ฉลาดไปมากกว่าแม่เลี้ยงรดาและพ่อเลี้ยงธิปรก ที่กำจัดจุดอ่อนของฝาแฝดทั้งสองได้อย่างอยู่หมัด!!!